ไม่ไว้วางใจที่ไร้ 'กาลเทศะ'


เพิ่มเพื่อน    

 

              กลับถึงไทยค่ำนี้แหละ (๔ ก.พ.๖๓)!

                "แอร์เอเชีย" บินไปรับ

                คนไทย ๑๔๔ คน ในอู่ฮั่น-หูเป่ย์ กลับมา ก็คงยังไม่ได้กลับบ้านทันที เขาต้องเก็บตัวไว้เฝ้าดูอาการก่อน ๑๔ วัน

                ก็โน่นแหละ........

                หลังวันวาเลนไทน์ ซัก ๑๗-๑๘-๑๙ กุมภา ญาติใคร-มิตรใคร ค่อยนัดแนะไปรับกันวันนั้น

                หลังจากชัวร์ว่า ปลอดเชื้อไวรัสแน่แล้ว ตอนนั้น จะไปกอดรัดฟัดจูบกันยังไง ก็เชิญ!

                แต่ตอนนี้ ระงับ-ยับยั้งความคิดถึงอยากเห็นหน้า-เห็นตัวกันไว้ก่อน ยังแชต ยังไลน์ ยังไลฟ์สดกันได้อยู่มิใช่หรือ?

                ยังไงก็ตาม..........

                ขบวนการชังชาติ-ชังรัฐบาล ก็คงหาเรื่อง-หาประเด็นมาด่ารัฐบาลจนได้อีกนั่นแหละ

                เห็นใจพวกนี้เขานะ ก็นายกฯ ประยุทธ์ไปเตะ "ชามข้าวหมา" หก เมื่อ พฤษภา ๕๗

                พวกเขาจึงแค้นฝังเขี้ยว นี่เห็นว่าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

                ถามว่า รัฐบาลนี้ทำอะไรเสียหายร้ายแรงถึงขั้นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่งบประมาณก็ยังไม่มี และเพิ่ง ๕-๖ เดือนเอง ยังไม่ทันได้ทำงานเป็นชิ้น-เป็นอันเลย?

                คำตอบ คือ.......

                แค้นที่เตะชามข้าวพวกกูคว่ำแต่รัฐบาลที่แล้วไง!

                พูดถึงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ บอกตรงๆ ที่ผมไม่ได้สนใจ เพราะฝ่ายค้านไม่มีราคา มีแต่น่ารังเกียจ

                แถมไม่ดูโลก ไม่ดูสถานการณ์บ้านเมือง ว่าอยู่ในกาลไหน?

                เมื่อวาน (๓ ก.พ.) ราชกิจจานุเบกษา.........

                เผยแพร่ คำพิพากษาของ "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" เมื่อ ๒๘  พ.ค.๖๒

                เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ

                ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

                พูดชัดๆ คือ.........

                คดี "ทุจริตจำนำข้าว จีทูจี"

                จำคุกรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ๕๐ ปี และคนอื่นๆ อีกหลายคน พร้อมทั้งให้ชดใช้เงินอีก ๑.๖ หมื่นล้าน

                นี่ไง ผลงานว่าด้วยการทุจริตของรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยสมัย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกฯ

                แล้วพรรคนี้ ตอนนี้เป็นฝ่ายค้าน..........

                ก็ใช้ความแค้น เค้นแค้นต่อรัฐบาล คสช.ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาลระบบรัฐสภาขณะนี้ เปิดอภิปรายเพื่อหวังเฉ่งบัญชีเขา

                แล้วก็ดูซี...๖ รัฐมนตรีที่เพื่อไทยจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ

                -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

                -พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

                -นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

                -พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

                -นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ

                -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ

                จะเห็นว่ามี ร.อ.ธรรมนัสคนเดียว ที่ไม่ใช่อดีต คสช.แต่อดีตเป็นคนพรรคเพื่อไทย

                การอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเลย

                แค่ฉวยโอกาส ถลกหนัง-สางแค้น หาเรื่องด่าโดยอาศัยสภาคุ้มหัว มันก็เท่านั้น

                คดีทุจริตจำนำข้าว ที่ลงประกาศสดๆ ร้อนๆ ถ้าจะเปรียบ

                ตัวเองก็ ดำมิดหมี...เหมือนกีวี

                ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และใครต่อใครสารพัดเรื่อง รวมทั้งเรื่องไม่สุจริต

                ไม่น่าเรียกว่า ซักฟอกให้ขาว

                ควรเรียกว่า เพื่อไทยเป็นกีวี ขัดไอ้โอ๊ปนายกฯ กับคณะให้ขึ้นมันเงางามมากกว่า!

                ฉะนั้น เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ไม่มีค่าควรคุย

                คุยเรื่องแพทย์ไทยเราเจ๋งดีกว่า.........

                เป็นข่าวไปทั้งโลก กับที่ นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช แพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลราชวิถี

                และ รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว แพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลราชวิถี พร้อมทีมงานด้านการแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี

                สามารถ "คิดค้นวิธี" ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้ชะงัด ภายใน ๔๘ ชั่วโมง

                สำนักข่าวต่างประเทศ อย่างบลูมเบิร์ก, รอยเตอร์, France 24, Daily Mail พาดหัวกันรึ่มไปเลย

                Bloomberg.....

                Thailand Sees Good Resoul From Using Drug Mixture on Coronavirus

                Reuters.....

                Cocktail of flu, HIV drugs  appears to help fight coronavirus:Tai doctors

                The Jerusalem Post........

                Thailand sees apparent success treating virus with drug cocktail

                ที่ยกมาให้ดู เพื่อทำความเข้าใจกันให้ชัด ที่บางคนเข้าใจว่า แพทย์ค้นพบยารักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ บ้าง ให้ไปจดสิทธิบัตร บ้าง 

                ไม่ใช่ ครับ!

                ขอให้เข้าใจให้ถูกต้องว่า ขณะนี้ ยังไม่มีแพทย์หรือใคร-ที่ไหนในโลก คิดค้นสูตรยารักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้

                ที่ ๒ แพทย์ราชวิถีแถลง นั้น

                อยู่ในระดับตามที่สำนักข่าวใช้ศัพท์ว่า Mixture และ Cocktail เท่านั้น

                เปรียบง่ายๆ เหมือน "แกงเผ็ด" พ่อครัวคนไหนก็แกงได้ แค่ซื้อ "เครื่องแกง" มาเท่านั้น

                แต่จะอร่อยหรือไม่อร่อย อยู่ตรง "เครื่องแกง" ว่าเจ้าไหนจะผสมเครื่องด้วยอะไร สัดส่วนของใครจะขนาดไหน?

                ที่คุณหมอราชวิถีปราบไวรัสอู่ฮั่นได้ก็ลักษณะนี้ คือ ไม่ได้คิดค้นตัวยาขึ้นใหม่

                หากแต่นำยาต้านไวรัสเอดส์ และยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอยู่แล้วทั่วไป และใช้อยู่แล้วทั่วไป

                หากแต่หมอของเรา มีเทคนิค พลิกแพลง ในการนำยาต้านไวรัสเหล่านั้นมาใช้ควบคู่กัน

                ด้วยสัดส่วน ขนาด ที่คุณหมอ ใช้หลักแพทย์ หลักเคมี บวกประสบการณ์ เรียกว่าเป็นเทคนิคคิดค้นใหม่เฉพาะตัว ปราบไวรัสอู่ฮั่น "ชักแหง็กๆ" ลงตัว พอดี!

                เท่ากับ "สูตรผสม" เครื่องแกงของแพทย์ราชวิถี "ครบรส-ครบเครื่อง" เหมาะเหม็งลงตัว

                เจ้าไวรัสอู่ฮั่น ซดแล้ว หงายท้องแหงแก๋!

                เราก็รีพอร์ตสูตรปรุงผสมนี้ออกไปให้วงการแพทย์ได้รับรู้ ว่าปรุงตามสเปกนี้แล้ว

                ใช้ปราบเจ้าไวรัส ในรายที่รุนแรงเฉพาะหน้าได้

                ไม่ใช่การคิดค้น "ตัวยาใหม่" แต่อย่างใด!

                และที่พูดกันว่า จีนเขาก็มิกซ์แบบนี้เหมือนกัน ก็ไม่มีใครเถียง หากแต่เทคนิคการนำไวรัสเอดส์กับไวรัสไข้หวัดใหญ่มามิกซ์ของจีน

                การมิกซ์แพทย์ราชวิถี "ถึงเครื่อง-ครบรส" กว่าเท่านั้น!

                ถึงแม้ทั้งจีนและไทยจะรายงานการใช้สูตรผสมนี้ให้วงการแพทย์ได้รับรู้ในวันเดียวกัน

                แต่ของแพทย์ราชวิถี "รายงานก่อน" และเป็นรายงานด้วยสัดส่วนมิกซ์ที่เกิดประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลทางการรักษาชัดเจนอย่างว่านั่นแหละ

                เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง "จดสิทธิบัตร"

                คือ "จดไม่ได้" เพราะไม่ใช่การคิดค้นใหม่

                แค่เอาตัวยาที่มีอยู่แล้วทั่วไป มาผสมได้ลงตัว และใช้ในบางเคส ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยแพทย์ ในแต่ละผู้ป่วยขั้นรุนแรงเท่านั้น

                ยังไม่ใช่ยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขั้นมาตรฐาน ที่ผ่านการคิดค้น วิจัย และการทดลองใช้แล้ว

                แต่แค่นี้ วงการสาธารณสุขไทย ก็ สุดยอดแล้ว!

                ไปดูบอร์ดโลกซิ........

                ๒๕ ประเทศ หรือ ๓๐ กว่าแล้ว ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นคาตาและทึ่งกันทั้งโลก คือ ถึง ณ ๒ ก.พ.๖๓

                จีน พบคนติดเชื้อไวรัส ๑๔,๓๘๐ ราย

                ญี่ปุ่น ๒๐ ราย

                ไทย ๑๙ ราย

                สิงคโปร์ ๑๘ ราย

                ฮ่องกง ๑๔ ราย

                ออสเตรเลีย ๑๓ ราย

                และ..ฯลฯ....

                ในจำนวนกว่า ๒๐-๓๐ ประเทศ ยกเว้นจีน มีประเทศไทย ประเทศเดียว ที่ต่อท้ายผู้ติดเชื้อ ๑๙ รายว่า

                รักษาหาย ๘ ราย!

                ในขณะที่ ประเทศอื่นๆ ต่อท้าย ด้วย ๐. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"