ผ่านมาจนเหลือไม่ถึง 10 วันก็จะครบ 1 เดือนพอดิบพอดี ในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 24/2563 ลงวันที่  21 ม.ค.63 
    กรณี พล.ต.อ.วิระชัย มีพฤติการณ์และการกระทำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย 
    จนนำไปสู่การออกคำสั่งโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี 
    20 วันเต็มๆ นับจากวันที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนถึงวันนี้ 
    ข่าวคราวการตรวจสอบของ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ยังไม่มีความชัดเจนผลสรุปจะออกวันไหน 
    "รองฯ วิระชัย" มีพฤติการณ์การกระทำตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อย่างไร????
    แม้ตามข้อมูลที่ รองโฆษกตำรวจ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้
    "การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง พล.ต.อ.วิระชัย มี พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการอยู่ ซึ่งมีความชัดเจนในเรื่องข้อกล่าวหา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ไม่ได้กำหนดกรอบการสอบสวนไว้ ให้จเรตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ"
    นั่นหมายถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ได้ขีดเส้น ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการสอบสวนเอาไว้ ขึ้นกับการดำเนินการของ "จเรตำรวจ"
    แต่ก็ไม่ควรทอดเวลานานเกิน ไม่เช่นนั้นจะถูกข้อครหา
    "กลั่นแกล้ง"!!!
    เพราะเมื่อยังไม่มีผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าจะออกหมู่หรือจ่า การเดินหน้ากระบวนการสอบสวนก็จะอยู่แค่ "สอบข้อเท็จจริง" 
    ไม่สามารถยุติเรื่อง หรือเดินหน้าตั้งกรรมการสอบวินัยและอาญาต่อไปได้
    หมายความว่า "รองฯ วิระชัย" หรือ "รองฯ ต้อย" ก็ยังต้องถูกแขวนอยู่ที่สำนักนายกฯ ต่อไปเรื่อยๆ 
    ยังไม่สามารถกลับมาทำงานภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตามปกติ
    ดังนั้นหากการตรวจสอบข้อเท็จจริงยิ่งช้า ยิ่งทอดเวลาออกไปนานเท่าใด "ผบ.แป๊ะ" ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดตำรวจ และ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ ในฐานะผู้ดูแลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็จะหนีไม่พ้น    ข้อครหากลั่นแกล้ง!!!!
    ต้องยอมรับว่า ต้นเรื่องการสอบ "รองฯ วิระชัย" มาจากคลิปหลุดการสนทนาทางโทรศัพท์ของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 2 ท่าน เกี่ยวกับคดีคนร้ายยิงรถยนต์ "บิ๊กโจ๊ก" ที่สื่อนำมาเปิดเผย และต่อมารองโฆษกฯ กฤษณะ ออกมายอมรับว่าเป็นเสียง "ผบ.แป๊ะ" พูดคุยกับ "รองฯ วิระชัย" 
    หากปล่อยให้ผลสอบช้า ให้ผลสอบเนิ่นนานเท่าไหร่ 
    ก็คงหนีข้อครหา "กลั่นแกล้ง" ไปไม่ได้
    จะกลายเป็นรอยด่างของ "ผบ.แป๊ะ" ที่อุตส่าห์ทุ่มเททำงานตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา คลี่คลายคดีใหญ่น้อยมาบนเก้าอี้ "ผบ.ตร." มากมาย
    ต้องเสียชื่อเสียงและไม่สง่างาม.