เฮทั้งประเทศ! หมอราชวิถีสุดเจ๋ง ค้นพบสูตรยารักษาไวรัสโครานาสำเร็จ ใช้ 2 ยาต้านไข้หวัดใหญ่-เอชไอวี รักษาผู้ป่วยจีนตรวจไม่พบเชื้อภายใน 48 ชม. เดินหน้าร่วมมือแพทย์ทั่วโลกพัฒนารักษาร่วมกัน ขณะที่ปลัด สธ.ชวนคนไทยบิ๊กคลีนนิ่งใหญ่ป้องกันมหันตภัย ด้าน "ขนส่งทางบก" ตื่นล้อมคอกแท็กซี่สวมหน้ากากอนามัยรับ-ส่งผู้โดยสาร
เมื่อวันอาทิตย์ นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช อายุรแพทย์โรคปอด นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวถึงขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยชาวจีนหายภายใน 48 ชั่วโมงว่า โรคนี้เป็นโรคใหม่ เราจึงศึกษาข้อมูล ซึ่งมีรายงานประเทศจีนใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในการรักษาโรค ซึ่งยาต้านไวรัสเอชไอวีในประเทศไทยนั้นทางองค์การเภสัชกรรมผลิตได้เองอยู่แล้ว ประกอบกับก่อนหน้านี้มีรายงานว่าใช้ในการรักษาโรคเมอร์สด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา รพ.ราชวิถีได้รับการส่งตัวผู้ป่วยชาวจีนอายุ 70 ปี มีโรคประจำตัว จาก รพ.แห่งหนึ่งที่หัวหิน เพราะมีอาการหนักมากถึงขนาดที่อาจจะต้องตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ มีภาวะปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด และมีค่าการอักเสบในเลือดเพิ่มขึ้นทุกวันๆ พอมาถึง รพ.ราชวิถี จึงได้ให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสูตรผสม ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่
“ผมตัดสินใจว่าในเมื่อคนไข้อาการหนัก ต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อน จึงตัดสินใจให้ยาทั้ง 2 ตัว แล้วคอยรักษาผลข้างเคียงและคอยดูคนไข้ทุกวัน โดยให้ยาตั้งแต่วันแรกที่รับเข้ารักษาที่ รพ.ราชวิถี คือเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ซึ่งจริงๆ ต้องให้เครดิต รพ.ที่รักษาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะเขาได้ให้ยาต้านไวรัสกับคนไข้คนนี้ก่อนหน้านี้แล้ว 2 วัน แต่อาการคนไข้ไม่ได้ดีขึ้น แย่ลงเรื่อยๆ” นพ.เกรียงศักดิ์ระบุ
นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับการให้ยานั้น จะใช้ในขนาดที่สูง เพราะเป็นคนไข้ที่มีอาการหนัก โดยสัดส่วนยาต้านไวรัสเอชไอวีที่เป็นยาสูตรผสมโลพินาเวียร์และลิโทนาเวียร์ ที่อยู่ในเม็ดเดียวกันขนาด 200/50 มิลลิกรัม โดยให้ครั้งละ 2 เม็ด เช้า-เย็น และร่วมกับการให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ 75 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 เม็ด เช้า-เย็น รวม 300 มิลลิกรัม
นพ.เกรียงศักดิ์ระบุว่า โดยผลการให้ยาปรากฏว่าไม่ถึง 12 ชั่วโมง จากคนไข้ที่ดูอ่อนเพลีย ลุกไม่ได้ กลับมาลุกนั่งได้และไข้ลดลง หลังจากนั้นอาการเหนื่อยน้อยลง และหลังเก็บเชื้อตรวจ 48 ชั่วโมง ปรากฏว่าไม่ผลเป็นลบ ทั้งๆ ที่รักษาตัวมาเป็น 10 วันเชื้อยังเป็นบวกอยู่ อย่างไรก็ตาม วันนี้แม้อาการป่วยยังไม่หาย แต่ดีขึ้นชัดเจน ดังนั้นแนวโน้มการรักษาด้วยสูตรยานี้ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่ยังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่าการรักษาวิธีนี้เป็นมาตรฐานการรักษา
ผู้สื่อข่าวถามว่า สูตรของ รพ.ราชวิถีต่างจากของจีนอย่างไร นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ในจีนที่แนะนำการรักษาก่อนหน้านี้ คือใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างเดียว ไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งไม่แน่ใจว่าทางจีนหรือประเทศอื่นๆ มีการรักษาด้วยวิธีการนี้หรือไม่ อาจจะมีก็ได้ แต่ยังไม่ได้มีการรายงานออกมา ส่วนของไทยตอนนี้ก็มีการให้ยาสูตรของ รพ.ราชวิถีอีก 1 ราย ซึ่งเป็นคนไทยอายุ 33 ปี มีอาการปอดอักเสบเช่นกัน แต่ติดเชื้อและมีอาการที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้มีประวัติสัมผัสคนจีน โดยหลังจากได้รับยาตามสูตรนี้แล้ว อาการดีขึ้นมาก แต่ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจแล็บก่อน
ขณะที่ รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.ราชวิถี หนึ่งในทีมรักษา กล่าวว่า วิธีการรักษาในประเทศต่างๆ นั้น ทางการจีนและประเทศอื่นมีการรายงานออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าความร่วมมือของแพทย์ทั่วโลกจะทำการพัฒนาการรักษาร่วมกัน โดยไทยจะเป็นประเทศหนึ่งร่วมช่วยกัน
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นการรายงานกรณีศึกษาการรักษาผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยใช้รักษาวิธีนี้ 3 ราย แต่ 1 รายแพ้ยาโอเซลทามิเวียร์จึงหยุดการให้ยาที่แพ้ ส่วนอีก 2 ราย เมื่อได้รับสูตรยานี้ก็อาการดีขึ้น โดยหลักแนวทางคำแนะนำในการรักษามาตรฐาน คงจะยึดจากรายงานทั่วโลก โดยเฉพาะของจีนที่ออกมา แต่แพทย์ รพ.ราชวิถีได้เพิ่มการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ด้วย และในวันที่ 3 ก.พ. จะมีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทย จะมีการนำวิธีการรักษาเช่นนี้เข้าหารือและพิจารณาร่วมกัน ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อในไทย โดยหากมีอาการไม่หนัก ให้ใช้วิธีการรักษาตามปกติ คือการรักษาตามอาการ ซึ่งที่ผ่านมาแพทย์ไทยก็รักษาหาย แต่หากเป็นคนไข้ที่อาการหนัก จะมีแนวทางการใช้สูตรยาตามของ รพ.ราชวิถีเป็นทางเลือกการรักษา และมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ และจะมีการแบ่งปันข้อมูลร่วมกับนานาประเทศด้วย
ขณะที่นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เชิญชวนคนไทยทั้งประเทศบิ๊กคลีนนิ่งป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยดูแลบ้าน สภาพแวดล้อม ให้สะอาด ปลอดจากเชื้อโรคที่มาจากละอองฝอย
วันเดียวกัน ที่กรมการขนส่งทางบก นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า เพื่อสร้างความตระหนักในการป้องกัน ควบคุมโรค ลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเดินหายใจ สร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ขับรถแท็กซี่และผู้โดยสาร เฝ้าระวังป้องกันโรคและภัยสุขภาพและอุบัติเหตุบนท้องถนน กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเดินรถสาธารณะ ป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ส่งผู้โดยสาร
นายจิรุตม์ระบุว่า ทั้งนี้ ได้ประสานบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ขับรถแท็กซี่ก่อนการขับขี่ (Fitness to Drive) ภายใต้แนวคิด “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” ให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอกซเรย์ปอด ทดสอบการมองเห็นระยะไกล โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บริเวณอาคาร 4 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก
"โดยขอเชิญชวนผู้ขับรถแท็กซี่เข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อสุขภาพที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารว่าจะไม่ได้รับเชื้อโรคจากการใช้บริการรถสาธารณะ นอกจากนี้ ผลการตรวจสุขภาพ และใบรับรองแพทย์ที่ได้รับสามารถนำไปประกอบการดำเนินการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะได้อีกด้วย โดยตั้งเป้าปี 63 ให้บริการจำนวน 3,000 คนแก่ผู้ขับรถแท็กซี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล” นายจิรุตม์กล่าว
วันเดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความห่วงใยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามท่าอากาศยานต่างๆ ทั้งจุดตรวจคนคนเข้าเมือง ด่านบก ด่านน้ำ รวมถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่อาจมีการแพร่ระบาดออกในวงกว้าง เข้ามาในประเทศไทย ณ ช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ
พ.ต.อ.กฤษณะระบุว่า ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เข้าดูแลจัดการปัญหาดังกล่าว กำชับ สำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองให้บูรณาการกับทุกภาคส่วน อาทิ รพ.ตร. สนับสนุนแพทย์ เครื่องมืออุปกรณ์ในการรักษาผู้ป่วย กองบินตำรวจ รับ-ส่งเคลื่อนย้ายในกรณีฉุกเฉินหรือเมื่อมีการร้องขอ และให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจบุคคลที่เดินทางมาจาก เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือบุคคลอื่น ที่เดินทางมาจากประเทศต้นทางที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อโรคระบาดอื่นๆ ซึ่งหากตรวจพบให้ประสานกับแพทย์ตรวจคนเข้าเมืองหรือเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินการตรวจคัดกรองและส่งตัวผู้โดยสารที่พบสิ่งผิดปกติหรือมีอาการบ่งชี้ ดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขต่อไป โดยไม่ให้กระทบต่อการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้โดยสารอื่นด้วย
"อีกทั้งได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายให้สวมใส่ถุงมือยางและหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ปฏิบัติหน้าที่ และได้ประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ให้เตรียมพร้อมในการสนับสนุนด้านการรักษาตัว หากพบผู้ที่มีไข้สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยหากพบว่ามีกรณีฉุกเฉิน ก็ให้กองบินตำรวจคอยสนับสนุนภารกิจ ตลอด 24 ชั่วโมง" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะระบุด้วยว่า พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำช่องตรวจอนุญาต สังเกตพฤติกรรมของผู้ที่มารอรับการตรวจอนุญาต หากพบอาการต้องสงสัยที่เข้าข่ายโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ไอแห้ง วิงเวียนศีรษะ หรือหายใจลำบาก เป็นต้น ต้องรีบนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศหรือแพทย์ตรวจคนเข้าเมืองทันที และเพิ่มความละเอียดรอบคอบในการตรวจรายละเอียดข้อมูลบัตร ตม.6 ของผู้โดยสารขาเข้า โดยเฉพาะข้อมูลที่พักอาศัยเพื่อประโยชน์ในการติดตามภายหลัง ประกอบกับการอนุญาตบุคคลในกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ต้องตรวจสอบแบบคำถาม(ต.8) ของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หากยังไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองจากแพทย์ ให้แนะนำผู้โดยสารให้ไปทำการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือแพทย์ตรวจคนเข้าเมือง ก่อนเข้ารับการตรวจอนุญาตเข้ามาในราชอาณาจักร
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมในการจัดตั้งและขับเคลื่อนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พรรคพลังประชารัฐ ทางพรรคยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการป้องกันโรคระบาดจากไวรัสโคโรนาแก่ตัวแทนผู้นำชุมชนกว่า 80 ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากทั้ง 50 เขต โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง เสียงประชาชนต่อโรคโคโรนา กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ที่น่าสนใจคือ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระทรวงสาธารณสุขไทย หมอไทยเก่ง เชื่อมือหมอ ระบบสาธารณสุขไทยดี คุมโรคระบาดได้อยู่ ร้อยละ 57.9 รวมทั้งพฤติกรรมการพูดคุยของคนในโลกโซเชียลเป็นเชิงบวกต่อการตื่นตัวและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ร้อยละ 54.2
ด้าน ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบการบริหารจัดการภัยสาธารณะฉุกเฉินกันใหม่ทั้งระบบ หากไม่ดำเนินการไทยจะเผชิญหน้าความท้าทายจากโรคระบาดอุบัติใหม่ ผลกระทบจากภัยสิ่งแวดล้อมและความรุนแรงของภัยธรรมชาติได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเผชิญภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีแรก .
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |