พท.ลั่นถก‘คสช.-กกต.’28มี.ค.


เพิ่มเพื่อน    

 "สมชัย" โต้นายกฯ เข้าใจผิดหลงเชื่อกุนซือกฎหมายที่อ่อนด้อยยุให้ปลดออก ยัน รธน.ให้อำนาจ  กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง ท้าเนติบริกรออกมาโต้ หวั่นองค์กรอิสระอื่นไม่กล้าตรวจสอบเหตุกลัวหลุดเก้าอี้ ตกบ่ายอุ้มพระปางอภัยทานอำลา กกต. หยอดคำหวานผมก็รักลุงตู่ "วิษณุ" สวนกลับทั้งโลกรู้มานานแล้ว กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง แต่ต้องทำร่วมกับรัฐบาล ด้าน พท.พร้อมหารือ กกต.-คสช. 28 มี.ค.นี้ ย้ำต้องจริงใจว่าจะปลดล็อกได้เมื่อใด

     เมื่อวันศุกร์ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุถึงเหตุผลหนึ่งที่ คสช.มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. มาจากการให้สัมภาษณ์จนทำให้ประชาชนสับสนเรื่องผู้มีหน้าที่กำหนดวันเลือกตั้งว่า ตนไม่ได้ล้ำเส้นรัฐบาลและ คสช.ในการพูดเรื่องวันเลือกตั้ง แม้การเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาคนที่กำหนดวันเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาล แต่ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 102 และ 103 ได้ออกแบบให้มีการแบ่งหน้าที่ระหว่างรัฐบาลและ กกต. คือรัฐบาลเป็นผู้ออกกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง แต่ กกต.เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง โดย กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งว่าเป็นวันใด ภายใน 5 วันนับแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง 
    นายสมชัยกล่าวว่า การที่หน่วยงานทางกฎหมาย หรือที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายกฯ ให้ข้อมูลที่ผิด จึงแสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของหน่วยงานกฎหมาย และทำให้นายกฯ เข้าใจผิดว่า คสช.และ ครม.เป็นคนกำหนดวันเลือกตั้ง จนทำให้นายกฯ ตัดสินใจใช้ ม.44 ในการปลดตน จึงควรมีการคืนความยุติธรรมให้กับตนด้วย เพราะตนไม่ได้พูดอะไรที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นก็ไม่ควรปลดตนออกจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้ตนได้เก็บของแล้ว และไม่หวังที่จะกลับมาเป็น กกต.แล้ว 
    “อยากให้หน่วยงานที่ปรึกษากฎหมายของนายกฯออกมาโต้กัน ว่าการที่ผมพูดนั้นทำให้เกิดความสับสนอย่างไร และควรกล้าที่จะออกมาพูดว่าผมทำผิดกฎหมายข้อไหน ทั้งที่การคาดการณ์ของผมก็เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนจนเตรียมตัวไม่ทัน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. ที่จะต้องเตรียมจัดการเลือกตั้ง” นายสมชัย กล่าว
    ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้า นายสมชัยได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ยืนยันว่า ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ กกต.เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง โดย กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งว่าเป็นวันใดภายในห้าวันนับแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เหตุผลที่เขียนกฎหมายให้แตกต่างจากในอดีตที่ให้รัฐบาลทำทั้งสองอย่างนั้น  เพราะเห็นว่าควรให้ กกต.ที่เป็นอิสระเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง จะสามารถให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่ง อ.มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นผู้ร่างเอง นอกจากนี้ ในมาตรา 104 ยังให้อำนาจ กกต.ประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งได้หากมีเหตุจำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาในอดีต ที่การเลื่อนต้องเห็นชอบร่วมกันระหว่างนายกฯ กับประธาน กกต. และรัฐบาลไม่ยอมเลื่อน จนทำให้เกิดความเสียหายจากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ อย่างปัญหาเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557
     นายสมชัยระบุว่า หน่วยงานด้านกฎหมายขาดการพิจารณาถึงผลที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ว่าการที่ชงให้ คสช.ใช้ ม.44 กับองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ กกต. จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่มีทางได้รับการยอมรับจากสังคมโลกได้เลย เพราะ กกต.จะขาดเป็นอิสระ หากผู้มีอำนาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเอง คงไม่มี กกต.ใดกล้าที่ไปตักเตือน หรือชี้ว่า คสช.ทำผิด เพราะเกรงว่า คสช.สามารถใช้อำนาจปลดคนที่เห็นต่างได้  ขณะเดียวกัน ก็สร้างความรู้สึกเดียวกันนี้ไปยังองค์กรอิสระอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการสิทธิ หากมีกรณี รัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชน จะไม่กล้าทักท้วง ผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจไม่กล้าส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ คตง. ป.ป.ช. อาจไม่กล้าตรวจสอบการทุจริตของรัฐ ไปจนถึงการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีความเป็นอิสระน้อยลง เพราะทุกคนรู้ว่า คสช.สามารถใช้ ม.44 เพื่อปลดผู้เห็นต่างได้
ยุนายกฯ ปลดเนติบริกร
    "ถ้าผมกล่าวผิด ท่านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเชือดผมกลางอากาศสองสามรอบ แค่นั้นผมพูดไปก็ไม่มีคนเชื่อแล้ว แต่ทุกครั้งดูเหมือนคนของท่านจะพูดผิดมากกว่า ในทางกลับกัน หากผมบอกให้นายกฯ รู้ถึงความอ่อนด้อยและไม่ชัดเจนของหน่วยงานด้าน กฎหมายดังกล่าว จนทำให้นายกฯ ต้องเข้าใจผิดและเสียหายแล้ว ก็สมควรใช้ ม.44 ปลดหน่วยงานนั้นแทน และหากจะตั้งผมเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ผมก็ยินดีครับ" นายสมชัยระบุ
     ต่อมา เวลาประมาณ 11.00 น. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง หรือ พตส.รุ่นที่ 9 พร้อมด้วยตัวแทนคณะนักศึกษา ได้เข้าพบนายสมชัยที่ห้องทำงานภายในสำนักงาน กกต. เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่นายสมชัย
    โดยนายสมชัยมีสีหน้ายิ้มแย้ม ได้กล่าวขอบคุณพร้อมเปิดเผยตอนหนึ่งว่า มีความรู้สึกโล่ง และไม่ได้โกรธเคืองอะไร การถูกคำสั่ง ม.44 ดังกล่าว เป็นเพราะไปพูดในสิ่งที่มีคนไม่พอใจ สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ที่สมัครไว้ เชื่อว่าโอกาสจะได้รับคัดเลือกคงน้อยมากแล้ว อีกทั้งตนไม่ต้องการให้ กกต.ทั้ง 4 มาเลือกตนด้วย เพราะไม่ต้องการทำให้ทุกคนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ตั้งใจจะไปบอกกับ กกต.ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อว่าขอให้การทำงานอย่าตามใจผู้มีอำนาจ เพราะท้ายที่สุด กกต.อาจจะเกิดปัญหากับตนเอง เพราะแม้รับคำสั่งมา แต่เมื่อต้องเป็นผู้ดำเนินการให้ ผลสุดท้ายอาจเกิดปัญหาจนต้องไปหารสี่ก็ได้
    สำหรับอนาคตต่อไปนั้น นายสมชัยกล่าวติดตลกว่า อาจไปสมัครทำงานกับหน่วยงานที่พร้อมรับของร้อน และตั้งใจจะจัดเฟซบุ๊กไลฟ์ทุกวัน
    ช่วงบ่าย นายสมชัยเดินทางมาอำลาเจ้าหน้าที่ กกต. จากชั้น 9 จนถึงชั้น 1 มีเจ้าหน้าที่นำดอกกุหลาบมามอบให้ โดยนายสมชัยเดินออกจาก กกต.พร้อมพระพุทธรูปปางอภัยทาน และกล่าวว่า พระที่ถือคือพระที่รองเลขาฯ กกต.มอบให้ในช่วงที่เข้ามาทำงาน มีองค์เดียวในประเทศไทย หลังจากพ้นจากตำแหน่งแล้วจะอภัยให้ทุกอย่าง ปล่อยวาง ไม่ถือโทษโกรธเคืองใคร ซึ่งการให้อภัยถือเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ การให้อภัยครั้งนี้ไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่ กกต.ที่ทำงานร่วมกันมา 4 ปี ซึ่งอาจจะมีการกระทบกระทั่งกัน ทั้งการกระทำและวาจา ถ้าถือโทษโกรธใครจะหนักตัวเองเปล่าๆ ต้องปล่อยวางทุกเรื่อง ถือว่าทุกอย่างจบสิ้นลง ไม่ได้ติดใจอะไร ออกจากงานด้วยความยิ้มแย้ม เป็นสุข รวมถึงอภัย คสช. ที่มีคำสั่งปลด และทุกๆ เรื่องที่ประสบมา 4 ปี เพราะทุกคนที่ทำมีเหตุผล และส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากการทำงานของเราด้วย  
    เขาบอกว่า จากนี้ไปก็จะพักผ่อนสัก 1 เดือน แล้วค่อยว่ากัน โดยจะขอภรรยาไปต่างประเทศเพื่อเยี่ยมลูกสาว และใช้เวลาเขียนหนังสือถึงสิ่งที่ได้ประสบมา 4 ปี  หลังจากนี้ยังจะแสดงความคิดเห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง แม้ว่าการพูดอาจจะกระทบต่อ คสช. ทั้งนี้ ไม่ได้คิดโกรธหรือเคียดแค้นมีอคติต่อใคร  
ผมก็รักลุงตู่
    นายสมชัยกล่าวด้วยว่า จะไม่ใช้สิทธิ์ในช่องทางศาลที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองจากคำสั่ง คสช. ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครอง หรือใช้ช่องทางใดๆ ที่จะทำให้ตัวเองกลับมาเป็น กกต.อีก ซึ่งยอมรับอำนาจของ คสช.เพียงแต่เหตุผล ขอให้มีความชัดเจน หากคลุมเครือก็ต้องขอสิทธิ์ในการชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ส่วนการใช้คำสั่ง คสช.จะมีผลต่อการทำงานขององค์อิสระใดๆ ต่อไปหรือไม่ จะขอไปพูดในงานเสวนา ที่คณะกรรมการญาติวีรชนฯ จะจัดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 25 มี.ค. ที่สมาคมนักข่าวฯ เพราะว่ามีรายละเอียดมาก และจะอธิบายถึงคำทำนายที่ 7 ที่จะเกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพินิจของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้ง    
    ส่วนการสมัครเลขาฯ กกต.นั้น นายสมชัยกล่าวว่า ตนยังไม่ได้ถอนตัว ดังนั้นยังถือว่าเป็นผู้สมัคร และขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของกรรมการสรรหา แต่ทั้งนี้ไม่ได้ติดใจอะไร หากจะไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาเรื่องคุณสมบัติ และหากเรียกสัมภาษณ์ แต่ตนไม่อยู่ในช่วงที่ไปต่างประเทศ ก็จะขอสละสิทธิ์  
    "ผมพูดเพราะเป็นห่วงท่าน เพราะการพูดแบบนี้จะนำไปสู่การบริหารบ้านเมืองในทางที่ผิดได้ ผมพูดด้วยความเป็นห่วงและรักท่าน วันเกิดท่านก็อวยพรท่านขอให้ท่านประสบความสำเร็จในฐานะที่ท่านเป็นนายกฯ ใครก็รักลุงตู่ ผมก็รักลุงตู่" นายสมชัยกล่าวเมื่อถามว่าติดใจไหมที่นายกฯ ระบุว่ามีหน่วยงานขอมาให้ปลด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอำลาวันนี้ สำนักงาน กกต.ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพ ขณะเดียวกันผู้บริหารระดับสูงของ กกต.ต่างก็อ้างว่าติดภารกิจภายนอก รวมทั้งกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่มีใครอยู่สำนักงานเลย จึงไม่ได้มาอยู่ส่งนายสมชัย มีเพียงพนักงานระดับล่างมามอบดอกไม้ให้กำลังใจและเดินมาส่งถึงรถ ซึ่งมีรายงานว่า กกต.และผู้บริหารไม่ต้องการให้เป็นที่เพ่งเล็งของ คสช. เนื่องจาก คสช.มีคำสั่งให้นายสมชัยพ้นจากการทำหน้าที่ จึงไม่ควรแสดงออกอย่างเอิกเกริก ทั้งที่ผ่านมานายสมชัยถือว่าเป็น กกต.ที่ทำงานและบุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกกับการจัดการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ     
    ด้านนายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า การอ้างเหตุผลของ คสช.ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะการอ้างว่าลงสมัครเลขาธิการ กกต.โดยไม่ลาออกจากตำแหน่ง ถ้านายสมชัยทำผิดกฎหมาย ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ผู้มีอำนาจมาแทรกแซงทำไม ถ้า คสช.ใช้อำนาจเผด็จการแบบนี้แทรกแซงองค์กร ควรจะยุบองค์กรอิสระทั้งหมดเลย และเป็นการใช้มาตรา 44 อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เหนือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยการให้ กกต.ที่อายุเกิน 70 ปี อยู่ในตำแหน่งต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนยอมรับไม่ได้ หลักการในการให้ใช้มาตรา 44 เพื่อสร้างความปรองดอง แต่กรณีทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น และรัฐธรรมนูญประกาศใช้ตั้งแต่ 6 เม.ย.60 มาตรา 44 ควรยุติได้แล้ว 
    "การเลื่อนเลือกตั้งแบบนี้น่าจะล้มเลือกตั้งด้วยซ้ำ ถ้า คสช.ไม่ได้เปรียบ ไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง คสช.ต้องมั่นใจว่าจะชนะเพื่อกลับมาสืบทอดอำนาจ ถ้าไม่มั่นใจล้มเลือกตั้งแน่นอน โรดแมปที่แท้จริงคือการสืบทอดอำนาจยาวนาน คนมันบ้าอำนาจ หลงอำนาจ ต้องรักษาอำนาจให้นานที่สุด" นายวีระกล่าว
กกต.ต้องหารือรัฐบาล
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมชัยระบุว่า กกต.เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้งไม่ใช่รัฐบาลว่า รู้กันทั้งโลกมานานแล้วว่า กกต.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง โดยต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่ กกต.จะต้องอาศัยความเห็นชอบร่วมกันกับรัฐบาล เป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย และในคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 กำหนดให้ คสช. ครม. ร่วมกับประธาน สนช. กรธ. กกต. และพรรคการเมืองด้วยก็ได้ มาหารือร่วมกันเกี่ยวกับการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เองเข้าใจ แม้ปัจจุบัน กกต.จะเหลือ 4 คน แต่ยังสามารถจัดการเลือกตั้งได้ตามรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป กกต.ชุดใหม่จะเป็นผู้ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง
     เมื่อถามถึงกรณีนายสมชัยอาสาจะมาทำหน้าที่ที่ปรึกษากฎหมายให้รัฐบาล นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลไม่มีเก้าอี้ที่ปรึกษากฎหมาย ตำแหน่งนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียว ส่วนที่นายสมชัยอ้างว่าฝ่ายกฎหมายรัฐบาลร้องขอให้ใช้มาตรา 44 เพื่อให้ตนเองหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนตัวไม่ทราบ จึงไม่รู้จะตอบอย่างไร
     ส่วนมีการมองว่าฝ่ายกฎหมายรัฐบาลน่าจะหมายถึงตัวท่าน นายวิษณุตอบว่า “ไม่ทราบ แต่ผมไม่เชื่อว่านายสมชัยจะโกรธผม และไม่เชื่อว่าเขาจะหมายถึงผม  ผมกับท่านสนิทสนมกันดี” เมื่อถามว่าเรื่องนี้เหมือนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่หรอก เพราะคนอื่นไม่ได้เป็นอย่างนี้ ส่วนที่มีมองว่าเป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระนั้น นายกฯ ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว
    วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม เพื่อหารือถึงการเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายศุภชัยเปิดเผยว่า เป็นการหารือเรื่องการเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุยในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ในประเด็นที่ว่าพรรคการเมืองเก่าจะทำอะไรได้บ้าง หรือทำอะไรไม่ได้บ้าง ซึ่งเราดูคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่ออกมา ว่าทำอะไรได้ หรือต้องปฏิบัติอย่างไร เป็นการคุยกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน โดยนายวิษณุไม่ได้มอบหมายอะไรเป็นพิเศษ ทั้งนี้ กกต.ไม่มีความกังวลใดๆ และพร้อมที่จะตอบคำถามฝ่ายพรรคการเมือง ทุกคำถามมีคำตอบ ส่วนเรื่องปลดล็อกอยู่ที่การตัดสินใจของ คสช.
    เมื่อถามว่า กกต.หายไปคนหนึ่ง จะทำงานได้หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า ยังคงทำงานได้ตามปกติ เพราะมีองค์ประชุมครบอยู่ 4 คน ส่วนเรื่องคนที่จะครบวาระนั้น ไม่มีแล้ว ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ อีกทั้งไม่ต้องแบ่งงานกันใหม่สำหรับคนที่เหลือ เพราะเราไม่ได้ดูแลกิจการต่างๆ หากแต่ดูเรื่องนโยบาย ส่วนการบริหาร สำนักงาน กกต.เป็นเรื่องของรักษาการเลขาธิการ กกต. ซึ่งเขาทำงานได้ดี
    ถามถึงกรณีนายกฯ และนายสมชัยระบุไม่ตรงกันในเรื่องใครเป็นผู้มีอำนาจกำหนดวันเลือกตั้ง นายศุภชัย กล่าวว่า ต้องอยู่ที่ พ.ร.ป ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เมื่อมีผลบังคับใช้ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันตามกฎหมายระบุ ส่วนเรื่องที่นายกฯ เชิญทุกฝ่ายมาหารือ นั้น เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเราหารือกันตลอดว่าจะมีเลือกตั้งในช่วงไหน จะกำหนดให้สั้นไป ยาวไป เดี๋ยวจะมีปัญหาเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละพรรค ส่วนจะทันในเดือน ก.พ.62 หรือไม่ ต้องดูที่กฎหมายต่อไป ส่วนกรณีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ป.ส.ว. ตนเห็นว่าคงไม่มีผลอะไร
พท.พร้อมหารือร่วม 28 มีค.
    ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้รับหนังสือเชิญให้ไปหารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำกิจกรรมทางการเมือง ตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 และกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองกับ กกต.และ คสช. ในวันที่ 28 มี.ค.แล้ว โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย จะมีผู้บริหารพรรคทั้งรักษาการหัวหน้าพรรค รักษาการเลขาธิการพรรค และฝ่ายกฎหมาย เข้าร่วมหารือ โดยเตรียมข้อสงสัยประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองช่วงที่ผ่านมา และการเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง ทั้งเรื่องสมาชิกพรรคและสาขาพรรค ที่ต้องขอความชัดเจนจาก กกต. การจะให้พรรคการเมืองเตรียมการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ คสช.เองต้องมีความจริงใจแสดงความชัดเจนว่าจะปลดล็อกพรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่เมื่อใด เพราะพรรคการเมืองต้องใช้เวลาในการเตรียมการเลือกตั้ง ถ้าไม่มีเวลาก็จะเกิดผลกระทบได้
     รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มวาดะห์จะแยกตัวออกไปจากพรรคเพื่อไทยว่า   ยังไม่ได้รับการยืนยันจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แกนนำกลุ่มวาดะห์ ว่าจะแยกตัวออกไปจริงหรือไม่ หรือจะไปเฉพาะบางคน เรื่องนี้จะชัดเจนเมื่อพ้นวันที่ 30 เม.ย. วันครบกำหนดในการมายืนยันเป็นสมาชิก ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคกันมาก็ต้องมีความผูกพัน หากเขาตัดสินใจอย่างไร ต้องมาบอกกล่าวเหตุผลกัน เราเคารพและยอมรับในการตัดสินใจของทุกคน ในวันที่ 4 เม.ย. พรรคเพื่อไทยได้มีการนัดหมายอดีต ส.ส. เข้ามายืนยันสมาชิกพรรค ถือโอกาสให้อดีต ส.ส. สมาชิกพรรค เข้ารดน้ำดำหัว หัวหน้าพรรครวมถึงผู้ใหญ่และคนสำคัญของพรรค
    นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน กล่าวถึงกระแสคนรุ่นใหม่จัดตั้งพรรคการเมืองว่า รุ่นใหม่รุ่นเก่ารุ่นไหนไม่รู้ ขึ้นอยู่กับว่าทำได้ไหม อนาคตขึ้นอยู่กับการลงมือทำ และประเทศชาติไม่ใช่สถานที่ฝึกงาน คนจะเดินไปข้างหน้าก็ต้องยอมรับประวัติศาสตร์ข้างหลัง ไม่ใช่ร่วมกันกลบเกลื่อนหรือปัดสวะความรับผิดชอบร่วมกับคนในสังคม แล้วชูว่าตัวเองเป็นคนใหม่ สะอาดเยี่ยมอ่องแกะกล่องออกมาไร้มลทิน หารู้ไม่ว่าความไร้มลทินมันมาคู่กับความไร้ความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤติในขั้นตอนลงมือทำ เพราะไม่มีประสบการณ์หรือไม่ 
     "ที่พรรคประชาธิปัตย์มีคนทุกรุ่น ทุกเจเนอเรชั่น  โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีมากกว่าด้วยซ้ำ เป็นเพียงพรรคการเมืองเดียวที่มียุวประชาธิปัตย์มาทุกยุคทุกสมัย นำความคิดของคนรุ่นใหม่มาปรับใช้ นายชวน หลีกภัย จะเป็นคนรุ่นไหนสำหรับใครก็ตาม แต่นายชวนก็ใช้แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มบนมือถือเพื่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะการเล่นดนตรี การเทียบเสียงด้วยแอปพลิเคชันบนมือถือ และติดตามข้อมูลข่าวสารบนแพลตฟอร์มที่มีบนสมาร์ทโฟน" นางมัลลิกากล่าว. 
     


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"