"บิ๊กตู่" ย้ำรัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาได้ "ประวิตร" เผยจีนไฟเขียวบินรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น 6 โมงเช้า 1 ก.พ.นี้ "รองโฆษก รบ." แจงใช้สายการบินแอร์เอเชียเดินทาง เหตุมีเที่ยวบินไม่ต้องขออนุญาตเพิ่ม "สธ." ระบุไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 5 ราย คนจีน 4 ราย ผงะ! อีก 1 รายเป็นคนขับแท็กซี่ชาวไทย ติดเชื้อจากส่งผู้ป่วยชาวจีนไป รพ. เร่งนำผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงตรวจ 13 ราย เบื้องต้นยังไม่ติดเชื้อ เฝ้าดูอาการ 14 วัน "เสี่ยหนู" ชงยกระดับคุมเข้มคนจีนเข้า ปท. อึ้ง! "พท." โผล่อุ้มคนแชร์ข่าวปลอมป่วนเมือง
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ Government Weekly Ep.25 ทางเพจไทยคู่ฟ้า ถึงสถานการณ์และมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การระบาดของโรคขึ้นมารัฐบาลไทย ได้คุยกับจีนอย่างต่อเนื่อง เพราะก็มีคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนจำนวนมาก แต่ทุกอย่างจำเป็นต้องมีขั้นตอน หลายอย่างไม่ใช่จะทำได้โดยทันที และในที่สุดจากการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดและความพร้อมจากทั้งสองฝ่าย เราก็มีความพร้อมที่จะส่งเครื่องบินพาณิชย์ไปรับคนไทย เมื่อทางการจีนเห็นชอบและอนุมัติแล้ว โดยรัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายและสุขภาพของคนไทยที่จะกลับมาทุกคน
"ขอย้ำว่ารัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการแพร่ระบาดในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยผู้ป่วยทุกรายในไทยล้วนติดเชื้อมาจากต่างประเทศ แล้วหลายรายก็ได้รับการรักษาแล้วจนหาย กลับบ้านได้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีการติดเชื้อหรือการแพร่ระบาดเกิดขึ้นจริง รัฐบาลก็มีมาตรการรองรับเป็นลำดับขั้นไป ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ไว้แล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่น ขอขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจที่ส่งมายังรัฐบาล รวมทั้งกำลังใจที่ส่งมาให้เพื่อนคนไทยของเราทุกคน เราจะก้าวข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน" นายกฯ กล่าว
มีรายงานว่า ในวันจันทร์ที่ 3 ก.พ. เวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยกระดับปัญหาไข้หวัดโคโรนา 2019 ขององค์การอนามัยโลกว่า ในส่วนของไทยยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องห่วง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
ถามว่าหลายประเทศส่งเครื่องบินไปรับคนของประเทศตัวเอง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ของเราก็รอคิว ซึ่งเขาบอกว่าเป็นวันที่ 1 ก.พ. เวลา 6 โมงเช้า สื่อไม่ได้ฟังหรือ ยังมาถามอีก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอร์เอเชียทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า พร้อมจัดเครื่องบินไปรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากทางการจีน ตามที่นายอนุทิน และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมช.คมนาคม ประสาน โดยหนังสือดังกล่าวลงนามโดย นาย Tony Fernandes ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย
"ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่มอบให้แก่บริษัทแอร์เอเชียเสมอมา แอร์เอเชียพร้อมตอบสนองภารกิจของรัฐบาล ในการดูแลประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤติด้านสุขอนามัย รวมถึงการบินไปรับประชาชนไทยที่เมืองอู่ฮั่นกลับประเทศ เป็นภารกิจด้านมนุษยชน โดยแอร์เอเชียจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง" หนังสือจากแอร์เอเชียระบุ
คนขับแท็กซี่ติดโคโรนา
ต่อมา น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้สายการบินแอร์เอเชียไปรับคนไทยจากนครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเพราะสายการบินแอร์เอเชียมีเส้นทางการบินกรุงเทพฯ-นครอู่ฮั่น เป็นประจำอยู่แล้ว วันละ 2 เที่ยวบิน ดังนั้นการใช้สายการบินแอร์เอเชียไปรับคนไทยในครั้งนี้ จึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเพิ่มเที่ยวบิน ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น ในขณะที่การบินไทยไม่มีใบอนุญาตบินเหนือน่านฟ้านครอู่ฮั่น หากจะทำเรื่องขอเพิ่มเที่ยวบินจะต้องใช้เวลาพอสมควร และมีหลายขั้นตอน ดังนั้นเพื่อความสะดวกและรวดเร็วทันการณ์ จึงเลือกสายการบินแอร์เอเชีย
"แอร์เอเชียยังยินดีสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในครั้งนี้ โดยผู้บริหารแอร์เอเชียได้ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุกเพื่อนำชาวไทยในอู่ฮั่นกลับประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในนครอู่ฮั่นกลับประเทศให้เร็วที่สุด และขอยืนยันว่ามาตรการต่างๆ เพื่อรับมือไวรัสโคโรนานั้นเป็นไปอย่างรัดกุม ปลอดภัย ประชาชนมั่นใจได้" รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ส่วน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการเตรียมทีมแพทย์รับคนไทยในอู่ฮั่น 64 คนกลับประเทศว่า เบื้องต้นเตรียมทีมแพทย์เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคระบาด และการแพทย์ฉุกเฉินไว้ โดยภายในเครื่องบินยังต้องมีอุปกรณ์การแพทย์จำเป็นด้วย โดยการคัดกรองจะมีตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินและลงเครื่องบิน หากมีการเจ็บป่วยก็จะนำตัวส่งโรงพยาบาลเข้าห้องคัดกรอง 14 วันตามเกณฑ์ เข้ากระบวนการรักษา เช่นเดียวกันหากคนที่ไม่ป่วยก็เฝ้าระวังที่บ้านตัวเอง 14 วัน
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงว่า คณะผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่ออุบัติใหม่ได้ประชุมและยืนยันผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รายใหม่เพิ่มอีก 5 ราย รวมทั้งหมดเป็น 19 ราย ขณะนี้รักษาหายกลับบ้านแล้ว 7 ราย เหลือนอนใน รพ.อีก 12 ราย "สำหรับ 5 รายใหม่นั้น พบเป็นคนจีน 4 ราย มีประวัติมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ และคนไทย 1 ราย ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ผู้ชาย โดยไม่มีประวัติการเดินทางไปประเทศจีน ถือเป็นรายแรกที่แพร่ติดต่อภายในประเทศ" ปลัด สธ.กล่าว
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) เสริมว่า คนขับรถแท็กซี่ 2 รายที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค รายหนึ่งผลตรวจเป็นลบ ไม่ได้มีการติดเชื้อแต่อย่างใด ส่วนอีกที่ติดเชื้อนั้น มาจากการส่งผู้ป่วยชาวจีนไป รพ. ซึ่งผู้ป่วยชาวจีนที่เป็นต้นเชื้อรายนี้ก็อยู่ในระบบ ซึ่งขณะนี้ก็หายดีกลับไปแล้ว
"ในส่วนของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของคนขับแท็กซี่รายนี้มีทั้งสิ้น 13 คน จำนวนนี้เป็นคนในครอบครัว 3 คน คือ ภรรยา ลูก และหลาน ซึ่งจากการเก็บตัวอย่างไปตรวจเชื้อก็พบว่าผลเป็นลบ ไม่มีการติดเชื้อทั้ง 13 คน แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง 14 วัน" ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไปกล่าว
ถามถึงข้อกังวลคนขับแท็กซี่จะกระจายเชื้อไปผู้โดยสารและสร้างความกังวล ทาง นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้เมื่อป่วยแล้วได้หยุดขับรถแท็กซี่ทันที และติดต่อขอเข้ารับการตรวจตามระบบ เท่ากับว่าไม่มีการขับรถสัมผัสกับผู้โดยสาร ผู้โดยสารจึงไม่ต้องกังวล
นพ.ธนรักษ์กล่าวว่า สำหรับการมีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทยรายแรก เรามีการเตรียมแผนและมาตรการรับมือทั้ง 5 ระดับ ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าเข้าสู่ระดับการแพร่ระบาดในวงจำกัด ซึ่งหากเราสามารถจำกัดวงนี้ได้ เราก็จะกลับไปสู่ระยะที่ 1 คือเป็นระดับผู้ป่วยที่มาจากนอกประเทศ เพราะไม่มีการแพร่กระจายต่อ ซึ่งเราพยายามดำเนินการจุดนี้
"หากเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นที่มีการระบาดภายในประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เวียดนาม เยอรมนี ไต้หวัน ประเทศไทยถือว่ามีความเสี่ยงการแพร่ระบาดในไทยสูงกว่ามาก แต่กลับพบการแพร่ระบาดในประเทศครั้งแรกภายหลัง ซึ่งหลายๆ องค์กรก็มีการคาดการณ์อยู่ว่า ประเทศไทยเสี่ยงที่จะต้องเจอกับการแพร่ระบาดในประเทศ" รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
ยกระดับเข้มคนเข้า ปท.
เวลา 13.30 น. นายอนุทิน ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ประชุมคณะกรรมการดังกล่าวครั้งแรก โดยมีกระทรวงต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่กระทรวงสาธารณสุข
นายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งในการประชุมว่า แนวทางปกป้องคนไทยไม่ว่าจะเป็นการระบาดในต่างประเทศหรือในประเทศ เราใช้มาตรฐานทางการแพทย์ระดับสูงสุด โดยให้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ และไม่ให้มีใครฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ และให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประสานบริษัทผู้ผลิตและนำเข้าเครื่องมือแพทย์และยาต่างๆ รักษาราคาและมีสต๊อกอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อไว้ ส่วนเรื่องสถานพยาบาลที่จะรองรับการดูแลผู้ป่วย ยืนยันมีเพียงพอ และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยแพทย์ทหาร
รองนายกฯ กล่าวว่า ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จัดทำบัญชีข้อมูลนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศจีน ตั้งแต่ พ.ย.2562 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนเท่าไหร่ มีรายไหนเข้ามาแล้วออกไปแล้ว หรือมีรายไหนที่ยังอยู่และออกไปเมื่อใด ต้องทำข้อมูลเป็นกิจวัตรและส่งมอบให้แก่ สธ.ทุกครั้ง เพราะหากมีการระบาดในประเทศจะได้มีข้อมูลติดตามผู้ที่สงสัยว่าเป็นพาหะนำเข้า
"ด้านเศรษฐกิจเราจะยกระดับการตรวจคนเข้าเมืองที่มาจากประเทศจีนเป็นสถานการณ์พิเศษ ใช้มาตรการด้านสุขอนามัยเป็นกลไกในพิธีตรวจคนเข้าเมือง โดยมีหนังสือรับรองแพทย์ว่าปลอดเชื้อนี้ และไม่มีความเสี่ยงจากต้นทางของการเดินทาง ส่วนผลกระทบผู้ประกอบการธุรกิจ มอบหมายให้ ก.ท่องเที่ยวฯ และธุรกิจท่องเที่ยว ศึกษาผลกระทบและนำเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือต่อไป หากจำเป็นต้องใช้มาตรการจำกัดการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน คนอาจจะกังวลเรื่องการกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหากออกมาตรการเข้ม ต้องเรียนว่าถึงอย่างไรก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนคนไทย" รองนายกฯ กล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องการสื่อสารกับสังคมจะมี 3 ระดับ โดย 1.ระดับรัฐบาลจะมีแถลงข่าวผ่านคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งจะมีการตั้งโฆษกเพื่อทำหน้าที่แถลงต่อไป 2.ระดับปฏิบัติการจะเป็นหน้าที่ สธ. ให้ปลัด สธ. อธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และ 3.ระดับทั่วไป เพื่อตอบโต้สถานการณ์ข่าวต่างๆ รายวัน จะมีโฆษก สธ. เป็นผู้ให้ข้อมูล และร่วมมือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจสอบและเอาผิดคนปล่อยข่าวเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท
"การให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน สธ.จะตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารเพียงจุดเดียว เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ ป้องกันข้อมูลซ้ำซ้อน โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้อำนวยการศูนย์" นายอนุทินกล่าว
วันเดียวกัน ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกภูมิใจมากไหมที่สามารถจับกุมคนไทยที่แชร์ข่าวผิดๆ เรื่องไวรัสโคโรนาได้รวดเร็วกว่าการช่วยเหลือคนไทยกลับจากอู่ฮั่น การจับกุมประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ ถือเป็นการซ้ำเติมชาวบ้านที่กำลังสับสนเพราะกลัวไวรัสโคโรนา ที่สำคัญเหตุที่ประชาชนต้องลงมือค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ เองโดยไม่รอฟังรัฐบาล เพราะรู้สึกว่ารัฐบาลไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ เนื่องจากให้ข้อมูลช้าและไม่เพียงพอ และยังพูดโกหกปกปิดคนไทยตั้งหลายเรื่อง
“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตคนอื่น ก็สามารถลาออกได้ตั้งแต่ตอนนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาประจานกลางสภาตอนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หวังว่าหลังจากหายป่วยแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะคิดอะไรได้มากขึ้น และเลิกยึดติดกับตำแหน่งซะที” รองโฆษกพรรค พท.กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |