"สธ." เผยผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาอาการดีขึ้น พบคนไทยจากอู่ฮั่นป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเพิ่มอีก 1 ราย จากเดิมอยู่ห้องแยกโรคแล้ว 4 ราย "ปชช." แห่ต่อคิวซื้อหน้ากากอนามัยที่ทำเนียบฯ ครึ่ง ชม.หมดเกลี้ยง "รองโฆษกรัฐบาล" แจงขายชิ้นละ 2.50 บาทแพงกว่า "อภ." เหตุล็อตใหม่ต้องบวกค่าขนส่ง ปัดหาผลกำไร "อนุทิน" ลุยรถไฟฟ้าสยามแจกหน้ากาก เจอนักท่องเที่ยวฝรั่งไม่รับ ฉุน! ซัดต้องไล่ออกนอก ปท. ก่อนออกมาขอโทษนอตหลุด
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ประจำวันว่า ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยยืนยัน 25 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 9 ราย ยังเหลืออยู่ใน รพ. 16 ราย แต่อาการดีขึ้น รอเพียงผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) หากผลเป็นลบ ก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วย 1 รายที่มีอาการรุนแรงเนื่องจากติดเชื้อทั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และวัณโรคอาการยังทรงตัว แพทย์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้เข้าข่ายสอบสวนโรคสะสมจำนวน 615 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 225 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 390 ราย
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ในส่วนการดูแลคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น จำนวน 138 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่อยู่ในข่ายสอบสวนโรคจำนวน 4 ราย เนื่องจากมีอาการป่วย โดยได้ส่งเข้าห้องแยกโรคที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อาการดีขึ้น ซึ่งผลแล็บเบื้องต้นออกมาเป็นลบ โดยจะรอผลแล็บที่ชัดเจนอีกครั้ง หากเป็นลบก็จะให้กลับมาอยู่ร่วมกันที่สถานที่กักกันโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และรอจนครบ 14 วันตามกำหนดก็สามารถกลับบ้านได้ และ 2.กลุ่มคนไทยที่เหลืออีก 134 ราย กลุ่มนี้ก็จะเฝ้าระวัง หากมีอาการเจ็บป่วย คือ มีไข้ อาการทางเดินหายใจ ก็จะส่งเข้าห้องแยกโรคทันที
"ล่าสุดมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เพิ่มขึ้น 1 ราย แต่เนื่องจากมีการพักร่วมห้องกับอีก 1 คน จึงได้นำทั้งสองคนนี้เข้าห้องแยกโรคเพื่อเฝ้าดูอาการและตรวจวินิจฉัย ซึ่งหากผลออกมาว่าไม่ได้ติดเชื้อก็ให้กลับมาอยู่ในสถานที่กักกันโรคได้ และรอจนครบ 14 วันถึงให้กลับบ้าน" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
ส่วน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การดูแลสุขภาพจิตของคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น ก็มีความกังวลว่าการอยู่ในสถานที่กักกันโรค 14 วัน จะมีปัญหาเรื่องเครียด วิตกกังวลอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะช่วง 72 ชั่วโมงแรก หรือ 3 วันแรก ที่มีการดูแลอย่างเข้มงวด อยู่ในพื้นที่จำกัด และไม่ได้พบปะกับใคร จึงต้องเข้ามาดูแลประเมินสุขภาพจิต ความเครียด ซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย ซึ่งพบว่าไม่มีปัญหาเลย แม้กระทั่งผู้ที่มีอาการโรคซึมเศร้าอยู่เดิม 3 รายก็ไม่มีปัญหา ทุกคนอยู่ในสภาพจิตที่ดี
ถามถึงกรณีการตรวจลูกเรือการบินไทยไฟลต์ทีจี 218 เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2563 เส้นทางภูเก็ต-สุวรรณภูมิ เพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนา เพราะสงสัยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวบินมาด้วย นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ใครก็ตามที่มีการสัมผัสก็จะเข้าสู่ระบบตามมาตรการ ซึ่งขณะนี้ก็พ้นระยะฟักตัวของโรคแล้ว และกลับมาทำงานตามปกติ
แห่ชื้อหน้ากากที่ทำเนียบฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าบริเวณประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล และฝั่งตรงข้ามประตู 4 บริเวณศูนย์บริการประชาชน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากรัฐบาลมีการประชาสัมพันธ์เปิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนที่ทำเนียบรัฐบาล มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลในการจำหน่ายให้กับประชาชนด้วย
โดยก่อนเปิดจำหน่ายเวลา 10.00 น. ประชาชนมารอต่อแถวบริเวณประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล และฝั่งตรงข้ามประตู 4 บริเวณศูนย์บริการประชาชน ทำให้ต้องเปิดจำหน่ายก่อนเวลา โดยการจำหน่ายหน้ากากอนามัยจุดละ 10,000 ชิ้น ใน 1 แพ็กมีจำนวน 10 ชิ้น ราคา 25 บาท รวมถึงจำหน่ายแอลกอฮอล์และเจลล้างมือชุดละ 141 บาท ซึ่งจะขายต่อเนื่อง 15 วันก่อนในช่วงแรก
ทั้งนี้ จุดจำหน่ายบริเวณประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล หน้ากากอนามัยหมดภายใน 30 นาที ส่วนจุดตรงข้ามประตู 4 บริเวณศูนย์บริการประชาชน หมดในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
นายธีรภัทรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้จำหน่ายหน้ากากและเจลล้างมือให้กับประชาชนที่มีความต้องการ โดยที่ให้คนละ 1 ชุด จำนวน 10 ชิ้น ก็เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่หน้ากากอนามัยขาดแคลนสามารถใช้ได้ต่อคนถึง 10 วัน รวมทั้งเจลล้างมือด้วย
"หลังจากนี้การผลิตก็คงจะมีออกมาจำนวนมากตามความต้องการของประชาชน และที่ไม่ได้แจกฟรี เพราะในภาพรวมมีความต้องการจำนวนมาก และเกรงว่าจะมีคนมานำไปขายต่อเพื่อหวังผลกำไรและมีการกักตุน ถึงได้จำหน่ายในราคาต้นทุน ซึ่งรับมาจากกระทรวงพาณิชย์และองค์การเภสัชกรรม" ปลัดสำนักนายกฯกล่าว
นางนฤมลเสริมว่า การเปิดจำหน่ายในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนที่ไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ ซึ่งในวันที่ 8 ก.พ. กระทรวงพาณิชย์จะมีการเปิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยเพิ่มเติม ที่กระทรวงพาณิชย์ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายหน้ากากอนามัยเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา 10,000 ชิ้น หมดในเวลาเพียง 30 นาที
ต่อมาเวลา 14.00 น. รัฐบาลได้เปิดให้มีการจำหน่ายหน้ากากและเจลล้างมือทั้งสองจุดอีกครั้ง โดยนำหน้ากากอนามัยมาจำหน่ายเพิ่มเติมอีกจำนวน 13,000 ชิ้น และมีการแจกบัตรคิวให้กับประชาชนทั้งสองจุด เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อกันอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็ยังจะมีการจำหน่ายต่อเนื่องไปรวม 15 วัน โดยจะพิจารณาจำนวนการจำหน่ายเพื่อให้ตรงกับความต้องการประชาชน เนื่องจากทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการเปิดจำหน่ายในวันที่ 8 ก.พ.นี้
ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยของทำเนียบรัฐบาลชิ้นละ 2.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จำหน่ายว่า มีเหตุผลที่มาที่ไป คือที่องค์การเภสัชกรรม สามารถจำหน่ายหน้ากากอนามัยออกมาจำหน่ายได้ในราคาชิ้นละ 1 บาท เนื่องจากเป็นการปล่อยหน้ากากอนามัยที่มีอยู่ในสต๊อกเดิมก่อนที่จะเกิดวิกฤติโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา และที่องค์การเภสัชกรรมตัดสินใจนำสต๊อกหน้ากากออกมาจำหน่ายได้ เพราะมีความมั่นใจว่าหน้ากากอนามัยจะไม่มีการขาดแคลนแล้ว จึงได้นำสินค้าในสต๊อกเก่าออกมาจำหน่ายจึงสามารถขายได้ในราคา 1 บาทต่อชิ้น
“วันนี้ต้นทุนในการผลิตมีราคาที่สูงขึ้น บวกกับกระทรวงพาณิชย์จะมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยไปยังร้านค้าธงฟ้า 120,000 แห่งทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นในการจัดจำหน่ายจะต้องมีการบวกค่าขนส่งต่างๆ เข้าไปด้วย ราคาที่จำหน่ายจึงจำเป็นจะต้องเป็นราคามาตรฐานที่จำหน่ายทั่วประเทศ ไม่สามารถที่จะขายในกรุงเทพฯ ราคาถูกกว่าต่างจังหวัดได้ การคำนวณราคาจึงต้องบวกกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จึงตกอยู่ที่ชิ้นละ 2.50 บาท ยืนยันไม่ได้มีการบวกเพื่อทำกำไร เพียงแต่ต้องคำนวณราคาให้ครอบคลุมกับต้นทุนในการผลิต” น.ส.รัชดากล่าว
เสี่ยหนูขอโทษนอตหลุด
ถามถึงข้อสงสัยทำไมรัฐบาลไม่แจกจ่ายหน้ากากให้ประชาชนแทนการจำหน่าย รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ความต้องการในการใช้หน้ากากอนามัยไม่ใช่เพียงแค่คนละ 1 ชิ้น เพราะแต่ละครอบครัวต่างมีความจำเป็นที่ไม่เท่ากัน แล้วแต่สมาชิกของครอบครัว จึงต้องชี้แจงตรงๆ ว่ารัฐบาลอาจไม่สามารถจะจ่ายได้ตรงกับความต้องการของประชาชน แต่ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้มีการจำหน่ายในจุดต่างๆ ทำกันอย่างเต็มที่ แต่จะให้แจกแล้วเพียงพอกับความต้องการของประชาชนทุกคนที่มีความต้องการที่แตกต่างกันก็อาจจะไม่ไหว
"รัฐบาลพยายามที่สุดที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึงหน้ากากอนามัยในราคาที่ประหยัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และวันนี้มาตรการที่ออกมาในการกำหนดให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ก็เชื่อมั่นว่าปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยจะคลี่คลายลงโดยเร็ว" รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
วันเดียวกัน ในช่วงเช้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เขตปทุมวัน เพื่อแจกหน้ากากอนามัยแก่ประชาชน บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม โดยรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างไรก็ตาม มีผู้โดยสารบางคนปฏิเสธที่จะรับหน้ากาก เนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบที่ต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้า รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวบ้างส่วนก็ปฏิเสธไม่รับหน้ากากมาใส่
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ตัดพ้อหลายคนที่ไม่ได้ใส่หน้ากากและไม่ยอมรับหน้ากากที่นำมาแจกว่า วันนี้ที่นำมาแจกหน้ากากอนามัยด้วยความปรารถนาดีในการป้องกันการระบาดไวรัสโคโรนา คนไทยต้องให้ความร่วมมือ เดินแจกอยู่บางคนไม่ใส่หน้ากาก แต่เมื่อยื่นให้ก็ปฏิเสธที่จะรับ คนเหล่านี้คือคนที่ทำร้ายบ้านเมือง อยู่ในที่สาธารณะต้องใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง ป้องกันการแพร่เชื้อด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านทั้งหลาย ทางราชการผู้ประกอบการ มีความปรารถนาดี จัดให้นำมาแจก ทั้งแอลกอฮอล์และหน้ากาก แสดงให้เห็นว่าของมีอยู่ ไม่ขาดตลาด
"ที่นำมาแจกจะเน้นกลุ่มเสี่ยงตามสถานีขนส่งใหญ่ๆ ตามโรงพยาบาล คนขับรถแท็กซี่ คนขับรถรับจ้าง และประชาชนทั่วไป ถ้ามีคนยื่นให้ก็ควรจะรับ ไม่ควรปฏิเสธ เป็นการช่วยเหลือกันในการป้องกันโรค ไม่ใช่ไม่สนใจ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอันนี้ต้องบอกไปยังสถานทูตให้แจ้งว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะต้องใส่ และแจกแล้วไม่ยอมรับ แบบนี้ต้องไล่ออกจากประเทศไทย ไม่ใช่ไปสนใจคนที่ภาพรวม แค่คนที่อยู่ในประเทศไทย นักท่องเที่ยว เมื่อนำไปให้แล้วยังปฏิเสธอยู่ ไม่มีท่าทีที่ยี่หระต่อสถานการณ์ คนจีน เอเชีย รับทุกคน รับหมด แต่พวกยุโรปนี่น่านัก รู้ได้ไงว่าตัวเองจะไม่เป็นการแพร่เชื้อ เพราะอาจจะเป็น ไปเที่ยวเมืองอื่นก่อนมาเมืองไทยก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยต้องช่วยกันในการป้องกันไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้" นายอนุทินกล่าว
อย่างไรก็ตาม ต่อมานายอนุทินได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งว่า สำหรับคนที่กำลังเอาเปรียบ และค้ากำไรจากการกักตุน ขึ้นราคาหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ จนทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถ้าท่านคิดว่าการมีความสุขบนความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อนร่วมชาติ เป็นเรื่องที่ควรทำและไม่ละอายใจ ก็เชิญทำต่อไป ผมเก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว วันหนึ่งเราคงได้คิดบัญชีกัน
"ป.ล. ขออภัยที่วันนี้ มีอาการ "หลุด" ใส่ชาวต่างชาติแถบยุโรป บางคนที่แสดงอาการรังเกียจคนไทยใส่ mask และไม่ร่วมมือในการใส่ mask ในขณะที่พวกเรากำลังรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทย เราไม่สามารถรู้ได้ว่า คนต่างชาติคนนั้นมาจากประเทศไหน ก่อนมาประเทศไทย และมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน การให้เกียรติและให้ความร่วมมือการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค คือสิ่งที่เราคาดหวัง ไม่ใช่การปัดมือ และมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เช่นที่ผมและคณะกระทรวงสาธารณสุขได้รับวันนี้ ขอขอบคุณ และขออภัยชาวต่างชาติทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือ ป้องกันการแพร่ระบาดแล้ว" นายอนุทินระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |