ถ้าปีนี้จีนโตต่ำกว่า 5% ไทยจะต่ำหรือสูงกว่า 2%?


เพิ่มเพื่อน    

 ผลกระทบจากวิกฤติซ้อนวิกฤติต่อเศรษฐกิจไทยจะรุนแรงเพียงใดตลอดทั้งปีนี้ ยังคงไม่มีสำนักไหนหรือกูรูคนใดสามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำนัก

                เหตุเพราะยังมีปัจจัยของความแปรปรวนมากมายหลายด้านที่ยังเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา

                หมอที่ติดตามเรื่องโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอู่ฮั่นบอกว่า สถานการณ์การระบาดปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

                ภาษาทางการแพทย์เรียกว่า dynamic

                ความจริงในแง่เศรษฐศาสตร์การคาดเดาสภาวะเศรษฐกิจจากนี้ไปก็คงจะ dynamic ไม่แพ้กัน

                เพราะปัจจัยตัวเลข สถิติ การคาดหวัง ความกลัว ความตื่นตระหนกมาประดังประเดใส่กันอย่างจ้าละหวั่น

                ไม่มีใครสามารถจะอ้างทฤษฎีไหนมาบอกว่า วิธีคิดคำนวณของตัวเองถูกกว่าหรือแม่นยำกว่าของใครทั้งนั้น

                เอาแค่ตัวเลขคาดการณ์ว่าอัตราโตผลผลิตมวลรวมหรือ GDP ของไทยในปีนี้ท่ามกลางกระแสพายุจากทุกๆ ด้านน่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ก็ยังไม่มีใครกล้าวิเคราะห์ด้วยความมั่นใจนัก

                "ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" เผยแพร่บทวิเคราะห์กรณีผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คาดว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้จะสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจจีนราว 3 แสนล้านหยวน หรือ 1.298 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน = 4.329) ในกรอบระยะเวลา 1 เดือน  หรือคิดเป็น 0.3% ของ GDP จีนทั้งปี

                ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตได้ที่ 5.5-5.9% โดยผลกระทบหลักๆ จะอยู่ในภาคค้าปลีก ภาคขนส่ง และภาคบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคและการท่องเที่ยว

                รายงานนี้บอกว่าความเสียหายจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา พบว่าส่วนใหญ่จะกระทบเศรษฐกิจจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน (1 สัปดาห์) ราว 2.15 แสนล้านหยวน หรือ 9.09 แสนล้านบาท  หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด

                นั่นเท่ากับ 16% ของมูลค่าเงินที่หมุนเวียนในช่วงเทศกาลตรุษจีนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคในปี 2562 ส่วนผลกระทบอีก 8.5 หมื่นล้านหยวนจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของเดือน

                ศูนย์วิจัยกสิกรไทยบอกด้วยว่า เมื่อมองไปข้างหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาทั้งในจีนและนอกประเทศจีนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีตัวแปรหลักที่ต้องจับตาอยู่ 2 ประเด็น ได้แก่

                1.ระยะเวลาและความรุนแรงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จุดเริ่มต้นของการระบาดอยู่ในช่วงต้นฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูกาลที่มักมีการแพร่กระจายของโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ความน่าจะเป็นของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นยังมีอยู่สูงไปจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูร้อน

                นอกจากนี้ การควบคุมการแพร่ระบาดโรคของทางการจีนที่เข้มข้นขั้นสูงอาจไม่สามารถบังคับใช้ให้เกิดประสิทธิผลได้ในระยะเวลาที่ยาวนาน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อสังคม เช่นความไม่พอใจของผู้คนในเมืองที่ถูกกักบริเวณอาจทวีความรุนแรงขึ้น กิจกรรมในภาคส่วนอื่นของสังคมอาจได้รับผลกระทบมากขึ้น อย่างเช่นภาคการศึกษา

                แต่หากการแพร่ระบาดยาวนานเกิน 3 เดือน โอกาสที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี  2563 จะลงไปต่ำกว่า 5.0% ก็คงจะมีมากขึ้นตามลำดับ

                2.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนในช่วงที่ผ่านพ้นการแพร่ระบาดของโรค เพื่อชดเชยความเสียหายทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน อีกทั้งความสามารถในการใช้เครื่องมือทางการคลังของทางการจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่จำกัด หลังจากปี 2562 ทางการจีนขาดดุลงบประมาณในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราว 5% ของ GDP

                หากเปรียบเทียบกับช่วงการระบาดของ SARS ในจีนปี 2546 สัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อตัวเลข GDP ของจีนอยู่ที่เพียงราว 2.1% เท่านั้น

                ถ้าเศรษฐกิจจีนหดตัวต่ำกว่า 5% ปีนี้ ผลต่อเศรษฐกิจไทยย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

                เริ่มมีการประมาณการว่าในภาพที่ดีที่สุด อัตราโตของไทยอาจจะยังรักษาอยู่ที่ระดับ 2.8%

                แต่เริ่มมีบางสำนักพยากรณ์ว่าหากได้ 2.5% ก็ต้องถือว่าโชคดีแล้ว

                ขณะเดียวกันนักวิจัยจาก TDRI ดร.กิริฎา เภาพิจิตร กล่าวในงานสัมมนาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะต่ำกว่า 2% ก็เป็นได้

                แต่ไม่ว่าจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า 2% สัญญาณค่อนข้างชัดแล้วว่าไทยจะต้องเตรียมแผนการตั้งรับและรุกอย่างเข้มข้น

                แผนฉุกเฉินด้านการแพทย์เท่านั้นไม่พอ ต้องมีแผนฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจและปากท้องด้วยจึงจะ  "เอาอยู่" จริงๆ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"