“วิษณุ” ยันไร้ปัญหากฐินไม่ไว้วางใจ 24-26 ก.พ. เตือนทุกฝ่ายเล่นการเมืองเกรงใจประชาชนด้วย “พลังประชารัฐ”เตรียมติวเข้ม จัดซ้อมใหญ่ 21-23 ก.พ.ที่พัทยา “บิ๊กป้อม” เตรียมร่วมถกในวันที่ 22 ก.พ. พร้อมผุด 3 ทีม "อ.ส.ว." ทำหน้าที่ครอบคลุมทั้งการประท้วงและยกมือโหวต “ธรรมนัส” เร่แจงสามมิตรรวมพลแค่ให้กำลังใจ “สุริยะ” ก่อนผ่าตัด ไม่ใช่โชว์พลังกดดันเก้าอี้เพราะเชื่อหลังอภิปรายไม่มีการปรับ ครม.แน่
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ ยังคงมีความต่อเนื่องในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24-26 ก.พ. และลงมติในวันที่ 27 ก.พ. ว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์ดังกล่าวก็จะเลื่อนมาประชุมในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.พ. จากนั้นช่วงบ่าย ครม.ก็จะเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อร่วมพิจารณาญัตติอภิปราย และเชื่อว่าคงไม่ยืดเยื้อ เพราะต้องลงมติไม่เกินวันที่ 28 ก.พ. เนื่องจากในวันที่ 29 ก.พ. ก็จะปิดสมัยประชุมสภา
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า ครม.ไม่มีปัญหา แม้จะเลื่อนการอภิปรายมาเป็นวันที่ 24 ก.พ. เพราะเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ซึ่งจะถามมาที่รัฐบาลว่าสะดวกเมื่อไหร่ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งวิธีปฏิบัติเช่นนี้ทำมาตั้งแต่อดีต
เมื่อถามถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ เตรียมตั้งทีมอดีต ส.ส.นอกสภา เพื่อพิทักษ์รัฐมนตรีสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ก็เห็นคนไปตั้งโต๊ะแถลงที่สภา ไปกอดจูบอะไรกันก็มี ก็เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งประธานสภาฯ และเลขาฯ สภาฯ จะเป็นคนดูแล เพราะไม่ทราบว่าจะมีระเบียบวิธีใช้ห้องสภาแถลงอย่างไร เพราะเคยใช้อยู่ครั้งเดียว
ถามต่อว่า ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยชี้แจงใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอบไปแล้วว่าไม่ว่าใครใน 6 คน คงไม่ต้องการองครักษ์มาช่วย เมื่อ ส.ส.จะต้องทำหน้าที่พิทักษ์เป็นองครักษ์เรื่องข้อบังคับการประชุมสภาก็เป็นเรื่องของเขา การจะมาพิทักษ์โดยลุกขึ้นตอบแทนหรือสู้แทนนั้นไม่ควร เพราะจะต่อเวลาให้ยาวออกไปเปล่าๆ เวลาเป็นเงินเป็นทอง แค่ 3-4 วันก็จะไม่พออยู่แล้ว แต่ถ้า ส.ส.จะทำหน้าที่ดูแลรักษากฎระเบียบต่างๆ ที่บางครั้งประธานสภาฯ อาจไม่ได้ยิน เขาก็ทำหน้าที่ประท้วงเพื่อบอกให้ประธานรู้ และให้ประธานชี้ขาดเท่านั้น
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด สำหรับการตรวจสอบรัฐบาลจึงมีผู้สนใจ และประชาชนจับตาดูมาก ฉะนั้นถ้าไม่เกรงใจประธานสภาฯ ก็ช่วยเกรงใจประชาชนหน่อย ซึ่งผมพูดเผื่อไปถึงทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายประท้วง” นายวิษณุกล่าว
ต่อมาในช่วงบ่าย นายวิษณุเป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการ ซึ่งส่วนหนึ่งมีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีนายดิสทัต, นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปราย รวมถึงตัวแทนกระทรวงที่ถูกอภิปรายเข้าร่วม ใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง โดยภายหลังการประชุม นายดิสทัตกล่าวว่า เป็นการประชุมวางกรอบเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขณะที่นายวิรัชกล่าวว่า เป็นการหารือร่วมกับคณะทำงาน เพื่อเตรียมข้อมูลในการเตรียมความพร้อมของการอภิปราย เป็นการทำความเข้าใจ ข้อบังคับ ระเบียบ กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะใช้ในการอภิปราย โดยครั้งนี้เป็นการวางไกด์ไลน์เท่านั้น โดยจะมีการหารืออีกครั้งในวันที่ 22 ก.พ.นี้
ผุด 3 ทีม อ.ส.ว.
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า การหารือส่วนใหญ่เป็นเรื่องธุรการ ว่าควรเตรียมทีมงานของแต่ละกระทรวง เพื่อเตรียมข้อมูลสนับสนุนรัฐมนตรีแต่ละคนอย่างไร ส่วนตัวไม่กังวลข้อมูลในการชี้แจง เพราะเล่นการเมืองมากว่า 30 ปี ในแวดวงการเมืองมีความสนิทสนม ฝ่ายค้านมีอะไรก็รู้ เพราะรู้อยู่ว่า ส.ส.คนไหนจะอภิปราย เขามีข้อมูลอะไร ตนเองก็มีข้อมูลนั้นเหมือนกัน โดยสิ่งที่ฝ่ายค้านอ้างมาก็เป็นเรื่องเก่า
“ที่ผ่านมาก็เคยเห็นลีลาการอภิปรายของผมในสภา ก็ขอให้ดูในวันอภิปราย ผมเป็นผู้เล่นเอง ก็เตรียมตัวเองให้พร้อม ไม่ได้ท้าทาย แต่เมื่อเราแสดงเอง เล่นเอง ก็ต้องเล่นในกรอบที่ถูกที่เราถูกกำกับบทบาทไว้ ต้องทำให้ดีที่สุด และต้องคิดว่าไม่ใช่พูดแต่กับสภา แต่พูดกับประชาชน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายวิรัชได้แถลงที่รัฐสภาถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า วิปรัฐบาลได้เตรียมไปประชุมสัมมนาของคณะทำงานที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ.นี้ โดยจะมีรัฐมนตรีเข้าร่วมเกือบทุกคน ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการกลาโหม ที่อาจส่งตัวแทนไปร่วม แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไปแน่นอน เพราะถือได้ว่าเป็นเจ้าภาพใหญ่
นายวิรัชกล่าวว่า การไปสัมมนาครั้งนี้ไม่ใช่เตรียมทีมองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล แต่จะขอเรียกว่าคณะทำงาน อ.ส.ว. โดยแบ่งเป็น 3 ทีม ได้แก่ ทีม อ. มีนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรค พปชร.เป็นหัวหน้า รับผิดชอบประสานพรรค พปชร. และ ครม. ทีม ส. นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรค พปชร. รับผิดชอบประสานพรรคเล็ก และทีมดาวยั่วทั้งหมด และทีม ว. มีตนเองเป็นหัวหน้า รับหน้าที่ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และทีมพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งทีมนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นต้น รวมทั้งยังมีหน้าที่ในการเตรียมข้อมูลให้ พล.อ.ประวิตรไว้ใช้สำหรับการอภิปรายโดยเฉพาะด้วย
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นการเชิญ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไปทั้งหมด และเข้าใจว่ารัฐมนตรีจากพรรค พปชร.จะไปด้วยทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ถูกอภิปราย ซึ่ง พล.อ.ประวิตรจะเดินทางไปด้วย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ไป ถือเป็นการเข้าค่ายซ้อมมวย ก็คงได้มีการพูดคุยกัน
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นองครักษ์พิทักษ์ในการอภิปรายว่า สื่อเขียนกันเอง ทำหน้าที่ปกติอยู่แล้ว แต่เบื่อหน่ายการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านบางคนที่ทำหน้าที่ไม่สร้างสรรค์ นำข้อมูลและเอกสารอันเป็นเท็จเข้ามาอภิปรายในสภา ซึ่งหวังว่าการอภิปรายครั้งนี้จะสร้างสรรค์ และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งหากมีการอภิปรายที่ไม่สร้างสรรค์ หรือใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จมาอภิปราย ก็ต้องขอใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.ในการประท้วง
วันเดียวกัน ยังคงมีการแสดงความคิดเห็นกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และแกนนำกลุ่มสามมิตรรับประทานอาหารร่วมกับ 40 ส.ส.ของพรรคเมื่อวันที่ 5 ก.พ. โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวเรื่องนี้ว่า "เขาอยู่พรรคไหน พรรค พปชร. ก็ลูกน้องผมทุกคน เป็นธรรมดาที่ไปกินข้าวกัน ไม่มีนัยอะไร"
เมื่อถามว่า ไม่ได้เป็นการต่อรองอะไรกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีๆ และไม่มีการแตกแยกอะไร เราเป็นหนึ่งเดียว กลุ่มสามมิตรก็ไม่มีแล้ว
แจงแค่ให้กำลังใจ”สุริยะ”
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า ร.อ.ธรรมนัสได้เดินทางเข้าพบนายสมคิดที่ทำเนียบรัฐบาล และใช้เวลาหารือกัน 30 นาที ซึ่งนายสมคิดกล่าวภายหลังหารือว่า มาพูดคุยเรื่องนโยบายเศรษฐกิจฐานรากเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า มาคุยเรื่องงาน ส่วนเรื่องการกินข้าวของกลุ่มสามมิตร ก็ได้คำชวน แต่ติดงานกรรมาธิการ โดยการนัดกินข้าวเป็นการไปให้กำลังใจนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมและกรรมการบริหารพรรค พปชร. ที่จะเข้าผ่าตัด โดยมี ส.ส.หลายกลุ่มไปร่วม ไม่มีประเด็นอย่างอื่น
เมื่อถามว่า ดูแล้วมีนัยอะไรหรือไม่ เพราะมีข่าวต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่มี เพราะหลังอภิปรายก็ไม่น่ามีปรับ ครม. เพราะรัฐบาลทำงานกันได้ดี
ต่อมาในช่วงบ่าย ร.อ.ธรรมนัสชี้แจงประเด็นนี้อีกครั้ง ว่าหลายคนอาจหลงประเด็น ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ไม่ใช่การรวมกลุ่มของกลุ่มสามมิตร นายสมคิด นายสุริยะ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะ กก.บห.พรรค แค่นัดพูดคุยกันถึงเรื่องที่นายสุริยะจะเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ประกอบกับนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค มีเรื่องต้องการพูดคุยกับ ส.ส. จึงได้นัดรวมกันเพื่อรับประทานอาหาร ไม่มีประเด็นการโชว์ศักยภาพ โชว์พลังหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
"ยืนยันว่าพลังประชารัฐเราเป็นหนึ่งเดียวกัน และผมก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนพูดว่ากลุ่มสามมิตรต้องกลับมาอีกครั้ง สื่อพูดเองหรือใครเป็นคนพูด หากมีแกนนำพูดจริง ผมไม่เห็นด้วย เพราะการรวมกลุ่มเพื่อส่วนรวมเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่รวมกันเพื่อเฉพาะกิจ เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สิ่งสำคัญการเป็น ส.ส.ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าทำอะไรให้กับประชาชนบ้าง ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ลำบาก"
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านวินิจฉัยคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) วันที่ 21 ก.พ. ถ้าผลวินิจฉัยออกเป็นทางลบ จะกระทบการอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าอาจกระทบบ้าง เพราะเสียผู้อภิปรายเก่งๆ ของพรรค อนค. 3-4 คนไป แต่เขาก็จะจัดคนที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันมาทดแทน ดังนั้นไม่ว่าผลออกมาอย่างไรก็ไม่กระทบกับแผนการอภิปรายมากนัก
“ผู้อภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมี ส.ส.อภิปรายทั้งสิ้นประมาณกว่า 30 คน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการนำเนื้อหามาเรียงต่อกันเพื่อไม่ให้ทับซ้อน ซึ่งทำไปแล้วประมาณ 80% ดังนั้นก่อนการอภิปรายเราพร้อมแน่นอน ต่อให้อภิปรายสัปดาห์หน้าเราก็พร้อม”นายสุทินกล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท. กล่าวถึงกรณีพรรค พปชร.ตั้งองครักษ์พิทักษ์ว่า คนที่ควรได้ประโยชน์สูงสุดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือประชาชน 5-6 ปี เพราะที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบ แต่กลายเป็นว่าบรรดาลูกหาบเครือข่ายระบอบประยุทธ์ กลับพยายามพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ไปเตรียมการวางแผนตั้งองครักษ์พิทักษ์ เพื่อสร้างวาทกรรมหวังมาวางบิล ทำการเมืองโบราณเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไม่พ้นวังวนการเมืองเก่าๆ
“ลูกหาบ กองเชลียร์ รัฐบาล อย่าหวังจะทำการเมืองน้ำเน่า ลุกประท้วงเลอะเทอะ หวังวางบิลได้สะดวก เคารพประชาชนให้มาก ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์” นายอนุสรณ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |