"เรื่องกฎหมายงบประมาณ พอจะคลี่คลายไปได้เปลาะหนึ่ง แต่เมื่อไปดูปัจจัยการเมืองอื่น ยังน่าหนักใจสำหรับรัฐบาลประยุทธ์"
นับแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ไม่เพียงผลกระทบในสาธารณรัฐประชาชนจีนเท่านั้น แต่ยังแพร่ขยายไปทั่วทุกมุมโลก ตัวเลข ณ วันที่ 8 ก.พ. ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุไปแล้วกว่า 33,800 ราย เสียชีวิตไปแล้วกว่า 717 ราย ทำเอาระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การส่งออก การคมนาคมขนส่ง การติดต่อสื่อสาร ค้าขาย ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่
ประเทศไทยแม้จะมีผู้ติดเชื้อบ้าง แต่ผลจากความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยให้หาย ถือเป็นเปอร์เซ็นต์สูงกว่าชาติอื่นๆ ขณะเดียวกันแพทย์ไทยก็สร้างชื่อสามารถผลิตยาต้านไวรัสโคโรนา ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง ลดการสูญเสีย เป็นเรื่องน่าชื่นชมยินดียิ่ง แต่ทว่าสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปกติธรรมดา การบริโภคภายในประเทศลดลง ธุรกิจขนาดเล็กย่ำแย่ ปัจจัยภายนอกไม่มีการลงทุนใหม่ พอมาเจอไวรัสโคโรนาเข้ามากระหน่ำซ้ำเติมอีก ยิ่งทำให้แย่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า GDP ในไตรมาสแรกจะโตต่ำกว่า 2.5% ทั้งปีต่ำกว่า 2.8% ไม่เท่านั้น จากผลกระทบไวรัสโคโรนาระบาด ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ไทยพาณิชย์พักชำระเงินต้นให้ลูกค้ากลุ่มโรงแรมเป็นเวลา 6 เดือน กสิกรไทยพักชำระเงินต้นต่อลูกค้าเอสเอ็มอีเป็นเวลา 12 เดือน พร้อมปล่อยวงเงินฟื้นฟู
ประเทศไทยถือเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว จากเหตุการณ์ดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์นักท่องเที่ยวจากจีนจะลดลงจากเดิม 11 ล้านคน เหลือ 9 ล้านคน ส่วนเม็ดเงินที่เราจะต้องสูญเสียไปทั้งด้านการท่องเที่ยว ส่งออก สายการบิน โรงแรม อีกมหาศาล ท่ามกลางความเลวร้ายของไวรัสโคโรนา ในทางตรงกันข้าม สะท้อนให้เห็นถึงคำว่ามิตรแท้มากขึ้น สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยส่งแถลงการณ์ขอบคุณรัฐบาลไทย คนไทย ที่ให้ความช่วยเหลือจีนเป็นอย่างดี คนไทยส่งกำลังใจให้ชาวอู่ฮั่น ส่วนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ช่องทางโลกออนไลน์ส่งต่อข้อความ ‘ถ้าไวรัสหายไป สัญญาได้ไหม เราจะกลับไปเที่ยวเมืองไทย’ แม้สถานการณ์ไวรัสจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แต่กระแสแห่งธารน้ำใจทั่วทุกมุมโลกส่งไปให้จีน
คนไทยตื่นตัว ตระหนักถึงไวรัสร้าย ต่างเร่งหาวิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับทุกหน่วยงานเฝ้าระวัง เกาะติด พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยไม่โมฆะ
‘...ข้อเท็จจริงในคดีนี้ก็ปรากฏชัดว่า การพิจารณาออกเสียงลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 ชั้นรับหลักการและการพิจารณาของกรรมาธิการก่อนเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2 ได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ ถือว่าได้เป็นขั้นตอนที่เสร็จสิ้นไปโดยสมบูรณ์ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศชาติจะต้องได้กฎหมายฉบับนี้ไปช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าและอุปสรรคในการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 74 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจกำหนดคำบังคับไว้ในคำวินิจฉัยได้ด้วย ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวนี้มิได้มีอยู่ในอดีต จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ดังกล่าว ให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องเฉพาะในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 และข้อสังเกตของกรรมาธิการ แต่การพิจารณาลงมติในวาระที่ 1 และขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาออกเสียงลงมติเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2 ซึ่งได้เสร็จสิ้นไปก่อนที่จะมีการกระทำอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นขั้นตอนที่ชอบและมีผลสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญแล้ว จากนั้นให้เสนอร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขให้ถูกต้องดังกล่าวให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมทั้งให้สภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการปฏิบัติตามคำบังคับต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย’
‘นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์’ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มีดำริว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนและสำคัญกับประเทศ จึงสั่งให้มีการประชุมสภานัดพิเศษ ในวันที่ 13 ก.พ. เวลา 09.30 น. โดยผู้ที่สงวนคำแปรญัตติในครั้งที่แล้วมีสิทธิ์อภิปราย แต่ถ้าจะให้ประหยัดเวลา วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านก็สามารถหารือกัน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ คนที่พูดไว้เมื่อครั้งก่อนอาจขอถอนไม่อภิปรายก็ได้
ฝ่ายการเมือง พอจะคลายความกังวลใจไปได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องนับหนึ่งเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน นักการเมืองทุกพรรค ต่างรอเม็ดเงินที่เปรียบเหมือนสายฝนโปรย เพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป เป็นอันว่าทุกอย่างจบ และคลี่คลายไปในทางที่ดี ผู้แทนราษฎรเข้าสภาฯ กันอีกวัน โหวตผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณ ให้ถูกต้องเสร็จสิ้น ถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย และเตรียมรับโบนัสอีกเด้ง กฎหมายงบประมาณ 2564 จ่อที่จะเข้าสภาฯ ในช่วงกลางปีนี้เช่นกัน
เรื่องกฎหมายงบประมาณ พอจะคลี่คลายไปได้เปลาะหนึ่ง แต่เมื่อไปดูปัจจัยการเมืองอื่น ยังน่าหนักใจสำหรับรัฐบาลประยุทธ์ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันอภิปราย 24-27 ก.พ.วันลงมติ 28 ก.พ. รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
โดยงานนี้พรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย จัดวางขุนพลรอถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวทางตรงหรือทางอ้อม เรื่องเก่า เรื่องใหม่ จะถูกลากโยงให้เข้ามาเป็นเรื่องเดียวกัน ในฐานะอดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ และหัวหน้าฝ่ายบริหาร ที่ต้องกำกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ก็ถูกปักธง ชำแหละผลงานอันล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ปมการเมือง ล็อกเป้ามุ่งเน้นเรื่องที่ดินบิดาที่ขายต่อให้กลุ่มทุนใหญ่ ราคาสูงกว่าควรจะเป็น สมัยยังเป็น ผบ.ทบ. ก็จะถูกลากโยงมาให้เห็นว่า หลังจากทำการยึดอำนาจเป็นรัฐบาล คสช.แล้ว มีการต่างตอบแทนในเรื่องรูปแบบอื่นอย่างไรบ้าง ไม่เท่านั้นมีเสียงเล็ดลอดออกมาว่า ที่ดินบางบอนแค่เป้าหลอก ของจริงที่จะทำให้หงายหลังอยู่แถวๆ เชียงราย ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพียงคำขู่ การโยนหิน หรือมีหลักฐานให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลจริงๆ ก็ต้องคอยลุ้นกันต่อไป
ว่ากันว่า งานนี้ กลุ่ม 3 ป. โดนถล่มกันอย่างทั่วหน้า พล.อ.ประวิตรที่ถูกดันชื่อเข้ามาในนาทีสุดท้าย ก่อนยื่นญัตติซักฟอก เป็นหนึ่งในตัวละครลับที่ปรากฏชื่อในดีลลับกับบิ๊กแกนนำเพื่อไทย หวังเป่าชื่อให้หายไปจากการซักฟอก ไม่เพียงจะตกรางวัลให้ลูกชายที่กำลังรับราชการขยับเลื่อนขั้นในตำแหน่งสูงขึ้น ไม่เท่านั้นยังมีการเชื่อมโยงไปถึงคดีของลูกชายนายใหญ่ ที่แว่วเสียงมีบิ๊กๆ เข้ามาช่วยเจรจา ทำให้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นเหตุให้เป็นที่รับรู้ของคนวงในถอยไม่ใส่ชื่อในที่สุด แต่ทว่าการตัดสินใจครั้งนี้มาจากพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่นด้วย เมื่อกางหลักฐานบนโต๊ะ ทั้งเรื่องการจัดซื้ออาวุธสมัยยังเป็น รมว.กลาโหม ที่ต่อเนื่องมาถึงรองนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงโครงการประชาสัมพันธ์หน่วยงานต่างๆ ในภาครัฐ ที่โยงไปถึงคนใกล้ชิดใกล้ตัว สรุปมัดให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่น่าจะเชื่อได้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้พี่ใหญ่ในรัฐบาลดิ้นไม่หลุด ถูกอภิปรายในนาทีสุดท้าย
ในส่วนของ พล.อ.อนุพงษ์ ว่ากันว่า ถูกล็อกเป้าถล่มหนักหนาไม่แพ้กัน โดยว่ากันว่า ผู้เตรียมอภิปรายมีข้อมูลที่ทำให้น่าเชื่อได้ว่ามีส่วนเข้าไปพัวพัน รู้เห็น โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะ ไม่เพียงงานนี้จะโดนไปถึงเจ้าตัว แต่ยังอาจจะลามไปถึงลูกชาย กล่องดวงใจอีกด้วย
ในส่วนของรัฐมนตรีรายอื่น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ วิษณุ-ดอน โดนเรื่องการให้ความช่วยเหลือบริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ ที่พยายามหาช่องทางกฎหมายช่วยเหลือ และอาจจะเข้าไปช่วยเหลือหลบเลี่ยงการเสียภาษี เป็นเหตุให้รัฐพลาดเป้าการเก็บรายได้เข้าคลัง เสียหายหลายหมื่นล้านบาท
รัฐมนตรีสายล่อฟ้า ธรรมนัส โดนพุ่งเป้าคุณสมบัติความเหมาะสม ที่ว่ากันว่างานนี้ เพื่อไทยขอเป็นพี่เลี้ยงคอยประคองห่างๆ ไม่ออกหน้า ในทางคอนเน็กชั่นยังเหนียวแน่นกับแกนนำ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยหลายคน เลยแตะมือให้ อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย ถล่มแทน ที่แว่วมาว่า ได้เอกสารสำคัญจากออสเตรเลีย เตรียมนำมาถล่มในสภาฯ แล้ว
ไม่เท่านั้น คดีพรรคอนาคตใหม่ ปมเงินกู้ 191 ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย 21 ก.พ. ก็เป็นอีกปัจจัยที่แม้จะยังไม่ถึงวันตัดสิน เกรียนคีย์บอร์ด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล แนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ ประสานเสียง ออกโรงขู่ องค์กรอิสระ-รัฐบาล ซักซ้อมสงคราม Social War เรียกน้ำย่อยกันไปแล้ว
ปมประเด็นการเมืองในประเทศ อภิปรายไม่ไว้วางใจ การลงมติใหม่ในกฎหมายงบประมาณ สงครามโซเชียลภายนอก จากพรรคการเมืองที่ตกในที่นั่งลำบาก สถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่กระทบถึงไทยทั้งด้านการท่องเที่ยว ส่งออก คมนาคมขนส่ง โรงแรม เป็นลูกโซ่ ที่ต้องกางตำราตั้งรับ
ปัจจัยภายใน ภายนอก พร้อมใจกันถาโถมใส่รัฐบาลประยุทธ์ เริ่มต้นเปิดศักราชใหม่ 2020 ได้ไม่ถึง 2 เดือน เจอปัญหาสารพัดพุ่งเข้าใส่ ทดสอบทั้งปัญญาและน้ำยา ในการแก้ปัญหากันอีกครั้ง!!.
ทีมข่าวการเมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |