ในยุคสังคมก้มหน้าเข้าหาจอกระจก คุณพ่อคุณแม่ไปทาง ส่วนลูกไปอีกด้าน เพราะทุกคนมัวแต่สนใจกับโลกออนไลน์ผ่านแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน จนไม่มีเวลาใส่ใจคนรอบข้าง แม้แต่เวลาสนทนาก็ลดลงไปตามลำดับ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงพยายามที่จะหาหนทางที่จะแก้ไขโดยการให้ครอบครัวหันมาหาวิธีกระชับความสัมพันธ์ และให้เด็กๆ ได้รับการเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ รวมทั้งทักษะชีวิตไปด้วยพร้อมๆ กัน
ตัวอย่างเช่น กิจกรรมดีๆ ที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ โดยเครือข่ายเขาใหญ่ดีจัง ประกอบด้วย กลุ่มใบไม้ กลุ่มเยาวชนต้นกล้า กลุ่มไม้ขีดไฟ กลุ่มรักษ์เขาใหญ่ และกลุ่มท่ามะปรางดีจัง ร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดกิจกรรม “เขาใหญ่ดีจังคราฟท์” ครั้งที่ 3 ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ธรรมชาติกับพื้นที่สร้างสรรค์” ผ่านกิจกรรมศิลปะ งานทำมือ รวมถึงงานคราฟท์เพื่อรักสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการภาพถ่าย ความรู้ และกิจกรรมศึกษาธรรมชาติของผืนป่าเขาใหญ่ ผ่านกิจกรรมเดินป่าและดูนก เพื่อเปิดพื้นที่เรียนรู้ดูแลสิ่งแวดล้อมไปยังคนรุ่นใหม่ สร้างการมีส่วนร่วม สื่อสารการดูแลธรรมชาติให้กับคนทุกเพศทุกวัย และเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ เขาใหญ่ดีจัง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกคน ในขณะที่ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์กฎหมาย ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่อุทยานด้วย
(ศรัทธา ปลื้มสูงเนิน)
“พี่กุ๋ย” ศรัทธา ปลื้มสูงเนิน แกนนำกลุ่มไม้ขีดไฟ ผู้ริเริ่มและผู้เป็นเสาหลักของการทำกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่า เรามองว่าธรรมชาติเป็นโรงเรียนของเด็ก เพราะการเรียนรู้ภายนอกห้องเรียนไม่ได้จำกัดอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการเปิดพื้นที่สีขาวให้เด็กและผู้ปกครองได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ปกครองและเด็กๆ ผ่านการเรียนรู้จากกิจกรรมกลุ่มต่างๆ ที่ทางกลุ่มจัดขึ้น เช่น รู้จักสัตว์ป่าผ่านภาพวาดระบายสี เย็บตุ๊กตา วาดภาพ ปั้นดิน ทำกำไลข้อมือ รวมทั้งกิจกรรมเดินป่าเพื่อการเรียนรู้ธรรมชาติ กิจกรรมรู้จักนกเงือก เสือโคร่ง และสัตว์ป่า เป็นต้น
“กิจกรรมที่เกิดขึ้นถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กและผู้ปกครองได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเราเชื่อว่าในช่วงเวลาปกติพ่อแม่คงจะไม่มีเวลาให้กับลูก แต่การที่พ่อแม่เสียสละเวลาพักผ่อนและร่วมเดินทางมาถึงเขาใหญ่ ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองนั้นตระหนักถึงสำคัญของการทำกิจกรรมร่วมกับลูกๆ ในช่วงเวลาการเรียนรู้ร่วมกันจะเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพมากๆ”
นอกจากนี้ยังได้น้องๆ จากกลุ่มต่างๆ ทั้งนักเรียนมัธยมปลาย เด็กมหาวิทยาลัย ชมรมอนุรักษ์ รวมทั้งนักศึกษาต่างชาติกว่า 30 คน ร่วมเป็นพี่เลี้ยงในกิจกรรมตามฐานต่างๆ
“ที่ผ่านมาในสังคมเราขาดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับเด็ก ไม่มีพื้นที่ให้เขาได้แสดงออก นอกจากงานโรงเรียน ในวันนี้เราที่เป็นผู้ใหญ่จะต้องหาพื้นที่ให้เด็ก เพื่อฝึกให้ได้มีโอกาส “รอด” จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อยู่รายรอบตัวเขา และต้องฝึกให้เด็กคิดเป็น เพื่อที่จะได้เป็นคนที่มีคุณภาพได้ ส่วนหน้าที่รัฐบาลควรจะปฏิรูประบบการศึกษาใหม่ ปฏิรูประบบการเรียนรู้ในโรงเรียน โดยใช้เด็กเป็นศูนย์กลางของการศึกษาอย่างจริงจัง มีกิจกรรมที่หลากหลาย ส่วนครูนั้นเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นครูได้ การเรียนรู้จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียนเสมอไป” แกนนำกลุ่มไม้ขีดไฟกล่าวสรุป
(ญาณิศา วัฒนคำณวน)
นางสาวญาณิศา วัฒนคำณวน ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มองว่า การจัดกิจกรรมที่เขาใหญ่ครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดโลกกว้างให้กับเด็ก โดยใช้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กสามารถเลือกกิจกรรมที่ตนเองสนใจได้ ไม่มีการบังคับว่าจะต้องทำกิจกรรมใดบ้าง
ส่วนกิจกรรมเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ จะเป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้จักธรรมชาติและรักษ์ธรรมชาติมากขึ้น เมื่อโตไปเขาจะรู้สึกหวงแหนป่าไม้ของเขา มีกิจกรรมที่สอดแทรกเรื่องธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมอยู่ตลอด ซึ่งก็ตรงกับเจตนารมณ์ของบริษัทที่ต้องการให้เรื่องรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ถือเป็นกิจกรรมที่ดีและมีคุณค่า
(สุดารัตน์ ฤทธิ์สุวรรณ์)
ด้านนางสาวสุดารัตน์ ฤทธิ์สุวรรณ์ หรือน้องบูล วัย 19 ปี ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็ก เล่าว่า เป็นอาสาสมัครให้กับสภาเด็กตำบลท่ามะปราง จังหวัดสระบุรี และมาร่วมงานกับกลุ่มไม้ขีดไฟเป็นประจำ การจัดกิจกรรมในวันนี้ทำให้เด็กเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบและสนใจ จากการที่น้องๆ มาเข้าร่วมกิจกรรม แสดงให้เห็นว่าน้องๆ มีความสนใจในกิจกรรมค่ายมากขึ้น ที่ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันกับครอบครัว เพราะที่ผ่านมามองว่าครอบครัวไม่ค่อยมีเวลาให้กับเด็ก จึงอยากให้มีกิจกรรมแบบนี้ในหลายๆ พื้นที่ เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์
(ด.ญ.เพลงฝน ปลื้มสูงเนิน)
สุดท้ายมาที่ ด.ญ.เพลงฝน ปลื้มสูงเนิน วัย 10 ปี บอกว่า มาเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง หนูว่าการมาค่ายทำให้ได้รับความสนุก เพราะได้ทำกิจกรรมมากมาย และวันนี้ได้ชวนเพื่อนข้างบ้านมาด้วย จึงทำให้มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น เพราะหนูเรียนแบบโฮมสคูล จึงไม่มีเพื่อนที่โรงเรียน แต่ก็มีเพื่อนข้างบ้านและเพื่อนที่มาเข้าค่ายดังกล่าวนี้
“ชอบวาดภาพ ระบายสี มาค่ายครั้งนี้ก็สนุกเหมือนเดิม เพราะมีกิจกรรมที่สนใจและชื่นชอบหลายกิจกรรม และครั้งต่อไปก็จะมาอีก ซึ่งอยากเห็นหลายๆ พื้นที่มีกิจกรรมลักษณะนี้ค่ะ” น้องเพลงฝนฝากทิ้งท้าย
การเปิดพื้นที่สร้างสรรค์สีขาวนี้ นอกกจากทำให้เด็กและเยาวชนได้เล่นและเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่มีประโยชน์ ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |