"รัฐบาล" ยังอนุโลมนั่งท้ายรถกระบะช่วงสงกรานต์ แค่ขอใช้ความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนด "บิ๊กป้อม" ย้ำมาตรการตรวจจับยึดรถทำผิดกฎจราจร ขอไม่กำหนดยอดตาย แค่ให้ลดลงน้อยที่สุด "ตำรวจ" ชงแก้กม.จราจร เสนอตัดแต้มคนทำผิด หวังยกมาตรฐานผู้ขับขี่ "เอ็นจีโอ" จี้ ผบ.ตร.คุมเข้ม "เมาขับ-ฉวยสาดน้ำคุกคามทางเพศ"
เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) ประชุมพิจารณาแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2560-2563 ภายใต้วิสัยทัศน์มุ่งมั่นสู่มาตรฐานการสัญจรที่ปลอดภัยด้วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยมีการสัญจรปลอดภัยตามมาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้การสร้างความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำหนด 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การปฏิรูประบบการจัดการด้านความปลอดภัยทางถนน การเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน การขนส่งทางถนนปลอดภัย 4.0 และประชารัฐเพื่อถนนปลอดภัย
"มาตรการดูแลความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยังเข้มงวดตรวจจับและยึดรถคนที่ทำผิดจราจร ส่วนนั่งท้ายกระบะยังคงอนุโลม แต่ให้ใช้ความเร็วต่ำไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและเหมาะว่านั่งกระบะรถช่วงไหนจะปลอดภัย และในช่วงวันสงกรานต์ 10 วันอันตราย จะไม่กำหนดสถิติ แต่จะลดตัวเลขอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุด ซึ่งประชาชนเองต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการขับขี่ตามกฎจราจร" พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า มาตรการความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะใช้มาตรการเดิมเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ที่เพิ่มเติมคือพื้นที่ใดที่มีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูง หรือมีการสูญเสียมาก เราจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เช่น เพิ่มจุดตรวจที่มีเจ้าหน้าที่และเพิ่มจุดจับความเร็ว ต้องเพิ่มมาตรการต่างๆ ในพื้นที่เสี่ยง และยังให้ความสำคัญเรื่องถนน ยานพาหนะ และคน เพิ่มความเข้มข้นเรื่องการดื่มสุรา การขับรถเร็ว และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิด
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ในส่วนการประชุมพิจารณาแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เสนอขอแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนให้คณะกรรมการพิจารณา โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตขับขี่ การใช้รถใช้ถนนถ้ามีการจับแล้วจะมีโทษมากขึ้นอย่างไร และจะมีการตัดแต้มคะแนนความประพฤติ ตามฐานความผิดไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
"เรื่องนี้เป็นกฎหมายรองหลังจากที่ พ.ร.บ.จราจรออกมาก่อน ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นชอบ เพราะจะบังคับให้คนขับรถดี ส่วนจะใช้เวลานานหรือไม่ในการออกมาตรการดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสนอไปตามกฎหมาย ต้องเข้า ครม. เข้ากฤษฎีกา แล้วไป สนช. ซึ่งเมื่อออกมาแล้วก็จะมีการบังคับใช้ว่าจะใช้เมื่อไร อย่างไร ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ประธานสั่งให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นมาตรการบังคับให้คนขับรถให้ดี แม้กระทั่งยึดใบขับขี่แล้ว แต่หากแอบขับก็จะโดนยึดอีก และจะโดนโทษหนักไปเรื่อยๆ" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ถามถึงการตั้งสถาบันวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนน รมว.มหาดไทยกล่าวว่า การตั้งสถาบัน คณะกรรมการฯ คิดว่าทำได้ยาก เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีจำนวนมาก ดังนั้นหากตั้งสถาบันโครงสร้างจะใหญ่มาก ซึ่งต้องใช้คน เจ้าหน้าที่รัฐและเงินจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งที่พอจะทำได้ทันทีคือการตั้งเป็นคณะกรรมการ และเป็นสิ่งที่รัฐไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก
ขณะที่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 กล่าวว่า สำหรับแนวทางที่จะแก้ปัญหาการจราจร การกระทำผิดกฎจราจรของคนไทยที่ค่อนข้างมาก เราจึงได้เสนอไป 2 ส่วน คือ 1.ประชาชนที่จะขับขี่รถบนถนนสาธารณะต้องสอบใบขับขี่ก่อนว่ามีความสามารถที่จะขับรถปลอดภัยบนทางสาธารณะหรือไม่ เมื่อผ่านการสอบได้รับมาตรฐานแล้วจึงจะได้รับสิทธิขับรถบนถนนร่วมกับคนอื่นได้ 2.เมื่อผ่านการทดสอบ มีมาตรฐานแล้ว ต้องมีพฤติกรรมในการขับขี่ที่ดี โดยเสนอให้แก้กฎหมายและเพิ่มโทษทางปกครอง เสนอให้มีการตัดคะแนนความประพฤติแบบที่ต่างประเทศใช้
"เมื่อคะแนนหมดจะถูกสั่งพักใช้ ตัดสิทธิการขับรถบนท้องถนนเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ถ้ากลับมาขับรถใหม่อีกครั้ง แล้วยังมีพฤติกรรมที่จงใจละเมิดกฎหมายอยู่อีก ครั้งต่อๆ ไป จะมีการพักใช้ที่ยาวนานขึ้น และอาจจะนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิในการขับรถ ซึ่งเรื่องนี้ผ่านที่ประชุมกฤษฎีกาแล้ว และจะนำเข้า ครม.ให้ สนช.เร่งพิจารณาออกมาเป็นกฎหมายให้เร็วที่สุด เชื่อว่าแนวทางนี้จะทำให้ประชาชนมีวินัยจราจร มีมาตรฐานในการขับขี่ที่ดีขึ้น และเป็นหนทาง นำไปสู่แนวทางการลดอุบัติเหตุเสียชีวิตของประชาชนได้อย่างดีที่สุด" พล.ต.ต.เอกรักษ์กล่าว
ผบก.ส.3 กล่าวว่า วิธีการตัดแต้มคะแนน หลักเกณฑ์ที่วางไว้แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์คือ ผู้มีใบอนุญาตขับขี่จะมีคะแนนทั้งหมด 12 คะแนน การตัดคะแนนจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1.การกระทำผิดต่อตนเอง แต่ไม่กระทบต่อสาธารณะ เช่น การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย การไม่สวมหมวกกันน็อก ขับรถเร็ว จะโดนตัด 1 คะแนน 2.ความผิดปานกลาง คือทำให้แล้วกระทบต่อสาธารณะ เช่น การฝ่าไฟแดง การขับรถย้อนศรจะตัด 2 คะแนน และ 3.กลุ่มที่ทำความผิดรุนแรงที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างร้ายแรง เช่น เมาแล้วขับ การเสพยาเสพติดแล้วขับรถ หรือการชนแล้วหนี จะถูกตัดคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าเป็นรถสาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถโดยสารสาธารณะกระทำผิด จะตัดคะแนนเพิ่มขึ้น
"โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถสาธารณะ หากกระทำผิดจนคะแนนความประพฤติหมด จะถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ 12 เดือน แต่หากกระทำผิดซ้ำอีก อาจถึงขึ้นเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ส่วนใบสั่งรุ่นใหม่ ผู้ที่ได้รับใบสั่งสามารถปฏิเสธใบสั่งแล้วต่อสู้คดีได้ แต่ถ้าได้รับใบสั่งแล้วไม่ชำระค่าปรับ จะถูกปรับเป็น 2 เท่า ทั้งนี้ กฎหมายใหม่จะไม่มีการยึดใบอนุญาตขับขี่ แต่ความผิดจะถูกบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์แทน" ผบช.ส.3 กล่าว
วันเดียวกัน น.ส.เครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และภาคีเครือข่ายฯ กว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อเรียกร้องให้ออกมาตรการคุมเข้มปัญหาช่วงเทศกาลสงกรานต์ แก้ปัญหาขายเหล้าให้เด็กผิดกฎหมาย ปัญหาอุบัติเหตุเจ็บตายพิการจากรถจักรยานยนต์ ปัญหาการลวนลามคุกคามทางเพศในพื้นที่เล่นน้ำ และมีจุดรับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือในพื้นที่เล่นน้ำ
น.ส.เครือมาศกล่าวว่า ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 29 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์อย่างจริงจัง และสกัดปัญหารถจักรยานยนต์คนเมาแล้วขับ รวมทั้งปราบปรามการคุกคามทางเพศในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์
น.ส.จรีย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมเข้ม มีมาตรการจัดการปัญหาให้ชัดเจน รวมถึงมีนโยบายพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า ปลอดภัย ไม่คุกคามทางเพศ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |