"อนุทิน" ลั่นส่งทีมแพทย์บินรับคนไทยจากอู่ฮั่นกลับประเทศ 4 ก.พ. วางระบบแยกกักตัวเฝ้าระวังโรค 14 วัน เล็งสถานที่ 3-4 แห่งดูแล รอหารือ "บิ๊กตู่" ขั้นสุดท้าย "ผบ.ทอ." พร้อมเปิดค่ายทหารให้ใช้พื้นที่ "สธ." เผยรักษาผู้ป่วยติดเชื้อหายเพิ่มอีก 1 ราย พบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวน 382 ราย คัดกรองให้กลับบ้านแล้ว 71 ราย "สถานทูตจีน" ขอบคุณ "ไทย" ร่วมมือต่อสู้การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา
ที่กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 2 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เรียกผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกกรมในสังกัดมาประชุมนัดพิเศษในวันหยุด เพื่อระดมสมองในการรับมือกับสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นายอนุทินกล่าวถึงความคืบหน้าการไปรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่นกลับมาเมืองไทยในวันที่ 4 ก.พ.ว่า ตอนนี้ชัดแล้วว่าตนไม่ไปเอง จะมีเพียงทีมแพทย์ 8 คน ประกอบด้วย แพทย์ทางด้านฉุกเฉิน แพทย์ทางระบาด จิตแพทย์ ตลอดจนพยาบาล พร้อมกับเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการเดินทาง เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้วจะแยกตัวไว้ และเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน
"ส่วนสถานที่เบื้องต้นเตรียมไว้ 3-4 แห่ง ซึ่งต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ส่วนเรื่องการไม่ห้ามคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ยืนยันอีกครั้งว่าวันนี้คนจีนเข้ามาในประเทศไทยน้อยมากแล้ว" นายอนุทินกล่าว
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงได้ระดมสรรพกำลังจากทุกกรมในสังกัดเพื่อให้การดูแลประชาชน โดยในสัปดาห์หน้ากรมอนามัยจะเป็นหน่วยงานหลักในการทำบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ส่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพก็ระดมอสม.กว่า 1 ล้านคนในการให้ความรู้ในการป้องกันตนเองจากโรคดังกล่าวให้กับประชาชนได้ทราบ ส่วนอุปกรณ์ป้องกันตัวต่างๆ ทั้งหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ท่านรองนายกฯ ได้สั่งองค์การเภสัชกรรมเร่งผลิตเจลล้างมือเพิ่มด้วย
ด้าน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะใช้พื้นที่ทหารกักตัวคนไทยที่จะเดินทางกลับจากอู่ฮั่นประเทศจีนว่า กองทัพอากาศพร้อมให้ความร่วมมือ และไม่มีปัญหา ส่วนจะใช้พื้นที่ใดนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล กองทัพอากาศมีหน้าที่สนับสนุนหากมีการร้องขอ
"รัฐบาลประสานให้เตรียมความพร้อมในทุกเรื่องที่กองทัพอากาศมีทรัพยากรอยู่ ซึ่งเรามีทุกอย่างอยู่ในมือ และมีความพร้อมเพียงแต่รอคำสั่งจากรัฐบาล ส่วนกรณีจัดชุดคัดกรองจากกรมแพทย์ทหารอากาศตรวจสุขภาพคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่นนั้น เรื่องนี้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยกรมควบคุมโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะเป็นเจ้าภาพ" ผบ.ทอ.กล่าว
ขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ในฐานะผู้บัญชาการของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน แถลงข่าวประจำวันถึงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าขณะนี้รายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสม 19 ราย วันนี้รักษาหายเพิ่ม และออกจากโรงพยาบาล 1 ราย รวมเป็นผู้ที่รักษาหายแล้วทั้งหมด 8 ราย ยังอยู่ระหว่างการรักษา 11 ราย ทุกรายมีอาการดีขึ้น
นพ.โสภณกล่าวว่า ในส่วนผู้เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรคเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบเพิ่ม 38 ราย รวมเป็นเคสเฝ้าระวังสะสมตั้งแต่ 3 ม.ค.-1 ก.พ. อยู่ที่ 382 ราย แบ่งเป็นคัดกรองจากสนามบิน 40 ราย มาที่โรงพยาบาลเอง 342 ราย ทั้งนี้ อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 71 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงเฝ้าระวังในสถานพยาบาล 311 ราย
สธ.พร้อมรับคนไทยที่อู่ฮั่น
นพ.โสภณกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ว่าวันนี้จะมีการประชุมร่วมกับกรมการกงสุล ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมและให้ได้แนวทางที่ดีที่สุด ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่ทุกคน และเจ้าหน้าที่สายการบินที่เดินทางไปรับ รวมทั้งคนไทยที่จะเดินทางกลับจากอู่ฮั่น ด้วยมาตรการคัดกรอง ระบบป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกคนมีความปลอดภัย กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
“เราเตรียมพร้อมทีมแพทย์ไทย มีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และการป้องกันควบคุมโรค ให้การดูแลตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน คนไทยที่เดินทางกลับมีความปลอดภัยสูงสุด และประชาชนในประเทศต้องปลอดภัยด้วย” นพ.โสภณกล่าว
ถามถึงคนขับแท็กซี่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อควรปฏิบัติตัวอย่างไร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าวว่า สำหรับการควบคุมป้องกันโรคในส่วนของคนขับแท็กซี่ ขอให้มีหน้ากากอนามัยติดไว้อย่างน้อย 2 แผ่น 1 แผ่นใช้เอง และอีกแผ่นเพื่อหากพบผู้โดยสารมีอาการไอ จาม และควรเจลล้างมือติดรถไว้ด้วย รวมทั้งขอให้หมั่นทำความสะอาดรถทั้งภายในและภายนอก โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% ทำความสะอาด
"สหกรณ์แท็กซี่สามารถใช้ผงคลอรีนละลายน้ำมาใช้ทำความสะอาดรถแท็กซี่ด้วย หากเจอผู้โดยสารไอ จาม ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อระบายอากาศ หรือเวลาที่จอดรถเพื่อทำกิจวัตรอย่างอื่นก็ขอให้เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศทิ้งไว้ด้วย ส่วนประชาชนทั่วไปขอให้สวมหน้ากากอนามัย คนที่ไม่ป่วยให้ใช้แบบผ้าที่สามารถซักใช้ซ้ำได้ ส่วนคนป่วยให้ใส่ชนิดที่เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ไม่ต้องถึงขั้นใช้หน้ากาก N95 เพราะชนิดนี้เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์" ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าว
นพ.โสภณแนะนำให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงตนเอง กลุ่มที่เสี่ยงต่ำคือผู้อยู่บ้านไม่ได้เดินทางไปไหน ให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ให้หมั่นล้างมือ กลุ่มที่เสี่ยงปานกลางถึงสูงคือผู้ที่ทำงานสัมผัสกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ปิด เช่น ผู้ขับขี่รถสาธารณะ ต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อย่างเคร่งครัด สอบถามเพิ่มเติมที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในเมืองหูหนาน ซึ่งมีพื้นที่ใกล้กับเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้สถานการณ์โรครุนแรงขึ้นหรือไม่ ต้องเรียนว่าเชื้อ H1N5 กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นเป็นคนละกลุ่มที่ไม่สามารถผสมกันได้
"ตอนนี้ H5N1 ในจีนยังเป็นการพบในสัตว์ ยังไม่ได้ระบาดมาสู่คน แต่ทางการจีนได้มีการทำลายสัตว์ปีก พร้อมทั้งทำความสะอาดไปแล้ว ทั้งนี้ ในอดีตที่มีการระบาดของไข้หวัดนก ถือว่าเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง อัตราการเสียชีวิตในคนอยู่ที่ 60% แต่การแพร่กระจายโรคไม่ง่าย เพราะเป็นแล้วเสียชีวิตก็เผาเลย" นพ.ทวีกล่าว
ถามถึงกรณีที่จังหวัดเชียงใหม่มีการรับผู้ป่วยชาวจีนเข้ารับการรักษาตัว แล้วตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ ทางแพทย์จึงให้ออกมาอยู่นอกห้องแยกโรค แต่ผลตรวจภายหลังกลับพบมีเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ นพ.ทวีกล่าวว่า กรณีการตรวจไม่พบเชื้อครั้งแรกอาจจะเป็นเพราะ 1.ตอนที่ตรวจคนไข้มา รพ.ด้วยโรคอื่น แล้วเชื้อตัวนี้ยังอยู่ในระยะฟักตัว จึงทำให้ตรวจไม่พบ 2.การเก็บตัวอย่างเชื้อไม่ดีพอ ซึ่งพบปัญหานี้ค่อนข้างบ่อย สิ่งที่เราต้องการคือการเก็บเสมหะในลำคอ หากเก็บไม่ดีจะได้เพียงน้ำมูก อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้ป่วยและคนที่สัมผัสอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ 14 วันแล้ว ยังไม่มีความผิดปกติ
“ตัวเลขเคสที่เข้าข่ายสอบสวนโรคของเรา 382 ราย หลังผลตรวจออกมาแล้วพบว่าส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดชนิดอื่น ที่พบว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ มี 5%” นพ.ทวีกล่าว
จีนขอบคุณดูแลผู้ติดเชื้อ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการป้องกันและควบคุมโรคตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งประเทศไทยได้รับการยอมรับอยู่ในอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย
"มีหลายเรื่องที่พี่น้องประชาชนอาจจะวิตกกังวล โดยเฉพาะสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่นและเมืองต่างๆ ของจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจว่าคนไทยเราเป็นห่วงเพื่อนร่วมชาติของเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ขอให้รู้ไว้เช่นเดียวกันว่านายกรัฐมนตรีห่วงยิ่งกว่า และเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแลคนไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอย้ำว่าสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนสำคัญที่สุด รวมถึงคนชาติอื่นที่มาอยู่มาเที่ยวไทยด้วย และคนไทยก็มีความเป็นห่วงเช่นกัน" นางนฤมลกล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการให้เร่งรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่นนั้น รัฐบาลได้พูดคุยกับทางการจีนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดสถานการณ์ แต่ทุกอย่างมีขั้นตอน ไม่ใช่จะทำได้ทันที และในที่สุดเราจะส่งเครื่องบินพาณิชย์ไปรับคนไทยในเร็ววันนี้ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ ได้แก่ ทีมแพทย์สาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข กรมการกงสุล สอท. กรุงปักกิ่ง ท่าอากาศยานดอนเมือง การท่าอากาศยานไทย สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร และสายการบินแอร์เอเชีย เตรียมความพร้อมในแต่ละส่วนเพื่อรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่น โดยนายกรัฐมนตรีกำชับทั้งเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่กำลังจะเดินทางไปรับ และความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น
"ท้ายที่สุดขอย้ำว่า รัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการแพร่ระบาดในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มแรกผู้ป่วยทุกรายล้วนติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และขณะนี้มีหนึ่งรายที่ติดจากนักท่องเที่ยวจีนในไทย หลายรายได้รับการรักษาจนหายกลับบ้านได้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดเกิดขึ้นจริง รัฐบาลก็มีมาตรการรองรับเป็นลำดับขั้นที่สอดคล้องกับสถานการณ์ไว้แล้ว จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่น รวมทั้งนายกฯขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงกำลังใจที่ส่งไปให้เพื่อนคนไทยของเราทุกคน และเราจะก้าวข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
วันเดียวกัน เพจ Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความเรื่อง "จีน-ไทยร่วมมือต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" ระบุว่า ในการรับมือกับโรคระบาดนั้น ฝ่ายจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการประสานงานและร่วมมือกับฝ่ายไทย โดยสถานทูตจีนมีการติดต่อประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานอื่นๆ ของไทยอย่างใกล้ชิด โดยได้ดำเนินการความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ อาทิ การส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี การแบ่งปันข้อมูลด้านสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ การดูแลประชาชนของอีกฝ่ายหนึ่งที่พำนักอยู่ในประเทศของตน ตลอดจนรักษาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
"ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวจีนมีอาการป่วยและเข้ารักษาในสถานพยาบาลของไทยนั้น ฝ่ายไทยได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจีนเป็นอย่างดี ในการนี้ ขอขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน ฝ่ายจีนก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องชีวิตและสุขภาพร่างกายของชาวไทยในประเทศจีน โดยมีการติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลไทยตลอดจนสถานทูตและสถานกงสุลไทยประจำประเทศจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนและร่วมกันดูแลชาวไทยในอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆ เรามีความเชื่อมั่นว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย จีนและไทยจะสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของโรคระบาดนี้ให้ได้อย่างแน่นอน" เพจสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |