ฤทธิ์เดชของ “ข่าวปลอม”


เพิ่มเพื่อน    

                คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...อิทธิฤทธิ์ของ ข่าวปลอม นั้น นับวันมันยิ่ง เอาเรื่อง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะบ้านเรา ซึ่งได้ชื่อว่ามีผู้ที่ใช้บริการ เฟซบุ๊ก มากที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ต้องเรียกว่า...ในโลกทั้งโลกนั่นแหละ เห็นได้จากกรณี ไวรัสอู่ฮั่น ที่สามารถส่งผลให้เกิดอาการ หูแหก-ตาแหก ไปในระดับทั่วทั้งโลก ได้อย่างน่าตื่นตะลึง พรึงเพริด เอามากๆ...

                                    ------------------------------------------------

                ถึงขั้นพวกที่ชอบเล่น เฟซบุ๊ก ในดินแดนเสือเหลืองมาเลเซีย...ดันเกิดความเชื่ออย่างที่แทบไม่น่าจะเชื่อ ว่าใครก็ตามที่ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น เผลอๆ อาจต้องกลายสภาพเป็น ผีดิบซอมบี้ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! และก็คงไม่ใช่เรื่องตลกโปกฮา หรือก่อนบ่ายคลายเครียด อะไรประมาณนั้น เพราะถึงระดับที่กระทรวงสาธารณสุขมาเลย์ ต้องออกโรงมาแก้ข่าว ชี้แจงแถลงข่าว ก่อนจะตามไป สอย บรรดาผู้ปล่อย ข่าวปลอม ที่ว่า ไปถึง 6 รายด้วยกัน โดยจะต้องเสียค่าปรับเป็นเงินระดับหมื่นๆ เหรียญริงกิต หรือเป็นแสนๆ บาท รวมทั้งจะลากคอเข้าคุกกันด้วยหรือไม่ อย่างไร ก็ยังไม่เป็นที่ทราบชัด...

                                     -------------------------------------------------

                คือถ้าเทียบกับยุคการแพร่ระบาดของ ไวรัสไข้หวัดหมู ที่ระบาดอยู่แถวๆ อเมริกาเมื่อช่วงปี ค.ศ.2009 ครั้งนั้น...มันไม่ถึงกับต้องหูแหก-ตาแหก เท่ายุคนี้ ขนาดจำนวนคนตาย ปาเข้าไปถึง 284,000 คนทั่วทั้งโลก หนักซะยิ่งกว่าผู้ที่ตายด้วยไวรัสอู่ฮั่นไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนเท่า เฉพาะในประเทศอเมริกา จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งระเบิดเถิดเทิงไปถึง 19 ล้านคน ถูกหามส่งโรงพยาบาลจำนวนถึง 180,000 ราย ตายไปไม่น้อยกว่า 10,000 คน แถมเป็นเด็กเล็กๆ กว่าครึ่งร้อย ฯลฯ แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันยังไม่ถึงกับระเบิดเถิดเทิงเท่ายุคนี้ ที่ติดเชื้อกันแค่หมื่นกว่าคน ตายในระดับหลักร้อย แต่ก็เล่นเอาโลกทั้งโลก หันไป โขกหัวจีน กันไปเป็นแถวๆ...

                                  ------------------------------------------------

                ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่า...ด้วยเหตุเพราะ สื่อฯ หรือด้วยเหตุเพราะ ข่าวปลอม นั่นเอง ที่นับวันมันจะมีฤทธิ์ มีเดช และออกฤทธิ์ ออกเดช ได้อย่างน่าเกลียด น่ากลัว ซะยิ่งกว่า เชื้อไวรัส ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า และก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะกรณีโรคระบาด หรือกรณีไวรัสอู่ฮั่น แต่เพียงเท่านั้น ในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณี นั่นแหละ ถ้าหากดันหลุดไปเข้าทางเท้า เข้าทางตีน ของบรรดาเจ้ากรมข่าวปลอม หรือสำนักข่าวปลอมแห่งชาติขึ้นมาเมื่อไหร่ ตอนไหน โอกาสที่จะเละเทะ เลอะเทะ และเละเทอะ วิปริต ผิดเพี้ยน บิดๆ เบี้ยวๆ ชนิดหาแก่น หาสาระ หารูปทรงใดๆ แทบไม่ได้ ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ...

                                  --------------------------------------------------

                แม้แต่ กระบวนการการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย ในยุคใหม่ๆ ก็เถอะ...ว่ากันว่า ด้วยอิทธิฤทธิ์ของข่าวปลอม หรือข่าวที่ถูกแต่งเติม เสริมแต่ง เป็นการเฉพาะ มันสามารถส่งผลให้เกิดความวิปริต ผิดเพี้ยน บิดๆ เบี้ยวๆ อุบัติขึ้นมาในประเทศประชาธิปไตยหลายต่อหลายประเทศ ไม่ว่าจะในแอฟริกา ลาตินอเมริกา หรือแม้แต่ในประเทศแม่แบบประชาธิปไตยอย่างอเมริกา หรืออังกฤษ ที่การ หักปากกาเซียน ของ ทรัมป์บ้า หรือการออก-ไม่ออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ เบร็กซิต ล้วนแล้วแต่มีบทบาท อิทธิพล ของข่าวปลอม หรือข่าวที่ถูกต่อเติม เสริมแต่ง ไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น...

                                    ------------------------------------------------

                การออกฤทธิ์ ออกเดช การขยายตัวและเติบโต...ของกระบวนการข่าวปลอมเหล่านี้ จึงย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หรือไม่ใช่เรื่องที่จะ ดูเบา ได้อีกต่อไป คือจะไปใช้วิธีวิ่งไล่จับ แบบแมวจับหนู หรือโปลิสจับขโมย มันคงไม่น่าจะ เวิร์ก ซักเท่าไหร่ อย่างที่รัฐมนตรีผู้มีเมียสวยที่สุดในปฐพี ท่านพยายามวิ่งไล่ซะจนแทบลิ้นห้อย แต่ดูเหมือนว่าจะจับหนูมาได้ประมาณ 2 ตัว 3 ตัวเท่านั้นเอง ขณะที่ข่าวลือ ข่าวปลอม มันไหลออกมาเป็นร้อยๆ แชร์กันเป็นพันๆ หมื่นๆ หรือเป็นแสนๆ ล้านๆ ภายในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง อันส่งผลให้แต่ละสิ่งแต่ละอย่าง มันบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่อาจดัดให้เข้ารูป เข้าทรง แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป...

                                   ---------------------------------------------------

                โดยแนวโน้มของกระบวนการขยายตัวและเติบโตของบรรดาข่าวปลอมเหล่านี้...จึงอาจถือเป็นเรื่องสำคัญระดับ วาระแห่งชาติ เอาเลยก็ว่าได้ เป็นเรื่องที่ต้องบรรจุเอาไว้ใน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ชนิดไม่ว่า บิ๊กตู่ จะยังอยู่-ไม่อยู่ก็แล้วแต่ เพราะโดยลักษณะแนวโน้มที่มันมีศักยภาพพอที่จะบิดเบี้ยวและบิดเบน ระบอบการเมือง-การปกครอง แม้แต่ระบอบประชาธิปไตยในรูปไหน แบบไหน ก็แล้วแต่ ให้ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น สามารถส่งผลให้เกิดความวูบๆ ไหวๆ ในทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในระดับมหภาค หรือจุลภาค ก็ตามแต่ รวมทั้งสามารถทำให้ ค่านิยมทางสังคม ไม่ว่าวัฒนธรรม ประเพณี เสื่อมคุณค่า ไม่อาจทำหน้าที่เป็น ภูมิคุ้มกันทางสังคม แบบเดิมๆ ได้อีก ฯลฯ อันนี้นี่แหละ...ที่ถ้าจะไปมัวแต่ โปลิสจับขโมย อยู่อีกต่อไป โอกาสที่จะ เจ๊ง...กับ...เจ๊ง ไปทั่วทั้งสังคม ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                                   ---------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Tsutomu Shimomura... “We call things we don’t understand complex, but that means we haven’t found a good way of thinking about them. - เรามักเรียกสิ่งที่เราไม่เข้าใจว่า...ความซับซ้อน ทั้งที่จริงแล้ว เรายังค้นไม่พบวิธีคิดที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนั้นๆต่างหาก...”

                                 ------------------------------------------------------ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"