กาล แปลว่า เวลา กิณี แปลว่าความเลวร้าย เสนียด ดังนั้น กาลกิณี แปลว่า ช่วงเวลาของความเลวร้าย ช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับคนหรือสิ่งที่เป็นเสนียด และดูเหมือนว่าตอนนี้เรากำลังเผชิญกับนักการเมืองบางคน (ย้ำ บางคนเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคน) ที่เป็นกาลกิณีของบ้านเมือง กาลกิณีมี 4 ประเภท นักการเมืองบางคนเหล่านั้น ดูเหมือนจะเป็นกาลกิณีครบทุกประเภท ทำให้บ้านเมืองต้องตกอยู่ในสภาพที่เลวร้าย เพราะความเป็นกาลกิณีของพวกเขาที่มีพฤติกรรมที่เรียกว่าชั่วช้าสามานย์ ต่ำตม ระยำตำบอน ซึ่งน่าจะเป็นการกระทำโดยสันดาน ยากที่จะแก้ไข เป็นคนที่มีจิตริษยา พยายามที่จะเอาชนะคนที่ได้ดีกว่าตนเอง จึงมีพฤติกรรมกาลกิณี
กาลกิณีประเภทแรกคือ “เห็นผิดเป็นถูก” เป็นคนที่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งไม่ดี แต่พวกเขากลับทำ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งพวกเขาควรจะทำ แทนที่เขาจะทำในสิ่งที่ช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า เขากลับมีความพยายามที่จะล้มรัฐบาล โดยวิธีการของพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่พวกเขาก็ทำ เพราะพวกเขาต้องการเอาชนะ สร้างวาทกรรมด่ารัฐบาล ประณามรัฐบาลในลักษณะของการกล่าวหาใส่ความอย่างหน้าด้านๆ ไม่รู้สึกละอายว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่ตัวเองทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ดูสีหน้าและแววตาในการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหล่านั้น เราจะมองเห็นว่าเขาทำด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง นึกว่าเขาทำสิ่งที่ถูกต้องในความพยายามที่จะล้มรัฐบาลให้ได้ หลายครั้งการกระทำของเขานั้นแสดงให้เห็นความเป็นคนโง่ เป็นคนตรรกะวิบัติ แต่พวกเขาก็ยังทำ เพราะเขาเห็นผิดเป็นชอบ
กาลกิณีประเภทที่สองคือ “ความอกตัญญูไม่รู้คุณ” คนดีย่อมเป็นคนมีความกตัญญูรู้คุณคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และคนที่ให้โอกาสตนได้ทำงานแสดงความสามารถ สร้างคุณค่าความเป็นคนให้แก่ตนเอง และที่สำคัญจะต้องกตัญญูต่อแผ่นดิน กตัญญูต่อสถาบันหลักของประเทศ ทั้งชาติ ศาสน์ และกษัตริย์ แต่บัดนี้มีนักการเมืองบางคนที่ไม่สำนึกในบุญคุณของประเทศที่ตัวเองได้พำนักและทำมาหากินจนร่ำรวย กลับเป็นคนที่แสดงอาการชังชาติ ประณามประเทศชาติด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำลายความมั่นคงของความเป็นชาติ แสดงตนเป็นคนไม่มีศาสนา และไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณกับประเทศไทย กับคนไทยอย่างมหาศาลมาหลายร้อยปี คนที่แสดงอาการชังชาติเช่นนี้คือคนที่ไม่มีความกตัญญู ถือว่าเป็นคนที่เป็นกาลกิณีของบ้านเมือง ถ้าหากไม่กำจัดคนกาลกิณีแบบนี้ให้หลุดพ้นจากแวดวงของอำนาจ ประเทศชาติจะต้องเผชิญกับความเสียหายมหาศาล
กาลกิณีประเภทที่สามคือ “การบิดเบือนความจริงให้ร้ายคนอื่น” เวลานี้ประเทศไทยเรากำลังเผชิญกับคนกาลกิณีที่คอยปล่อยข่าวลวง (Fake news) จนกำลังเจ้าหน้าที่ของเรามีไม่พอที่จะจัดการกับกาลกิณีประเภทนี้ เพราะพวกเขาเป็นกาลกิณีที่มีเครือข่าย พอมีคนหนึ่งเริ่มต้นด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้ร้ายผู้บริหาร ให้ร้ายศาล ให้ร้ายสถาบัน ก็จะมีบุคคลในเครือข่ายทั้ง Offline และ Online เข้ามาเป็นแนวร่วม ช่วยกันบิดเบือนความจริงเพื่อให้ร้ายรัฐบาลบ้าง ให้ร้ายนายกรัฐมนตรีบ้าง ช่างไม่รู้บ้างเลยหรือว่า “หยิกเล็บ มันก็เจ็บเนื้อ” กล่าวคือ เมื่อคนด่านายกรัฐมนตรีว่าทำไม่ถูกไม่ต้อง ทำให้ประเทศไทยเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ มีอาการเป็นคนชังชาติ พวกคุณก็มักจะพูดว่าคุณไม่ได้ชังชาติ แต่คุณชังพลเอกประยุทธ์ที่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในการตำหนิการทำงานของพลเอกประยุทธ์นั้น คุณก็กำลังตำหนิให้โลกมองประเทศไทยว่าอยู่ในอาการที่ย่ำแย่ คนกาลกิณีประเภทนี้หน้าด้าน ไม่มีความละอายต่อบาป โกหกด้วยความสบายใจ ไม่เคยสำนึกว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนพวกนี้เวลาโกหกจะลอยหน้าลอยตา พูดจาหนักแน่นเหมือนประหนึ่งว่าตัวเองกำลังพูดความจริง
กาลกิณีประเภทที่สี่คือ พวกที่มีความโลภ จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อสนองความโลภของตนเอง บางคนอาจจะโลภอำนาจ บางคนอาจจะโลภตำแหน่ง บางคนอาจจะโลภทรัพย์สินเงินทอง ไม่ว่าจะโลภอะไรก็แล้ว ถ้าหากเขาจะพยายามสนองความโลภของเขา ให้ได้ตำแหน่ง ได้อำนาจ ได้ทรัพย์สิน โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องในความพยายามของเขา ก็ถือว่าเป็นกาลกิณี คนเรานั้นไม่ผิดที่อยากรวย ไม่ผิดที่อยากมีตำแหน่ง ไม่ผิดที่อยากมีอำนาจ แต่วิธีการที่คนเราจะรวย จะได้ตำแหน่ง หรือจะมีอำนาจนั้น มีทั้งวิธีที่ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล และมีทั้งวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีศีลธรรม ไม่มีจริยธรรม ถ้าหากใครพยายามตอบสนองความโลภของตนเอง โดยไม่เกี่ยงวิธีเหมือนอย่างที่เราเห็นการกระทำของนักการเมืองบางคนในเวลานี้ เราก็คงต้องบอกว่าเขาเป็นกาลกิณีที่เราไม่อาจจะปล่อยให้พวกเขาลอยนวล ลอยหน้าลอยตาพูดจาบิดเบือน ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องในลักษณะของคนอกตัญญูต่อแผ่นดินอีกต่อไป พวกเขาควรจะต้องถูกกำจัด
ความเป็นกาลกิณีของพวกเขาเวลานี้คือ ปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสอู่ฮั่น โดยไม่คำนึงว่าข่าวลวงของเขานั้นสร้างความวิตกกังวลให้ประชาชน ทำให้ประชาชนไม่มีความสุข และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย บัดนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง DES ได้กำลังจากตำรวจมาช่วยจัดการจับกุมคนที่ปล่อยข่าวลวงที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจับไปได้หลายรายแล้ว ก็หวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปราบปรามคนที่ปล่อยข่าวลวง อย่ามองข้ามนักการเมืองกาลกิณีที่มีส่วนร่วมในการปล่อยข่าวลวงที่สร้างความตระหนกตกใจให้ประชาชน ตำหนิรัฐบาลด้วยข้อความที่เป็นเท็จ บางคนพูดบนเวที บางคนแถลงข่าว บางคนโพสต์ข้อความออนไลน์ ความผิดเห็นเป็นประจักษ์ ผู้คนได้พบได้เห็นได้ยินได้ฟังกันถ้วนหน้าว่าพวกเขาพูดอะไร และใครเป็นคนพูดข้อความอะไรที่เป็นข่าวลวง อย่าปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวล ต้องจัดการตามกฎหมาย อย่ากลัวกับการที่พวกเขาจะไปสร้างวาทกรรมบอกกับประชาชนว่าพวกเขาถูกไล่ล่าด้วยนิติสงคราม เพราะการทำผิดของเขานั้นเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชน ที่ต้องการเห็นว่าเขาต้องได้รับผลกรรมจากการกระทำของพวกเขาเอง
เมื่อรู้ว่าใครเป็นกาลกิณีเห็นผิดเป็นชอบ มีพฤติกรรมอกตัญญูต่อบ้านเมือง บิดเบือนความจริงเพื่อทำร้ายคนอื่น และทำผิดคิดชั่วด้วยความโลภ บ้านเมืองเรามีกฎหมายที่จะจัดการกับกาลกิณีเหล่านี้ คนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจัดการเถอะค่ะ อย่ารอช้าอยู่เลย ประชาชนอยากเห็นคนพวกนี้ได้รับกรรม หากจัดการกับตัวเล็กตัวน้อย แต่ตัวใหญ่ยังไม่ถูกจัดการ ประชาชนก็ยังหงุดหงิดกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไปนะคะ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |