"เฟกนิวส์" ในสำนักข่าวฝรั่ง


เพิ่มเพื่อน    

            ก็แปลก..........

                ไม่ว่า ยาจก วณิพก ขอทาน เศรษฐี ผู้ดี คนมีศักดิ์ และไพร่

                ทำไมถึงกลายเป็นคนพูดและฟังภาษาคนและภาษาไทยไม่รู้เรื่องไปได้ก็ไม่รู้?

                เรื่องคนไทยในอู่ฮั่น ๖๔ คน

                รัฐบาลก็บอกโต้งๆ พร้อมเข้าไปรับกลับ ๒๔ ชั่วโมง

                แต่ติดปัญหาทางจีน.....

                ว่าเขาจะอนุญาตให้เราบินเข้าไปรับได้เมื่อไหร่ วันไหนเท่านั้น

                ไม่ใช่เราประเทศเดียว อีกหลายชาติ ก็รอคิวกันอยู่ หลังจากเขาอนุญาตให้ ญี่ปุ่น สหรัฐ นำเครื่องบินโดยสารเข้าไปขนคนออกมาแล้วตามลำดับ

                แต่พวกดรามาหวังด่ารัฐบาล ทำเป็นไม่เข้าใจ ทำเป็นห่วงใย-ใสซื่อคนไทยในอู่ฮั่นด้วยเล่ห์

                หยิบเป็นประเด็นขึ้นมาขยี้ด่ารัฐบาลไม่หยุดหย่อน

                ทำนองว่า รัฐบาลไม่แยแสชีวิตคนไทยที่ติดอยู่ในอู่ฮั่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา บ้างละ              

                บางคนไปไกลถึงขั้นว่า แสดงถึงรัฐบาลประยุทธ์ไม่มีเครดิต จีนไม่ให้ราคา กับประเทศอื่นให้เข้าไปรับได้ แต่กับไทย บ่มิไก๊ บ้างละ

                ทิ่มตำกันเองภายในแล้ว ไปดูที่เขาทิ่มตำเข้ามาจากภายนอกบ้าง

                สำนักข่าว AFP "สัญชาติฝรั่งเศส" จะจงใจด้วยเจตนาหรือตามเนื้อผ้า ก็ช่วยกันวินิจฉัยนะ

                เขารายงานข่าวสัมภาษณ์ผู้หญิงไทยที่ไปแต่งงานกับคนจีนอยู่ที่อู่ฮั่น ผู้จัดการออนไลน์ ถ่ายทอดเป็นข่าว

                อ่านแล้วปะแล่มๆ.......

                เหมือน AFP อาศัยคำว่าข่าวเป็นที่ซุกอคติ หวังทิ่มตำไทย พอๆ กับผู้ให้สัมภาษณ์ ที่จงใจผลักเรื่องของเธอ ให้เป็นเรื่องของรัฐบาล แบบพิลึก

                เพราะพิเคราะห์ถึงเหตุผลผ่านข้อมูลตามข่าวแล้ว พูดกันตรงๆ เธอเป็นคนจีนทางกฎหมายแล้วด้วยซ้ำ

                จะสรุป "ประเด็นซุกเจตนา" ของข่าว AFP ตามที่ "ผู้จัดการออนไลน์" แปลรายงาน       ดังนี้

                เอเอฟพี – สาวชาวไทยคนหนึ่ง ที่เพิ่งแต่งงานกับชาวจีนและตอนนี้ติดอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางวิกฤติสาธารณสุขโลก

                เป็นหนึ่งในชาวต่างชาติหลายพันคนซึ่งหมดหวังที่จะได้หลบหนี และได้แต่เฝ้าดูอย่างสิ้นหวัง

                ในขณะที่สหรัฐและญี่ปุ่นมารับพลเมืองของพวกเขากลับบ้าน

                คนหลายร้อยคนถูกรับกลับไปกรุงโตเกียว สิงคโปร์ และแคลิฟอร์เนีย ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำของรัฐบาลในสัปดาห์นี้

                แต่ผู้ที่มาจากประเทศที่มีอิทธิพลทางการทูตน้อยกว่ากำลังกลัวว่า พวกเขากำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง"

                "อภิญญา ทาศรีเพชร" วัย ๓๒ ปี บอกเอเอฟพี ว่า

                “ดิฉันรู้สึกเจ็บใจ ที่พวกเขาไม่เป็นห่วงพวกเราเลย”

                “ฉันอาจอดอยากหรืออาจติดเชื้อและตายก็ได้” ลูกจ้างโรงงาน ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ๒ เดือน กล่าว

                ...........................

                จีนบังคับใช้คำสั่งห้ามการขนส่งทั้งในและนอกอู่ฮั่น ส่งผลให้คนหลายสิบล้านติดอยู่ภายใน

                รวมทั้งชาวต่างชาติหลายพันคน ในความพยายามเพื่อควบคุมเชื้อไวรัส

                อภิญญาเดินทางไปจีนเมื่อ ๒ สัปดาห์ก่อน เพื่อแต่งงานกับสามีชาวจีนในเมืองเซียนเถ่า

                ห่างจากเมืองอู่ฮั่นประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร ปัจจุบันเมืองดังกล่าวแทบกลายเป็นเมืองร้าง ร้านอาหารและร้านค้าต่างปิดบริการ

                อภิญญา เล่าว่า.......

                เธอเป็นห่วงสุขภาพของลูกในครรภ์ และรู้สึกไม่มีความหวังว่ารัฐบาลไทยจะมาช่วยเธอออกไป

                รัฐบาลไทยกล่าวย้ำมานานหลายวันแล้วว่า พวกเขากำลังรอ “คำอนุญาต” จากจีน เพื่อเข้าไปอพยพพลเมือง ๖๔ คน ที่อยู่ในพื้นที่อันตราย

                แต่การรอคอยนี้ กำลังส่งผลกระทบเสียหายต่อรัฐบาล

                “ไม่ช้าก็เร็ว มันจะมาถึงเรา” อภิญญากล่าว และเสริมว่า       เธอได้ยินว่า ชายคนหนึ่งล้มลง ในร้านอาหารใกล้ๆ ที่เธออยู่

                ครับ.....

                อ่านแล้ว รู้สึกทะแม่งตรงไหนมั้ยครับ?

                สำหรับผม การที่ AFP ใช้ความคิดพิษแทรกผสมลงไปในเนื้อข่าว ที่ว่า

                "แต่ผู้ที่มาจากประเทศที่มีอิทธิพลทางการทูตน้อยกว่า..." นั้น

                เอเอฟพีเจตนาเน้นอะไร?

                ถ้าไม่ใช่ "ตอกลิ่ม" ลงระหว่างจีนกับไทย ด้วยคำ "ประเทศที่มีอิทธิพลทางการทูตน้อยกว่า"?

                และที่รายงานว่า.....

                ".....ส่งผลให้คนหลายสิบล้านติดอยู่ภายใน"

                นี่ยิ่งสร้างความไม่น่าเชื่อถือต่อสำนักข่าวระดับโลกอย่าง AFP

                เพราะประชากรอู่ฮั่น มีเพียง ๑๑ ล้านคน

                แถมระยะนั้น เดินทางออกไปเที่ยวตรุษจีนกันกว่า ๕ ล้าน

                แล้ว AFP เอาที่ไหนมารายงานข่าวว่า

                "คนหลายสิบล้านติดอยู่ภายใน"?

                ที่คนไทย "อภิญญา" ให้สัมภาษณ์ว่า เจ็บใจรัฐบาลไทยไม่ห่วงเธอเลย นั่นก็เหมือนกัน

                ดูข้อมูลตามข่าว มันขัดแย้งกันเองในข่าวที่เสนอ บอกว่า อภิญญาเพิ่งเดินทางไปแต่งงานกับสามีชาวจีน ๒ สัปดาห์ก่อน

                แต่ในข่าวเดียวกัน AFP ก็บอกว่า ท้อง ๒ เดือน เธอเป็นห่วงลูกในท้อง และเธอเป็นสาวโรงงาน

                ก็ในข่าวอีกนั่นแหละ บอกว่า เธอไปอยู่กับสามีชาวจีน ห่างจากอู่ฮั่นตั้ง ๒๐๐ กิโล

                ตกลง อภิญญา เป็นสาวโรงงาน หรือไปแต่งเข้าตระกูลเป็นสะใภ้จีน?

                และสำนักข่าวมาตรฐาน AFP ด้วยเรื่องโรคระบาดร้ายแรง ยังกล้ารายงานข่าวประเภท "เขาเล่าว่า" หน้าตาเฉยด้วยว่า

                "......เธอได้ยินว่า ชายคนหนึ่งล้มลงในร้านอาหารใกล้ๆ ที่เธออยู่"

                เลอะเทอะเลื่อนลอย แค่ "เธอได้ยิน" ก็เอามาละเลงเป็นข่าวพะยี่ห้อ AFP ไปทั่วโลก

                รายงานข่าวแบบนี้ มันส่อเจตนาไม่สุจริต เหมือนจงใจฉวยโอกาสดิสเครดิตสร้างภาพร้ายให้กับรัฐบาลไทย

                ทั้งคนที่ให้สัมภาษณ์ เหมือนสมรู้

                ตกลงเธอไปทำงานเป็นสาวโรงงาน หรือไปแต่งผัวคนจีนกันแน่?

                ให้น้ำหนักว่า ไปแต่งงานกับผัวคนจีน ๒ สัปดาห์ก่อน แต่บอกท้อง ๒ เดือน

                ก็เอาเถอะ ประเด็นอยู่ว่า เมื่อมีผัวเป็นคนจีนอู่ฮั่นและกำลังจะมีลูก ก็แน่นอน เธอเป็นครอบครัวจีนสมบูรณ์แล้ว

                แล้วจะต้องกลัวอะไร........

                ในเมื่อ ผัวอยู่นั่น ลูกในท้อง ๒ เดือน พ่อของเขาก็อยู่นั่น และเธอก็เป็นสมาชิกครอบครัวตระกูลนั้น

                ดังนั้น ไม่มีเหตุผล ที่หญิงชื่ออภิญญา จะมาตัดพ้อต่อว่ารัฐบาลไทย

                "กำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" บ้างละ

                "เจ็บใจรัฐบาลไทยไม่ห่วงเธอเลย" บ้างละ

                "เป็นห่วงสุขภาพลูกในครรภ์และรู้สึกไม่มีความหวังว่ารัฐบาลไทยจะมาช่วยออกไป" บ้างละ

                ให้สัมภาษณ์เหมือนรัฐบาลไทยเป็นทาสเบื้องบาทเธออย่างนั้นแหละ หรือเธอมีเหตุผลใดจะแย้ง?

                 นักข่าว AFP ก็รู้ ว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ยังกระแนะกระแหนว่า "อิทธิพลทางการทูตน้อย"

                และตัวเธอก็รู้ ...........

                ว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ทอดทิ้งใคร ต้องการไปรับคนไทยกลับใจจะขาด แต่ติดตรงเจ้าของประเทศเขายังไม่อนุญาตให้บินเข้าไปเท่านั้น

                แล้วสมคบกันพูดและสัมภาษณ์ให้ออกมาลักษณะนั้น ด้วยเจตนาใด?

                ความจริง เธอเป็นครอบครัวชาวจีนแล้วด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลจะมาเคลมรัฐบาลไทยในเรื่องไปรับกลับ

                ถึงไปรับ แม้เธอเป็นคนไทย........

                แต่ในฐานะสามีเป็นคนจีน คือเธอกินแซ่สามีอยู่ในตระกูลจีน

                แล้วยามมีภัย เมียจะทิ้งผัว สะใภ้จะทิ้งตระกูลครอบครัว หนีเอาตัวรอดคนเดียวได้งั้นหรือ?

                ยิ่งท้อง ๒ เดือน แล้วพ่อของลูกในท้อง เขายอมให้เอาลูกเขามาหรือ?

                เหล่านี้ คือ "ความไม่สมเหตุ-สมผล" ของข่าว ที่ AFP ปั้นออกมาเป็นข่าว ตั้งประเด็นพุ่งมุ่งเป้าทำลายมาที่รัฐบาลไทย

                นี่คือกรณีตัวอย่างสังวร สำหรับคนไทย

                คือสังคมไทย มีลักษณะหนึ่ง ที่เรียกลักษณะ "เห็นฝรั่งเป็นพระเจ้า"

                ไม่ว่าฝรั่งจะพูดอะไร จะทำอะไร ดูมันน่ารัก น่าเชื่อถือ ไปทั้งหมด ล้วนถูก ล้วนใช่ พร้อมแหกหัวใจเชื่อ

                ยิ่งเห็นข่าว เห็นเรื่องราว เป็นภาษาอังกฤษด้วยแล้ว มันยิ่งใช่ ยิ่งถูก ไร้ข้อสงสัย พร้อมใช้เป็นฐานอ้างอิง

                นี่...คนไทยร้อยละ ๘๐-๙๐ เป็นอย่างนี้

                ก็เป็นข้อที่สังเกตเห็นได้ "เฟกนิวส์" ไหน ต้องการ "ต้มสุก-หลอกสนิท" เขาจะใช้เรื่องราว ข่าวและภาพ เป็นภาษาฝรั่งประกอบ

                คนเสพ โดยเฉพาะพวกเสพข่าวโซเชียล เห็นภาษาฝรั่งปุ๊บ จะเชื่อปั๊บ

                ฝรั่งในขบวนการเปลี่ยนโลก มันรู้จุดอ่อน เมื่อมีเป้าเข้ามายึดครองภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะไทย

                ทุกวันนี้ นักวิชาการฝรั่งเลี้ยง จึงรุกหนักไงล่ะ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"