1ก.พ.63-ศ.ยง ภู่วรวรรณ อดีตหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ได้ให้สัมภาษณ์ Live สดทางทีวี และทางเพจรายการช่าวช่อง 8 ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจมากดังนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นแท็กซี่ ที่เป็นคนไทยรายแรกได้รับเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในประเทศไทย ว่าทำไมถึงได้รับเชื้อ หรืออาจเป็นเพราะอยู่ในห้องโดยสารเดียวกับคนที่แพร่เชื้อ ศ.นพ.ยง กล่าวว่า กรณีของแท็กซี่รายนี้ อยู่ในรถที่เป็นสถานที่ปิด เชื่อว่าไม่ได้รับเชื้อทางอากาศ ทุกคนรู้ว่าเป็นไวรัสโคโรนา เป็นไวรัสมีขนาดใหญ่ขนาด 120 นาโนเมตร เชื้อจะออกมาได้ คนไข้คนนั้นจะต้องไอ หรือ จาม ออกมาเป็นฝอยละอองเล็กๆแล้วตกลงไป มือของแท็กซี่รายนั้นอาจไปสัมผัสเชื้อ หรือละอองฝอย อาจโดน จมูก ตา เยื่อบุปาก ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันในกลุ่มครอบครัวโคโรนาทั้งหมด มานานแล้ววาจะต้องติดเชื้อรูแบบนี้ ไม่ใช่เพิ่งรู้ว่า ส่วนที่สงสัยว่าทำไมเชื้อสามารถเข้าทางตาได้ ก็เพราะตาจะมีท่อส่งไปที่จมูก ปาก ลำคอ แต่ไม่ใช่ว่าจ้องหน้ากันแล้วจะติด เป็นไปไม่ได้ การติดเชื้อจะต้องมีการสัมผัส
"ตอนนี้เลยกลัวกันไปหมดว่าเดินสวนกันแล้วจะติด แต่รับรองเลยว่าไม่ติด แต่ถ้าคุยกันคนนั้นเขาเอาน้ำลายพ่นใส่เรา หรือคุยแล้วน้ำลายกระเด็นมาที่เรา ติดแน่นอน ดังนั้นทุกอย่างการติดถ้าเรารู้วิธีการป้องกันก็จะไม่ติด แท็กซี่ผมบอกได้เลยว่าไม่ได้ติดจากการหายใจในห้องโดยสาร คนที่ให้เชื้อนั้นจะต้องมีการไอหรือจาม หรือคนให้เชื้อ มือของเขาอาจไม่สะอาดพอ อาจจะไปจับส่วนใดส่วนหนึ่งของรถ แล้วแท็กซี่รายนั้น ไปจับทับ ไม่ได้ล้างมือ เอามือไปลูบหน้าลูบตาก็ทำให้ติดได้"
ศ.นพ.ยง เล่าถึงสมัยโรคซาร์สระบาด ว่ามีการติดเชื้อที่โรงแรมที่ฮ่องกง ติดเฉพาะที่ชั้น 9 ที่ผู้ป่วยอยู่ สันนิษฐานว่าติดเชื้อจากการใช้ลิฟต์ร่วมกัน เนื่องจาก คนไข้อาจจามตออยู่ในลิฟต์ ก็เลยทำให้ติดกันทั้งคนที่อยู่ชั้น 9 แต่ที่ชั้นอื่นไม่มีคนติดเลย แสดงว่าต้องมีการสัมผัสกันแล้วไม่ล้างมือ ขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อหลักหมื่นโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในตอนนี้่ หลายคนมองกันว่ามี่ความเสี่ยงสูงมาก จริงๆแล้วซาร์ส มีอัตราเสี่ยงมากกว่า คนไหนเป็นแล้วปอดบวมทุกราย อัตราตาย 10 % ถือว่าสูงมาก แต่ส่วนตัวเชื่อว่าโรคนี้น้อยกว่าซารร์ส 10เท่า หรือ 1% เท่านั้น เป็นหลักการของโรคที่มีความรุนแรงน้อย จะมีการแพร่ระบาดมาก เทียบกับ ซาร์ส เป็นโรคที่รุนแรง เป็นแล้วต้องนอนโรงพยาบาล โอกาสที่จะไปแพร่ให้คนอื่นแทบไม่มีเลย แต่โรคที่ป่วยแล้วมีอาการน้อย จะแพร่เชื้อได้มาก
"โรคนี้มันไม่ติดง่ายขนาดนั้น ไม่งั้นติดกันทั้งโลกแล้ว อัตราการตายคาดว่าจะน้อยกว่าซาร์ส 10 เท่า โรคนี้ป่าวยแล้วอาการน้อย จะมีโอกาสแพร่เชื่อได้เร็ว เพราะความรุนแรงน้อย อำนาจแพร่กระจายเท่ากับ 2 หรือเท่ากับไช้หวัดใหญ่ ไม่เหมือนวัณโรค คอตีบ แพร่ ได้ 1ต่อ 7 แต่แน่นอนทำไม ตัวเลขคนติดเชื้อเป็นหมื่นได้ เพราะลองเอา 2 มายกกำลัง 20 คูณไปๆ ก็ไม่แปลกตอนนี้ คนติดเชื้อจะเพิ่มวันละ 2พัน ซึ่งผมว่ายังน้อยด้วยซ้ำ เพราะถ้าติดในอัตรานี้ อีก5-6วันอาจจะเป็น 2หมื่น หรือ 4หมื่น หรืออีก5 วันต่อไปอีกอาจจะเป็น8หมื่น อย่าเสียเวลานับเลย เอาเวลามาดูแลตัวเองดีกว่า"ศ.นพ.ยงกล่าว
ประเด็นที่คนหวาดกลัว อีกประการคือ ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต ศ.นพ.ยงกล่าวว่า ถ้าดูจากที่ตายรายแรกๆ จำนวน 18 ราย เกือบทั้งหมดอายุเกิน65ปี ครึ่งหนึ่งอายุเกิน 80ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน หัวใจ มะเร็ง อัมพฤกษ์ โรคสมองเสื่อม เมื่อมีโรคปอดเข้ามาแทรกก็ทำให้เสียชีวิต ในจำนวนนี้มีคนอายุ89ปี 2คน แต่น่าสังเกคตุ 18คนแรกที่เสียชีวิตเป็น ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ไม่น่าแปลกใจ โรคติดเชื้อจะเกิดกับผู้ชายมากกว่า เพราะระบบภูมิต้านทานผู็หญิงดีกว่าผู้ชาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนเป็นแล้วเป็นอีกได้หรือไม่ ศ.นพ.ยงกล่าวว่า เชื่อว่าคนที่ติดเชื้อแล้วหายระยะสั้น 23-ปี จะไม่เป็นอีก แต่ในกรณีที่สายพันธุ์เปลี่ยนไปอาจป้องกันไม่ได้ แต่ถ้าสายพันธุ์ไม่เปลี่ยน ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นแล้ว ใน 10ปีจะไม่เป็นอีก
ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าการระบาดจะมีระยะเวลายาวนานถึง 6 เดือน ศ.นพ.ยง กล่าวว่า ระยะในการแพร่ระบาด คิดว่า ไม่อยากให้ระบาดใหญ่ เพราะถ้าระบาดใหญ่ ระบบสาธารณสุขของเราจะรับไม่ได้ เช่นเดียวกับประเทศจีนขณะนี้ ต้องสร้างโรงพยาบาลใหม่ แต่ถ้าการระบาดเแนแบบค่อยป็นค่อยไปเรื่อยๆ จะดีกว่าการระบาดแบบตูมพรวดเดียว เพราะถ้าเป็นแบบนั้่น เราจะดูแลไม่ทันความสูญเสียจะมีมากกว่าการระบาดแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งคนที่เป็นแล้วหาย จะมีภูมิไม่เป็นอีก ซึ่งถ้ามีคนติดเชื้อไประยะหนึ่ง ในจำนวนหนึ่ง คนพวกนี้จะเป็นเกราะกำบัง ให้คนไม่มีภูมิ เหมือนเราจะจับแกะดำในฝูงแกะขาว กว่าจะเข้าถึงก็ยาก และถ้ามีคนที่มีภูมิเยอะ ๆโรคจะหยุดระบาดไปเองโดยธรรมชาติ
" ระบาดค่อยเป็นค่อยๆไป ดีกว่าแบบพรวดเดียว แบบระยะสั้น ระบบสาธารณสุขเรารับไม่ได้แน่ แต่ถ้าให้เป็นยาวหน่อย แล้วให้โรคสงบลงเองจะดีกว่า"ศ.นพ.ยงกล่าว
ด้านการปฎิบัติดูแลป้องกัน ศ.นพ.ยง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ ตอนเช้าตื่นขึ้น ควรล้างมือก่อนค่อยล้างหน้า ไปถึงที่ทำงานก็ล้างมืออีก ก่อนกินข้าวก็ล้างมือ เข้าห้องน้ำเสร็จก็ล้างมือ กลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านก็ล้างอีก ถ้าทุกคนฝึกได้เป็นนิสัย จะช่วยลดโรค แต่ถ้าการล้างมือไม่สะดวก อย่างที่บอกว่าไวรัสตัวนี้ เป็นไวรัสที่มีเปลือกหุ้ม สามารถทำลายได้ด้วยแอลกอฮอล์ สามารถใช้เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อได้ ไมเหมือนไวรัสมือเท้าปาก แอลกอฮอล์ฆ่าไม่ได้
ปัญหาขยะติดเชื้อ เป็นอีกด้านที่ต้องมีการป้องกัน ศ.นพ.ยงบอกว่า ทุกวันนี้คนใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปกันทั้งนั้น ซึ่งถ้าป่วยโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เชื้อจะออกทางอุจจาระด้วย สำหรับผ้าอ้อมสำเร็จรูปก่อนทิ้งควรหยดน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีคอลลีนเป็นส่วนประกอบหยดลงไปในขยะผ้าอ้อม ฯ ก่อนม้วนทิ้ง เพื่อว่าที่เวลาฝนตกเชื้อจะได้ไม่แพร่กระจายออกไป เพราะบ้านเรายังไม่มีระบบจัดการขยะติดเชื้อตามบ้าน อีกทั้ง หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ก็ควรมีการฆ่าเชื้อก่อนทิ้ง โดยการหยดแอลกอฮอล์ลงไปก่อนทิ้ง เพื่อไม่ให้ขยะพวกนี้ไปแพร่เชื้อต่อ
"วิธีทำลายเชื้อ ต้องมีการสอนกัน โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าอยู่ในห้องเดียวกันแล้วติด ต้องมีการพูดคุยสัมผัสแล้วไม่ได้ระวังตัว จึงทำให้ติดได้ การไอกับจาม จะทำให้ติดได้ มันขึ้นกับสถานที่ บ้านเรากำลังโชคดีที่กำลังจะเข้าหน้าร้อน เดือนมี.ค.-เม.ย.จะทำให้ลดแพร่เระจาย ผมว่าเชื้อนี้ ว่าอยู่ในที่ร้อนแค่ชั่วโมงเดียวก็ตายแล้ว แต่ถ้าอยู่่ในที่อากาศเย็น อย่างเมืองจีน ตอนนี้หนาว เชื้อจะอยู่ได้หลายวัน เราจะต้องพึงระวังให้ดีว่า เมื่อพ้นหน้าร้อนเข้าฤดูฝน ความชื้นจะทำให้เชื้ออยู่ได้นาน ดังนั้่น ในช่วงฤดูร้อน เราน่าจะประคับประคองได้ แต่เราจะต้องไปรณรงค์อีกทีในช่วงฤดูฝน"
ส่วนที่มีความหวาดระแวง เวลาไปห้างสรรพสินค้า และอาจต้องใช้ของร่วมกันกับนักท่องเที่ยวชาวจีน อาจจะติดเชื้อได้ ศ.นพ.ยง กล่าวว่า ไม่ต้องระแวงถึงขนาดนั้น สิ่งที่สำคัญ ก็คือ ตามร้านอาหารที่มีคนเยอะๆ ขอให้พนักงานทำความสะอาดบ่อยๆ ทำให้ถี่ขึ้น ทุกชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ตามราวบันได้ด้วย และต้องสอนให้คนทำความสะอาดรู้วิธีป้องกันตนเองด้วย ไม่ใช่เอาแต่เรา
"การดำรงชีวิตอย่าให้ถึงขั้นไปเข้มงวด จนชีวิตไม่เป็นสุขเลย เพียงแต่ขอให้รู้ว่ามีโอกาสเกิดได้ แต่จะป้องกันอย่างไร ถ้าทุกคนช่วยกันก็ลดการแพร่ระบาดได้ แต่ไม่ใช่ว่าไปรังเกียจชาวจีนทั้งหมด อันนี้ผมว่ามันก็เกินไปมันไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้น ถ้าติดง่ายขนาดนั้นติดทั้งโลกหมดแล้วล่ะ ไม่มีใครเหลือ "
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |