เปรมชัยยังบริสุทธิ์! อิตาเลียนไทยแจงตลท./ผลสอบDNAถึงอัยการ


เพิ่มเพื่อน    

  "อิตาเลียนไทย" ไม่แคร์สังคม ร่อนหนังสือแจงตลาดหลักทรัพย์ "เจ้าสัวเปรมชัย" แค่ถูกกล่าวอ้างยิงเสือดำ ยังบริสุทธิ์ บริษัทไม่เกี่ยวข้อง ผลตรวจดีเอ็นเอซากสัตว์เสร็จแล้ว 100% ส่งถึงมือ “ตำรวจ-อัยการ” ตร.เชิญ “นพดล” ให้ปากคำ ศรีสุวรรณบี้กรมอุทยานฯ ปรับแก้ค่าเสียหายเป็น 300-500 ล้าน หากนิ่งเจอที่ศาลแน่


เมื่อเวลา 17.11 น. วันศุกร์ นายวรวุฒิ หิรัญยไพศาลสกุล เลขานุการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือที่ CSD 016/2561 ถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทฯ ต่อกรณีปัญหาทุ่งใหญ่นเรศวร โดยมีเนื้อหาระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้พิจารณาเรื่องผลกระทบกรณีปัญหาดังกล่าว มีความเห็นว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการดำเนินการของบริษัท แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากผู้บริหารถูกกล่าวอ้างว่ากระทำความผิด และยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา ตรวจสอบ สอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และส่งเรื่องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์
"คณะกรรมการบริษัทเห็นว่า ถึงแม้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากตัวบริษัท แต่บริษัทควรจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานราชการในการดำเนินงานดังกล่าว และบริษัทควรจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อีกทั้งประเมินผลกระทบต่อบริษัท ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการแก้ไขได้ และมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชนได้ทันท่วงที"
วันเดียวกัน ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสัตว์ป่า ในคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และพวก ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ได้โพสต์รูปภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของซากสัตว์ป่าต่างๆ ในคดีนายเปรมชัยเสร็จสมบูรณ์ 100% และได้ส่งมอบรายงานผลให้ตำรวจแล้วในวันที่ 23 มี.ค. เพื่อจะได้นำส่งมอบต่อให้อัยการภาค 7 ที่ทองผาภูมิต่อไป 
“คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้สังคมเห็นว่าสัตว์ป่าที่ตายไปแล้วสามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองได้ และเขาสามารถหาที่ยืนให้กับตนเองในโลกนี้ได้เท่าเทียมกับมนุษย์เช่นเดียวกัน” ดร.กณิตาโพสต์
ขณะเดียวกัน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการ ปปป. ได้เชิญนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติฯ และที่ปรึกษาบริษัท อิตาเลียนไทยฯ มาสอบปากคำในฐานะพยาน ตั้งแต่การประสานขอเข้าพื้นที่ให้กับนายเปรมชัยและพวก ไปจนถึงขณะนายเปรมชัยและพวกถูกจับกุม กระทั่งถูกแจ้งข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน เพื่อประกอบสำนวนหลังการสอบสวนนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ระบุว่าขณะจับกุมนายเปรมชัยได้กล่าวอ้างถึงนายนพดลว่าจะมาเคลียร์ให้ 
        ขณะที่นายนพดลระบุสั้นๆ ว่า ไม่ทราบว่าตำรวจเรียกมาทำไม แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีความผิดอะไร
          ภายหลังสอบปากคำกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า นายนพดลยืนยันตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่ามีการประสานขอเข้าพื้นที่อุทยานและพูดคุยกับนายวิเชียรจริง ซึ่งพูดคุยก่อนนายเปรมชัยเข้าพื้นที่ โดยได้ติดต่อกับนางกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และขอเบอร์โทรศัพท์นายวิเชียร นอกจากนี้ นายนพดลยังร้องขอให้พนักงานสอบสวนระบุในท้ายคำให้การว่า นายเปรมชัยไม่ได้เข้าป่าเพื่อไปล่าสัตว์ ซึ่งคำให้การของนายนพดลที่พาดพิงถึงนางกาญจนา เบื้องต้นยังไม่จำเป็นต้องเรียกบุคคลอื่นมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะสำนวนครบถ้วนแล้ว แต่ต้องนำเข้าที่ประชุมพนักงานสอบสวนพิจารณาอีกครั้ง
      “นายนพดลยังยืนยันว่าในวันที่เจ้าหน้าที่จับกุมนายเปรมชัยและพวก นายเปรมชัยไม่ได้ติดต่อมาเพื่อให้ไปเจรจากับเจ้าหน้าที่เพื่อประสานงานแต่อย่างใด ซึ่งหลังสอบปากคำนายนพดลเสร็จ คงไม่จำเป็นต้องนัดมาอีกแล้ว และจะรีบสรุปสำนวนส่งศาลอาญาทุจริตภาค 7 ให้ทันภายในวันที่ 30 มี.ค.นี้” พล.ต.ต.กมลกล่าว
         ส่วนนายนพดลกล่าวว่า ไม่มีอะไรมาก เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเปรมชัยและคดีที่เกิดขึ้น และในวันที่ถูกจับกุม ไม่ได้มีการติดต่อมาจากนายเปรมชัยแต่อย่างใด ก่อนเดินทางกลับบ้านด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์สมาคมเรื่อง "คัดค้านกรมอุทยานฯ เรียกค่าเสียหายทางแพ่งเสือดำน้อยเกินควร" มีเนื้อหาว่า กรณีอัยการให้เพิ่มการประเมินค่าเสียหายทางแพ่งต่อระบบนิเวศในคดีล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัยไว้ 3,034,612 บาทนั้น ไม่น่าสอดคล้องกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงจากการที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องสูญเสียเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าตามบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาไซเตส และเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายาก และเสี่ยงสูญพันธุ์สูง เพราะการเกิดขึ้นของเสือดำเป็นการเกิดขึ้นมาในลักษณะของการกลายพันธุ์ หรือการผ่าเหล่า ซึ่งจะนำมาเปรียบเทียบกับการซื้อขายแยกเป็นตัวๆ ตามหลักคิดของการซื้อขายสัตว์ทั่วไปนั้นไม่ได้
       “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ต้องสูญเสียเสือดำเพศเมียไป 1 ตัว ย่อมทำให้เสียสมดุลทางนิเวศในพื้นที่ไปนานกว่า 5 ปี จึงจะทำให้สมดุลกลับคืนมา เพราะเสือดำเป็นสัตว์นักล่า อยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหาร การขาดเสือดำไปจะทำให้สัตว์ถูกล่า เช่น กระต่าย หมูป่า กวาง ฯลฯ เจริญพันธุ์ได้มากขึ้น ซึ่งมีโอกาสไปทำลายนิเวศโดยรอบให้เสียสมดุลได้ และอาจลุกลามทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านด้านนอกเขตรักษาพันธุ์ฯ ได้ อีกทั้งเสือดำเพศเมียที่ถูกฆ่าอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ย่อมมีโอกาสที่ขยายพันธุ์ได้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานถึง 100 ตัวก็ได้ ซึ่งทำให้มูลค่าของเสือดำ 1 ตัวมากกว่า 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว” นายศรีสุวรรณกล่าว
       นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า หากเปรียบเทียบกับมูลค่าของการผลิตเสือลายเมฆที่สวนสัตว์เขาเขียว ตามโครงการความร่วมมือในการอนุรักษ์เสือลายเมฆในประเทศไทยของภาคีองค์การสวนสัตว์กับต่างประเทศ มีค่าใช้จ่ายกว่า 500 ล้านบาท ที่จะผลิตเสือลายเมฆให้ได้หนึ่งคู่ ดังนั้นสมาคมจึงใคร่เรียกร้องต่อกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้เปลี่ยนหลักคิดทางแพ่งในการเรียกค่าเสียหายจากการฆ่าเสือดำดังกล่าวเสียใหม่ ซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า 300-500 ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักคิดค่าเสียหายในทางการลงโทษที่สากลใช้กัน 
“ไม่ต้องเกรงว่าจะเป็นบรรทัดฐานที่จะไปกระทบต่อบุคคลอื่นๆ ที่อาจขับรถไปชนเสือดำตาย หรือคนยากคนจนที่อาจไปล่า เพราะการฆ่าเสือดำนั้นกฎหมายจะเอาผิดขั้นสูงสุด ก็แต่เฉพาะคนที่มีเจตนาฆ่าเท่านั้น ซึ่งหากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่ทบทวนวิธีคิดค่าเสียหายดังกล่าวเสียใหม่ สมาคมก็จำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อหาข้อยุติในทางกฎหมายต่อไป” นายศรีสุวรรณกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"