พาณิชย์กระตุ้นพัฒนาธุรกิจผู้สูงอายุดันเป็นฮับภูมิภาค


เพิ่มเพื่อน    

 

7 ก.พ. 2563 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดทำโครงการ “อยู่เป็น” เพื่อผลักดันให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุมีความเข้มแข็งและเติบโตได้อย่างยั่งยืน สามารถตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุและบุตรหลานได้อย่างครบวงจร ส่งเสริมให้ธุรกิจมีคุณภาพ มีมาตรฐาน เข้าถึงง่ายในราคาที่เหมาะสม รวมถึง เชิญชวนให้นักธุรกิจทั้งรายเดิมและรายใหม่หันมาสนใจประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมากขึ้น และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการดูแลผู้สูงอายุระดับภูมิภาค อันจะนำมาซึ่งรายได้มหาศาลเข้าประเทศ 

ทั้งนี้ โครงการอยู่เป็นมีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างบุพการีและบุตรหลาน ตลอดจนผู้ใหญ่ที่รักและนับถือ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจและผู้สนใจเข้าร่วมงานเปิดโครงการ และร่วมฟังเสวนาเรื่อง การ อยู่เป็นของธุรกิจ A-List 2020 พร้อมชมสินค้านวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เช่น ระบบปฏิบัติการข้อมูลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บริการปรับปรุงบ้านและอาคารเพื่อผู้สูงอายุ รวมทั้ง สินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุ ในวันศุกร์ที่ 14 ก.พ. 2563 ระหว่างเวลา 08.30 น. - 12.00 น. ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ โดยสำรองที่นั่งได้ที่ http://bit.ly/3aWSijV

นายวีรศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าปี 2573 จะมีผู้สูงอายุประมาณ 17.4 ล้านคน หรือเกือบร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจหรือกำลังจะเริ่มต้นประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เช่น บริการอาหาร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ วัสดุอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ ธุรกิจนำเที่ยว ศูนย์ออกกำลังกาย ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โรงพยาบาล/สถานพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ประกันชีวิต/ประกันสุขภาพ ธุรกิจสันทนาการ และธุรกิจหลังความตาย เป็นต้น เพราะยิ่งจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไร ความต้องการสินค้าและบริการเฉพาะของผู้สูงอายุก็ยิ่งได้รับความนิยมและมีความต้องการเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

นอกจากนี้ ในปัจจุบันบุตรหลานมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการนำบุพการีมาฝาก ณ สถานดูแลผู้สูงอายุว่าไม่ได้เป็นการนำมาทิ้ง แต่เป็นการหาสังคมคนวัยเดียวกันให้แก่พ่อแม่ มีผู้ช่วยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ปล่อยให้ต้องโดดเดี่ยวคนเดียวยามที่ลูกหลานต้องไปทำงาน ทำให้สถานดูแลผู้สูงอายุได้รับความนิยมทั้งจากผู้สูงอายุเองและบุตรหลานอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคล พบว่า ปี 2562 มีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจำนวนทั้งสิ้น 376 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 2,226 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้สูงอายุในไทย อีกทั้ง มีชาวต่างชาติวัยเกษียณเดินทางเข้ามาใช้บริการสถานดูแลผู้สูงอายุในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมทุกด้าน เช่น อาหาร สถานพยาบาล สถานที่พักผ่อน ผู้ดูแลมีจิตบริการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ดึงดูดชาวต่างชาติวัยเกษียณให้เดินทางเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีจำนวนไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงต้องส่งเสริมผลักดันให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"