ไปเฝ้า "เง็กเซียนฮ่องเต้" ที่เมืองฝูโจวมาครับ!
บุกป่า-ทะลุเขา ร่วม ๕๐ ลูก
สูง....
แต่ไม่เห็นฟ้า-ไม่เห็นแสงตะวัน เพราะทั้งวัน ไม่หมอกคลุมก็ฝนซัดเป็นม่านกั้น หนาวเหน็บเนื้อถึงกระดูก
ถ้าเป็นละมุดสุก คงเละคาชะลอมไปแล้ว!
ก็แหม....วันเดียวหาถึงไม่
ยังต้องให้รถเขย่าไปต่ออีก ๙ ชั่วโมงในวันรุ่งขึ้น
กว่าจะถึงที่สถิต "เง็กเซียนฮ่องเต้" ที่เมืองฉวนโจว ถึงทางจะดี แต่ด้วยไกล ทั้งไต่เขา ทั้งเข้าอุโมงภูเขาเจาะ หลังขด-หลังแข็งคารถ
จนแทบต้องแซะออก เมื่อถึงแต่ละที่!
พูดถึงเมืองฉวนโจว คงไม่มีใครผ่านหูซักเท่าไหร่ รวมทั้งผมเอง อยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน"
เป็นท่าเรือใหญ่อันดับโลก อยู่ทางใต้ใกล้ไต้หวัน มณฑลนี้ถือเป็น "เส้นทางสายไหมทางทะเล"
เชื่อมโยงคาบสมุทรอินโดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เกาหลี
แต่ฉวนโจว เป็นเมืองโบราณ......
ห่างไกลออกไปจากใต้จรดเหนือ ในระดับอำเภอ-ตำบล เทียบให้เห็น ก็อย่าง "กรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอน"
แล้วยังต้องซอนซอกจากตัวเมืองไปอีกลิบๆ กว่าจะถึงจุดหมาย!
ที่ผมไปก็ประมาณนั้น.....
ความจริงไม่ได้ไปเองหรอก เพื่อนมกร์เขาชวนไป ก็ใจง่ายตามเขาไปดิกๆ
เหตุที่ดั้นด้นไป เขาบอก เมืองโบราณแห่งนี้ ยูเนสโกยกเป็นเมือง "ศูนย์กลางวัฒนธรรมหลากหลายของโลก" และพิพิธภัณฑ์ศาสนสถาน
ไฮไลต์ คือที่ "วัดกวนตี่เมียว" ของเมืองนี้
เป็นที่สถิตของ "เง็กเซียนฮ่องเต้"!
ก็เลยอยากไปเฝ้า ขอพรให้ท่านมาโปรยปรายความเจริญ ความรุ่งเรืองให้บ้านเมืองไทย ความสุข ความร่ำรวยกับคนไทยบ้าง
ฟังที่เขาเล่า ฟังได้ แต่ไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นภาษาจีน ทั้งกลาง ทั้งฮกเกี้ยน
สรุปว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ แห่งนี้ คือ "กวนอู" เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์นั่นเอง
คือกวนอูนั้น เมื่อถูกซุนกวนตัดศีรษะส่งไปให้โจโฉ และโจโฉนำไปฝังไว้ที่เมืองลั่วหยาง มณฑลเสฉวนแล้ว
ในอีกภพหนึ่ง กวนอูบำเพ็ญตบะบารมี สู่ความเป็น "เง็กเซียนฮ่องเต้" ก็แบ่งภาคมาสถิตอยู่ที่ฉวนโจว
ยามเศรษฐกิจตกต่ำ ที่บ้านอื่น-เมืองอื่น ทำมาหากินย่ำแย่
แต่เมืองฉวนโจว เง็กเซียนฮ่องเต้สถิตประทานพร กลับทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง
มีสถิติว่า ในขณะที่อื่นแย่ เมืองนี้ กลับร่ำรวย ๖ ปีติดต่อกัน!
เพราะเหตุนี้.........
คนจีนเมืองต่างๆ โดยเฉพาะคนไต้หวัน จึงแห่กันไปขอพรต่อเนื่อง เป็นเมืองศาสนสถานดังว่า
คิดเอาละกัน ศรัทธากันขนาดไหน แค่ "กระดาษเงิน-กระดาษทอง" ที่เผาถวายเง็กเซียนฮ่องเต้
เฉพาะขี้เถ้า.........
ตักไปขายได้ปีละกว่าแสนหยวน!?
ผมก็ได้เฝ้า "เง็กเซียนฮ่องเต้" เรียบร้อย เห็นแก่ตัว ด้วยขอพรให้ตัวเองก่อน
จากนั้น ถึงคิวขอให้แฟนๆ ไทยโพสต์ ให้บ้าน-ให้เมือง จำได้ว่า เดือนมีนา.เป็นเดือนเกิด "นายกฯ ประยุทธ์"
จึงขอให้ "เง็กเซียนฮ่องเต้" ประทานพลังปราบโกงให้นายกฯ พลังซื่อสัตย์ให้นายกฯ
พลังสร้างบ้าน-สร้างเมืองให้นายกฯ นำประเทศสู่ "อนาคตใหม่" ในภาค EEC ให้สำเร็จ
พูดถึง "อนาคตใหม่".........
นี่มันชื่อพรรคคนรุ่นใหม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล มิใช่หรือ?
เออ...มันก็ดีนะ
แรกๆ บ่นกันว่า เลือกตั้งใหม่ จะเลือกทำไม
ในเมื่อ มีแต่พรรคเก่าๆ นักเลือกตั้งเก่าๆ ไม่เห็นมี พรรคใหม่ๆ คนใหม่ๆ เสนอตัวเข้าหาให้เลือกเลย?
ก็มีมานี่แล้วไง............
แต่ไหง เห็นมะรุม-มะตุ้ม เอาตายกันตั้งแต่ยังไม่ทันออกฉากเลยล่ะ?
ไม่อยากเป็นตัว "ขวางโลก" แต่อยากบอกว่า อาหารจานใหม่มีให้เลือก
"จะกิน-ไม่กิน" อยู่ที่ตัวเรา
แต่อย่าด่วน "เตะจานทิ้ง" ด้วยลงความเห็นว่า "มันบูด" หรือ "ไม่อร่อย" ก่อนลิ้นได้แตะรสเลย
"ดี-ชั่ว อยู่ที่ตัวทำ" ในเมื่อเขามีของ ก็ให้เขาปล่อยของออกมาดูให้หมด
"อนาคตใหม่" หรือ "อนาคตไหม้" แล้วรู้เอง!
ทุกอย่าง มันถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วทั้งสิ้น เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้น อย่าต้องตื่นเต้น กระวน-กระวายให้เกินเหตุ-เกินงามไป
เคยได้ยินคำว่า "กงล้อการเมือง" ใช่มั้ย?
ก็เนี่ย...ตั้งแต่ประเทศเปลี่ยนการปกครอง จาก พ.ศ.๒๔๗๕ จนถึงวันนี้ พ.ศ.๒๕๖๑
ไม่ได้ไปไหน แค่เขยื้อนล้อ แล้วกลับ "ทับรอยเดิม"
นักการเมือง "รุ่นเก่า".......
ที่ "คนรุ่นใหม่" วันนี้ ต้องการรุ-ล้าง ด้วยเห็นว่า เป็นตัวถ่วงชาติ ตัวไม่สร้างสรรค์บ้านเมืองนั้น
มันก็คือพวก "คนรุ่นใหม่" ในอดีต ที่พลุ่งพล่านด้วยจินตนาการดิบในวัยเยาว์ อย่างธนาธร-ปิยบุตร นี่แหละ
เราเคยมีพรรคพลังใหม่-ความหวังใหม่ กระทั่งพรรคนิยมซ้ายสไตล์จีน-รัสเซียมาแล้วทั้งนั้น
แล้วมันยังไง พรรคคนรุ่นใหม่แนวคิดนั้น เปลี่ยนบ้าน-เปลี่ยนเมืองได้มั้ย?
เห็นแต่ พวกหัวใหม่ เอียงซ้าย-เอียงขวา มากหน้าหลายตา ลงท้าย เป็นลูกกระเป๋ง "ซ้าย-ขวา" เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ไม่ก็ หาแผ่นดินซุกหัวก็แสนยาก
รุ่นใหม่น่ะดี.........
ถ้าจะเล่น ขอให้เล่น "ตามกติกา" จะซ้าย-จะขวา ว่าไปเลย แต่ล้ำเส้น-ผิดกฎ มันจะแพ้ฟาวล์
การตัดสินใจ อยู่ที่ชาวบ้าน เขาเห็นชอบ ก็เอาด้วย ไม่เห็นชอบ ก็เขี่ยทิ้งเอง
อยากจะบอกนายธนาธรกับนายปิยบุตรสักนิด ด้วยเสียดายจะแท้งก่อนท้อง
คือในเมื่อตั้งใจและตัดสินใจเข้าการเมืองตามระบบ-ตามกติกานั้น ก็ดีแล้ว ผมสนับสนุน
แต่การใช้ "สตางค์" นำการเมือง จะไม่สำเร็จ
ถ้าจะให้สำเร็จ ควรใช้ "สตินำสตางค์" ใช้ความจริงใจเป็นเส้นทางเดิน
การอาศัยความรู้ตามตำราและการลอกแบบหรือจ้างฝรั่ง สร้างเงาจำแลง "สร้างชื่อ-สร้างคะแนน" อย่างทำ ตอนเปิดตัวใหม่ๆ
ก็ได้ใหม่ๆ แบบ "ขี้ใหม่-หมาหอม"
โดยฐาน พวกคุณก็ระดับชูวิทย์ แค่ใช้ปากสร้างตัว ก็เหลือแหล่จะติดชาร์ตสำรวจ "ว่าที่นายกฯ" อยู่แล้ว
แต่ถ้าเหิมเกริม "ล้ำกฎ" ถึงขั้นอยากเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบันจะเป็นใหม่ประเภท "ฟันน้ำนม" เปลี่ยนชุด
ไม่ใช่ "คนรุ่นใหม่" ตรงไหนเลย!
แน่นอน คุณไม่ใช่ควาย จึงไม่จำเป็นต้องสีซอด้านเหตุผลให้ฟัง เพราะพวกคุณรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว
แต่ที่ทำ นั่นเพราะ "ตั้งใจ-จงใจ"
ไม่ใช่ทำเพราะ "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ในด้านว่า การเมืองที่จงใจเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันนั้น ผิดหรือถูก?
ความคิด "ไม่ผิด-ไม่ถูก" จนกว่าลงมือทำตามคิด
แต่ที่คิดนั้น ชนะ...........
ก็แล้วไป การคิด-การทำของผู้ชนะ ย่อมถูกเสมอ
แต่ถ้าไม่ชนะ
ยิ่งสำหรับประเทศไทยด้วยแล้ว ไม่เคยมีใครชนะ "ด้วยคิด-ด้วยทำ" อย่างที่ธนาธร-ปิยบุตร "คิดนอกกรอบ" เช่นนี้มาก่อน
ผมจึงเสียดาย
จะเป็นแค่ฟืนดุ้นใหม่ แค่ขี้เถ้า ไม่ถึงถ่าน!
เรื่องนี้ มีประเด็นคุยกันยาว ไว้ว่ากันวันหลัง
ก็ระวังไว้ด้วยนะ "คนใหม่-เงินใหม่" น่ะ พวกอาชีพ "หากินทางสังคม" นิยมเสนอโครงการ ชอบนัก
อย่าไปหลงยอดไลค์-ยอดเชียร์ จากพวกนี้จนเพริด เดี๋ยวจะช้ำใจตาย เสียของ-เสียคน "ก่อนแก่"
ครับ...ผมยังงัวเงียเพลียมึน "บุพเพสันนิวาส" เมื่อคืนเป็นยังไง ก็ยังไม่ทันได้ดู
อนุญาตขมุบขมิบจบละกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |