9 ก.พ.63- น.ส.ปรียานุช สนมศรี อายุ 28 ปี อาชีพเกษตรกรปลูกสับปะรดหวาน อยู่บ้านเลขที่ 183 หมู่ 1 ต.นาใน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม พร้อมด้วยน้องสาวและหลานชายวัย 3 ขวบ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุพจน์ แก้วมณี รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อสอบถามความคืบหน้า กรณี ด.ต.กรีรินทร์ ภูสมหมาย อายุ 45 ปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (บก.ภ.จว.ฯ) ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ยกสูง 4 ประตู รุ่นเรนเจอร์ ทะเบียน 5 กช 4652 กรุงเทพมหานคร ไล่ตามประกบพร้อมโชว์อาวุธปืนลักษณะข่มขู่ จนต้องโทรศัพท์แจ้งศูนย์วิทยุ 191 ก่อนที่คู่กรณีจะไหวตัวขับรถหลบหนีการตรวจค้นของตำรวจสายตรวจ สภ.ท่าอุเทน แล้วรถเสียหลักประสบอุบัติเหตุพุ่งชนท่อระบายน้ำได้รับบาดเจ็บขาข้างซ้ายหักสองท่อน ขณะนี้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.30 น. ของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

น.ส.ปรียานุช ระบุว่า เมื่อวันที่ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 10.00 น. ตนเองได้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า แค๊บ รุ่นรีโว่ สีดำ ทะเบียน บท 2953 นครพนม พาครอบครัว  ประกอบด้วยแม่วัย 50 ปี น้องสาวอายุ 22 ปี และหลานสาววัย 1 ปีเศษกับหลานชายอายุ  3 ขวบ รวมทั้งหมด 5 ชีวิต ไปไหว้องค์พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม ในเทศกาลนมัสการพระธาตุพนม จากนั้นก็พากันกลับบ้าน ระหว่างที่ขับรถมาบนถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 212(นครพนม-ท่าอุเทน) ถึง ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ก่อนถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3(นครพนม-คำม่วน) มีรถยนต์คู่กรณีขับแซงขึ้นมา แล้วขับส่ายไปมาอยู่กลางถนน ทำให้รถยนต์ที่วิ่งตามกันมาจำนวนหลายคันไม่กล้าแซง ต่างจอดหลบลงข้างทาง กระทั่งรถยนต์ต้องสงสัยจอดนิ่งอยู่ที่ขอบถนน รถทุกคันที่ดูท่าทีจึงขับต่อไป

เธอเล่าเหตุการณ์ต่อว่า เมื่อขับรถมาถึงแผงผลไม้จำหน่ายสับปะรดหวานและแคนตาลูป บ้านธาตุ ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ได้เดินลงไปเอาแคนตาลูปที่สั่งไว้ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวมาจอดจ่ออยู่ที่ด้านท้ายแทบถึงกันชน ระหว่างนั้นน้องสาวที่นั่งอยู่ในรถมองหันไปเห็นคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัยชูอาวุธปืนยาวให้ดู น้องสาวชะโงกหน้าออกมาตะโกนบอกว่า”พี่มันมีปืน” ด้วยความตกใจตนเองไม่ทันจ่ายเงินค่าแคนตาลูป รีบขึ้นรถขับออกไปจากบริเวณนั้น ขณะเดียวกันแม่ที่นั่งมาด้านเบาะข้างคนขับ มีอาการเหงื่อแตกต่างร้องไห้กันลั่นรถ ตนเองพอมีสติจึงกดโทรศัพท์แจ้ง 191 ว่า มีชายลักษณะสวมหมวกแก๊ปคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีผ้าพันคอไม่ทราบสี ขับรถยนต์ไล่กวดและนำอาวุธปืนยาว
ออกมาขู่

เมื่อขับออกจากบริเวณนั้นมาได้ประมาณ 200 เมตร ก็จอดริมถนนดูท่าทีของรถยนต์คันกล่าว ก็พบว่าคนขับก็วิ่งมาจอดจ่อท้ายอีก พร้อมกับลดกระจกลงยื่นอาวุธปืนสั้นออกมานอกรถให้เห็น คนทั้งหมดในรถร้องกันลั่นทำอะไรไม่ถูก ตนเองตั้งสติขับออกมาวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในโรงเรียนอุเทนพัฒนา ตรงข้ามกับโรงพยาบาลท่าอุเทน รถยนต์ปริศนาก็ขับตามแต่ไม่ยอมเข้าไปในโรงเรียน กลับขับวนไปมาทั้งที่การจราจรไม่สะดวก เนื่องจากถนนสายนี้อยู่ในระหว่างขยายเป็น 4 เลน ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจโทรเข้ามาสอบถามรายละเอียด จึงบอกว่าตอนนี้อยู่ในโรงเรียนอุเทนพัฒนา รถสายตรวจจึงวิ่งเข้ามาหา เมื่อคนขับรถยนต์คันนั้นเห็นรถตำรวจก็หันหัวเลี้ยวกลับหลบหนีไปยังขาเข้าตัวจังหวัดนครพนม รถสายตรวจยังไล่ตามไปติดๆ กระทั่งมาทราบภายหลังว่ารถยนต์คันดังกล่าวเสียหลักพุ่งชนท่อระบายน้ำริมถนน ใกล้กับทางเข้าหมู่บ้านปากทวยน้อย หมู่ 5 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน ซึ่งคนขับเป็นตำรวจยศดาบตำรวจ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลท่าอุเทน ก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม เพราะขาข้างซ้ายหักสองท่อน

ด้าน ร.ต.อ.สุพจน์ แก้วมณี พนักงานสอบสวน เปิดเผยว่าหลังรับแจ้งมีอุบัติเหตุบริเวณทางเข้าหมู่บ้านปากทวยน้อย ก็พบคนเจ็บซึ่งทราบต่อมาว่าชื่อ  ด.ต.กรีรินทร์ ภูสมหมาย ถูกตำรวจสายตรวจช่วยกันนำร่างออกมาจากเบาะคนขับ โดยตรวจสอบภายในรถพบอาวุธปืนยาวและสั้น จำนวน 3 กระบอก มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น

ต่อมา พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม กำชับพนักงานสอบสวนให้ทำสำนวนอย่างรัดกุม โดยขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ด.ต.กรีรินทร์ ฯ ว่า 1.มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ 2.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรเร่งด่วนฯ  3.ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวหรือความตกใจฯ และ 4.ขับขี่รถยนต์โดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อาจเกิดอันตรายต่อบุคคลและทรัพย์สิน และอาจจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเติม เพราะตรวจทั้งปัสสาวะ หาสารเสพติดทุกอย่าง แต่ผลตรวจยังไม่ออกมา หากแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลก็จะนำตัวส่งฟ้องศาลทันที 

ตามประวัติของ ด.ต.กรีรินทร์ ภูสมหมาย เคยเป็นตำรวจสายตรวจประจำ  สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ สร้างวีรกรรมลักษณะดังกล่าวหลายครั้ง จนเป็นที่เอือมระอาแก่เพื่อนร่วมงาน ล่าสุดก่อนถูกย้าย ตำรวจ สภ.ยางตลาด ภายใต้การนำของ รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ท่านหนึ่ง ต้องยกกำลังไปล้อมบ้านเพื่อนำตัวมาสอบสวน กรณีมีผู้เสียหายแจ้งความไว้ แต่ไม่ยอมมาให้ปากคำ จากนั้นก็ถูกคำสั่งย้ายมาเป็นฝ่ายธุรการ บก.ภ.จว.นครพนม แต่ไม่ทิ้งนิสัยเดิมกลับมาก่อเหตุเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งรายงานด้วยว่า ผู้บังคับบัญชาจ่อให้ออกจากราชการ เพราะสร้างปัญหาแก่ประชาชนไม่หยุดหย่อนและซ้ำซาก.