วิปรัฐบาลอ้อน ช่วยโหวตงบฯ ส่งส.ว.14ก.พ.


เพิ่มเพื่อน    

    วิปรัฐบาลอ้อน ส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล ไม่ใช้สิทธิในการแปรญัตติและอภิปรายงบประมาณอีก เร่งโหวตส่ง ส.ว.วันที่ 14 ก.พ. เพราะ พ.ร.บ.งบฯ 63 ช้ามากแล้ว "นิพิฏฐ์" ชี้โพรง 2 แนวทาง เล่นงาน ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน 
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคำร้องของส.ส.ต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ว่าไม่โมฆะ แต่ได้ระบุให้สภานำร่างกฎหมายลงมติใหม่ในวาระสองและวาระสาม นั้น การประชุมจะเป็นไปตามที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นัดหมายคือเริ่มประชุมวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เบื้องต้นได้เตรียมให้มีการประชุมดังกล่าวจำนวน 2 วัน คือ 13-14 ก.พ. หากไม่แล้วเสร็จสามารถพิจารณาต่อเนื่องถึงวันที่ 15 ก.พ.ได้ ส่วนการพิจารณานั้นจะยึดระเบียบและข้อบังคับของที่ประชุม คือให้กรรมาธิการ (กมธ.) ที่สงวนความเห็นได้อภิปราย รวมถึง ส.ส.ที่เสนอคำแปรญัตติได้อภิปรายตามเดิม
    เขายืนยันว่าจะไม่มีการเสนอให้ตัดตอนการอภิปรายเพื่อเร่งรัดการทำงานให้เร็วขึ้นแน่นอน รวมถึงเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้อภิปรายที่ไม่ชวนทะเลาะ หรืออภิปรายแบบยั่วโมโห ทั้งนี้ ตนจะนัดวิปฝ่ายค้านหารืออีกครั้ง
    ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า กรณีที่มาของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าเกิดจากประเด็นที่มี ส.ส.ให้สิทธิเสียบบัตรและลงคะแนนแทนกัน ยอมรับว่าต้องแก้ไขในจุดที่ผิดพลาด ซึ่งกำชับกับทุกพรรคไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวซ้ำอีก 
    "ผมเชื่อว่า ส.ส.ทุกคนเป็นผู้ใหญ่และทราบดี จึงมั่นใจว่าการลงมติวาระสองและวาระสามของร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ไม่มีปัญหาใดๆ โดยตนจะขอความร่วมมือ ส.ส.ที่เป็นกรรมาธิการคณะต่างๆ งดประชุม และให้มีเวลาอยู่ภายในห้องประชุมตลอดการพิจารณา" นายวิรัชกล่าว
    ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาลเรียกร้อง ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ได้ตระหนักถึงความเร่งด่วนในการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ซึ่งล่าช้ามาเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว โดยขอให้ทุกฝ่ายไม่ใช้สิทธิในการแปรญัตติและอภิปรายอีก เพราะได้ทำหน้าที่ในส่วนนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    นายชินวรณ์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 12 ก.พ. เวลา 10.30 น. จะมีการประชุมวิปรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสภาฯ พิจารณางบฯ ในวันที่ 13 ก.พ. และจะเสนอขอให้ที่ประชุมสภาลงมติเป็นรายมาตรา ตามข้อบังคับ เมื่อครบทุกมาตราแล้ว สามารถลงมติให้ความเห็นชอบได้ทันทีในวันที่ 13 ก.พ. และส่งให้วุฒิสภา(ส.ว.) พิจารณาให้ความเห็นชอบได้ในวันที่ 14 ก.พ.ต่อไป
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธาน ส.ส.ของพรรค กล่าวว่า นับเป็นเรื่องดี ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยอย่างรวดเร็วและมีคำบังคับให้สภารายงานผลการดำเนินการภายใน 30 วัน ทำให้มีความชัดเจนสามารถดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่มีการกระทำใดๆ ที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญอันมีส่วนอย่างสำคัญที่ช่วยทำให้การนำงบประมาณไปใช้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้องตามกฎหมาย
ปชป.ประชุม ส.ส.
    เขากล่าวว่า พรรคจะได้เชิญ ส.ส.ประชุมในวันอังคารที่ 11 ก.พ.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมสภาฯ ในวันที่ 13 ก.พ. โดยตนจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่า ส.ส.ที่เคยอภิปรายในครั้งที่แล้ว ควรงดอภิปรายในครั้งนี้ถึงแม้ ส.ส.จะมีสิทธิ์อภิปรายได้ก็ตาม เพื่อประหยัดเวลาและทำให้การโหวตลงมติวาระที่ 2 และวาระที่ 3 เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถนำงบประมาณไปใช้ให้เร็วที่สุด ซึ่งเชื่อว่า ส.ส.จะให้ความร่วมมือ เพราะทุกคนต่างทราบดีว่าการใช้จ่ายงบประมาณล่าช้าออกไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศโดยรวมมากขึ้นเท่านั้น ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ผ่านไปได้ด้วยความราบรื่น รวดเร็ว เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
    นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการเบิกจ่ายเงินของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ล่าช้าออกไป ว่า คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้ งบประมาณจะถูกนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของงบลงทุนที่ต้องนำมาใช้อย่างคุ้มค่า
    เขาเชื่อว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะดีกว่าปีที่แล้ว เพราะจะมีการเร่งเบิกจ่ายเพื่อใช้ในโครงการสำคัญ เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้ง และการบริหารจัดการน้ำ อย่างไรก็ตาม ตนต้องการให้รัฐบาลกระตุ้นให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจ็กต์จำนวนมากจนส่งผลให้สัดส่วนหนี้ภาครัฐต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี อยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในอีกไม่กี่ปี จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงดูดให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น หากรัฐทำให้เห็นทิศทางของโครงการในอนาคตก็เชื่อว่าเอกชนจะกล้าลงทุนมากขึ้น ส่วนจีดีพีปีนี้เห็นว่าอาจจะต่ำกว่า 3% ซึ่งนอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงปริมาณแล้ว ยังต้องมองที่ตัวชี้วัดในเชิงคุณภาพด้วย
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่หาทางออกให้กับประเทศ รัฐบาลและทุกฝ่ายรู้สึกโล่งใจที่งบประมาณปี 63 ไม่โมฆะ อยากขอความกรุณาพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ช่วยกันพิจารณาอย่างเร่งด่วนเพื่อผ่านงบประมาณในวาระ 2-3 เพื่อนำเม็ดเงินไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะหากล่าช้าไปกว่านี้ จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน และฝากไปยัง ส.ส.ทุกคน ให้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเสียบบัตรลงคะแนน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก
    โฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวอีกว่า เมื่องบประมาณปี 63 ผ่านสภา รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการใหญ่ๆ ของรัฐบาล เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านมาตรการต่างๆ และจะดำเนินการทันที โดยเฉพาะชิมช้อปใช้ เฟส 4 ทั้งนี้ เมื่อเม็ดเงินเข้าไปหมุนในฐานรากของประเทศ จะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งขณะนี้เจอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ยิ่งทำให้ต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก
"สมชัย"ยันศาลรธน.ถูกต้องแล้ว
    ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงมติศาลรัฐธรรมนูญว่า  ความเห็นโดยสุจริต กรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.งบประมาณฯ
    1.หากคำนึงถึงหลักการทางรัฐศาสตร์และผลที่เกิดขึ้นต่อบ้านเมือง โดยไม่คำนึงถึงคำวินิจฉัยในอดีต คำวินิจฉัยเอกฉันท์ 9 : 0 ให้ พ.ร.บ.งบประมาณไม่โมฆะทั้งฉบับ เป็นคำตัดสินที่ถูกต้องแล้ว เพราะบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า จะสะดุดทั้งประเทศด้วยเหตุความมักง่ายและไม่รับผิดชอบของ ส.ส.บางคนไม่ได้
    2.มติเสียงข้างมาก 5 : 4 ที่ให้กลับไปลงมติวาระ 2-3 และส่ง ส.ว.ใหม่ แม้จะฉิวเฉียด แต่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะต้องยอมเสียเวลาบ้าง เพื่อกลับไปแก้ไขในกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถตอบสังคมได้ว่าเสียบบัตรแทนกัน จบลงง่ายๆ ด้วยแค่ตัดคะแนนออกหรือ และหากวันหลังพบเพิ่ม ก็ร้องใหม่ ให้ตัดคะแนนใหม่ ไม่รู้จบสิ้น
    3.มติ 5 : 4 เป็นการยืนยันว่าการเสียบบัตรแทนกันเป็นความผิดที่ต้องมีการดำเนินการต่อ โดยสภาต้องตั้งกรรมการสอบและดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรม หากสรุปเป็นเรื่องร้ายแรงต้องส่ง ป.ป.ช. เพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษทางอาญา หากศาลประทับรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากศาลตัดสินว่าผิด ต้องโทษจำคุก ต้องหลุดจาก ส.ส.
    4.หลายคนสงสัยว่าทำไมศาลรัฐธรรมนูญไม่ขึ้นบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย เฉลยว่า คราวนี้เป็นการประชุมเพื่อวินิจฉัยข้อกฎหมาย ไม่มีผู้ถูกร้อง จึงไม่ต้องอ่านคำวินิจฉัยต่อหน้าผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ออกเพียงแค่ press release แต่คราวหน้าวันที่ 21 กุมภาพันธ์บ่ายสาม ขึ้นบัลลังก์แน่ครับ แต่เดาว่ากว่าจะขึ้นอ่านหรือกว่าจะอ่านจบ คงใกล้หรือเลยเวลาตลาดหุ้นปิดครับ
     นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีคนถามมาเยอะว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการเสียบบัตรแทนกันแล้ว จบแค่นี้หรือ ส.ส.เจ้าของบัตรหรือคนที่เอาบัตรคนอื่นมากด จะมีความผิดหรือไม่ ตนขอตอบเลยว่า ต่อไปก็เป็นเรื่องความผิดทางอาญา ซึ่งมีการดำเนินได้ 2 ทาง คือ 
    1.เริ่มกระบวนการสอบสวนผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร หากผลการสอบสวนเห็นว่า เจ้าของบัตรยอมให้คนอื่นกดแทน ก็ถือว่าเป็นความผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็ส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาลงโทษทางอาญาต่อไป
    และ 2.เริ่มสอบสวนผ่านทาง ป.ป.ช. ซึ่งก็ทราบว่าตอนนี้มีผู้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบสวนแล้วเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ส่วนจะหาตัวผู้กระทำผิดได้หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะมีคำกล่าวว่าเงินสามารถจ้างผีให้โม่แป้งได้ ซึ่งในหลายหน่วยงานผีก็กำลังทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น และตนก็กำลังจะจับผีอยู่หลายตัวเหมือนกัน ขอให้คอยฟัง
    ด้านนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันที่เกิดขึ้นในหลายกรณีว่า ขณะนี้กรณีที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง มีเพียง 2 กรณีคือ กรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ส่งผลการสอบสวนให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทราบแล้ว 
    อีกเรื่องคือกรณีนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริง ยังดำเนินการไม่เสร็จ โดยอยู่ระหว่างการขอข้อมูลไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อทราบวันเวลาอย่างเป็นทางการที่นางนาทีเดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่มีการพิจารณาลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ ซึ่งทาง ตม.ยังไม่ตอบกลับมา ต้องรอข้อมูลในส่วนนี้ก่อน 
    นายสรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียบบัตรลงคะแนนในกรณีอื่นๆ ยังไม่มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบหลักฐานที่ชัดเจนได้ อีกทั้งขณะนี้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรแทนกันมาที่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาจะอนุมัติให้ตั้ง กมธ.ดังกล่าวหรือไม่ หรืออาจจะมอบให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ หรืออาจมอบให้คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ที่ล่าสุดข้อบังคับเรื่องประมวลจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรมีผลบังคับใช้แล้ว ดังนั้น ควรให้สภาตัดสินว่าจะให้ กมธ.ชุดใด หรือคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน เพราะสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น แต่เรื่องการลงโทษต้องให้เป็นหน้าที่ของ กมธ.ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"