สธ.เผยรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาหายกลับบ้านเพิ่มอีก 1 ราย เหลืออีก 8 คนอาการดีขึ้น พบ 2 คนขับแท็กซี่รับนักท่องเที่ยวจีน นำเข้าระบบเฝ้าระวัง ส่งตรวจหาเชื้อห้องแล็บคาด 1-2 วันรู้ผล "รัฐบาล" ยันพร้อมรับคนไทยกลับ แจงคนจีนจากอู่ฮั่นเหลืออยู่ไทยแค่ 2 พันคนไม่ใช่หลักหมื่น "เสี่ยหนู" ขอกราบเท้าวอนพวกเฟกนิวส์เลิกป่วน "ดีอีเอส" บุกค้น 15 แหล่งโพสต์ข่าวปลอม จับ 2 มือโพสต์ดำเนินคดี "พท." ยื่น กมธ.ตปท.ถามวันไหนอพยพกลับกันแน่
ที่กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 30 ม.ค. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าขณะนี้ยังยืนยันประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยเชื้อดังกล่าว 14 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากภายนอกประเทศทั้งหมด ยังไม่มีการระบาดภายในประเทศ และที่น่ายินดีคือ ผู้ป่วยรักษาหายและกลับได้แล้วเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 6 คน เป็นคนจีน 5 คน คนไทย 1 คน เหลือรักษาตัวอยู่อีก 8 คน ไม่มีรายใดอาการรุนแรงและอาการดีขึ้น
นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับการคัดกรองที่ขยายเพิ่มเป็นผู้ที่มาจากประเทศจีนทุกเที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 24-29 ม.ค.2563 คัดกรองแล้ว 92 เที่ยวบิน ผู้โดยสารและลูกเรือ 6,953 คน โดยการปฏิบัติงานภายในสนามบินมีผู้ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีกำลังจากหน่วยงานต่าง เช่น สาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมดำเนินการ ซึ่งผู้ที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคสะสมจนถึงตอนนี้มี 202 คน อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 67 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 135 ราย โดยในวันที่ 29 ม.ค. พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่ 44 ราย
"หลังจากขยายการคัดกรองมายังคนไทยที่สัมผัสใกล้ชิดคนจีน ก็มีคนไทยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคด้วย ซึ่งมีหลายอาชีพ เช่น คนขับแท็กซี่ จำนวน 2 ราย ที่มีประวัติรับนักท่องเที่ยวจีนเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจหาเชื้อที่ห้องแล็บ 2 แห่ง คาดว่าจะทราบผลภายใน 1-2 วันนี้ แต่เบื้องต้นไม่มีอาการอะไรน่ากังวล อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีแนวโน้มว่าความรุนแรงลดลง ปัจจุบันพบผู้ป่วยใน 17 ประเทศ มีเพียงประเทศจีนเท่านั้นที่มีผู้เสียชีวิต ส่วนประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยยังไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด" นพ.โสภณกล่าว
ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าวว่า สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดในอนาคต เน้นวางระบบการเฝ้าระวัง จากปัจจุบันที่ทำที่สนามบินเป็นหลัก เพิ่มมาเป็นโรงพยาบาล และขยายเข้าไปในชุมชน โดยให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทุกจังหวัด เพื่อระดมกำลังเตรียมความพร้อมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเดิมเราเน้นพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว ก็ให้ดำเนินการทุกจังหวัด ถ้าเกิดอะไรขึ้นในอนาคตจะได้ไม่ฉุกละหุก นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำแก่โรงแรม บริษัททัวร์ คนขับรถสาธารณะ หากพบว่ามีอาการก็ให้ติดต่อเข้ามายัง 1422 เพื่อวินิจฉัยรักษาต่อว่าเป็นโรคอะไร รวมถึงแนะนำการทำความสะอาด หากกังวลเรื่องน้ำมูกน้ำลายจากผู้โดยสาร โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% ก็สามารถฆ่าเชื้อได้
"อย่างไรก็ดี ขอความร่วมมือจากประชาชนให้สวมหน้ากาก โดยคนที่ไม่ป่วยขอให้ใช้หน้ากากผ้าทำเองเพื่อป้องกันและลดขยะ ส่วนผู้ที่มีอาการป่วยให้สวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ โดยให้นำด้านที่เป็นสีเขียวออกข้างนอก นำสีขาวที่มีความอ่อนนุ่มไว้ด้านใน ซึ่งจะซึมซับน้ำมูกน้ำลายได้ดี ส่วนหน้ากากอนามัยชนิด N95 เป็นหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสโรค หากทุกคนหันมาใช้ระดับนี้กันหมดก็จะทำให้ขาดแคลนได้" ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าว
ถามถึงผลการตรวจสอบกรณีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตปริศนาที่จังหวัดเชียงใหม่ นพ.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการชันสูตร แต่ข้อสังเกตคือโรคระบาดไม่ได้ทำให้เสียชีวิตแบบเฉียบพลัน
คนไทยที่อู่ฮั่นสุขภาพดี
ขณะที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกฯ แถลงข่าวการดำเนินการรับมือไวรัสโคโรนาว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมตั้งแต่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยมีการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามายังประเทศไทย ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลคุมสถานการณ์ได้
"การเตรียมรับคนไทยกลับประเทศรัฐบาลมีความพร้อมที่จะส่งเครื่องบินพาณิชย์ไปรับคนไทยกลับได้ตั้งแต่วันนี้ รอเพียงทางการจีนอนุญาตเท่านั้น ส่วนที่ประเทศอื่นรับกลับได้เพราะมีเหตุผลและปัจจัยที่ต่างกัน แต่ของเราใกล้แล้ว ที่ผ่านมาเราไม่อยากให้ข่าวเรื่องนี้มากนัก เพราะเกรงว่าจะเป็นการกดดันทางการจีน แต่เมื่อประชาชนอยากรู้จึงต้องออกมาพูด และขณะนี้คนไทย 64 คนที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่นยังมีสุขภาพดี ไม่เข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยทั้ง 64 คนมีการติดต่อกับทางการไทยตลอด ยืนยันรัฐบาลทำเต็มที่ไม่เคยนิ่งนอนใจ รัฐบาลเป็นห่วงอยากให้ทุกคนได้กลับบ้าน" นางนฤมลกล่าว
ถามถึงมีข่าวชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่น 5 ล้านคนเดินทางมายังไทยก่อนจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ได้มีข้อมูลโต้แย้งจากสื่อจีนและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่ามีการเดินทางเข้ามาประเทศไทย 2 หมื่นคน ก่อนที่เมืองอู่ฮั่นถูกประกาศปิด และมีการเดินทางกลับไปแล้ว 17,000 คน เหลือประมาณ 2,000 คน และจะลดลงเรื่อยๆ
น.ส.ไตรศุลีเสริมกรณีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า ไม่ใช่สาเหตุจากไวรัสโคโรนา ยืนยันว่าไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลต่อสาธารณะ และขอความร่วมมือคนที่สร้างข่าวปลอม รวมถึงสื่อบางสำนักที่พาดหัวข่าวแล้วทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิด เพราะบางคนอ่านแค่พาดหัวข่าว จึงขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจสู้กับโรคระบาด ไม่ใช่มาทำร้ายกันเอง
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยืนยันรัฐบาลเตรียมความไปรับคนไทยไว้หมดแล้ว ทั้งเครื่องบิน บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล รวมถึงเวชภัณฑ์ที่จะไปดูแลตามขั้นตอนการขนส่งผู้โดยสารจากเมืองที่มีสถานการณ์โรคระบาด ขณะนี้รอเพียงการประสานจากทางจีน ทุกคนจะไม่เสียค่าโดยสาร เพราะเป็นการดูแลคนของเรา โดยจะมีขั้นตอนการตรวจเช็กการขึ้นเครื่อง แม้ขณะนี้จะไม่มีรายงานว่าคนไทยที่อยู่เมืองอู่ฮั่นมีอาการของโรคหรือเจ็บป่วยใดๆ ก็ตาม
นายอนุทินกล่าวว่า เมืองอู่ฮั่นขณะนี้ถูกปิดเมือง การสัญจรไม่มีไฟลต์เครื่องบินเข้า-ออก เราจึงต้องใช้ไฟลต์พิเศษ โดยจะต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตเส้นทางการบิน ปัจจุบันยังไม่ได้รับการยืนยันวันที่จะเข้าไปรับคนไทยที่ชัดเจน และตนไม่รู้ว่ากระแสข่าวว่าจะไปรับคนไทยวันที่ 4 ก.พ.มาจากไหน แต่ยืนยันจะเดินทางไปรับคนไทยให้เร็วที่สุด ฝั่งไทยพร้อมแล้ว รอการไฟเขียวจากจีนเท่านั้น
"เรื่องรายละเอียดขอให้การข่าวมาจากศูนย์ข่าวเดียวกัน เพราะคนนั้นให้ข่าวที คนนู้นให้ข่าวที ก็เริ่มมีการผิดเพี้ยนบ้าง จริงบ้าง จะทำให้ผู้คนตื่นตระหนก ซึ่งผมจะเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นประธานอำนวยการ ในเวลา 13.00 น. ของวันที่ 31 ม.ค. ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมจะเสนอมาตรการต่างๆ รวมไปถึงการเสนอให้ยกเลิกการออกวีซ่าให้คนจีน ที่ขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินในประเทศไทย หรือวีซ่าออนอาร์ไรวัล (Visa on Arrival)" นายอนุทินกล่าว
อนุทินขอเลิกเฟกนิวส์
รองนายกฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์ดีที่สุดคือต้องทำให้คนจีนเข้ามาประเทศไทยให้น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดความสบายใจของคนไทย แต่เราไม่สามารถที่จะไปยกเลิกวีซ่าที่ออกโดยสถานทูตจีนได้ อาจจะต้องกำหนดมาตรการ เช่น มีใบรับรองแพทย์มาแสดง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ความสบายใจของพี่น้องคนไทย ความปลอดภัยในด้านสุขภาพของคนไทย ต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ความมั่นใจ ไม่มีทางเห็นคนอื่นดีกว่า
ถามเรื่องของเฟกนิวส์จะเอาผิดผู้ปล่อยข่าวอย่างไร รองนายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาผิดเอาถูก แต่ต้องชี้แจงให้มากที่สุด อยากจะให้ไปกราบเท้าทุกคนก็ได้ที่เล่นเฟกนิวส์ อย่าทำเลย เอาไว้สถานการณ์ปกติ จะเล่น จะว่า จะแซวกัน ค่อยให้ถึงเวลานั้น แต่ตอนนี้ขอให้เป็นเวลาทุกคนต้องร่วมกันให้เกิดความสงบ ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ได้มากที่สุด
วันเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปอท.) นำหมายศาลเข้าค้น 15 จุดเป้าหมายทั่วประเทศ หลังพบมีผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวปลอมเชื้อไวรัสโคโรนา พบ 6 จุด มีผู้ปล่อยข่าวปลอม ส่วน 9 จุด อยู่ระหว่างปฏิบัติการและสรุปผล พร้อมควบคุมตัว 2 คนที่ยอมรับว่าเป็นผู้เผยแพร่ข่าวปลอมมาดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์
ต่อมา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวปลอมเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา ร่วมกับตำรวจ ปอท. โดย 1 ใน 15 จุด เข้าตรวจค้นหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และควบคุมตัวผู้โพสต์ 1 คนมาสอบสวน ซึ่งยอมรับเป็นผู้โพสต์ข่าวผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโลนาที่พัทยา 1 ราย โดยได้รับการส่งต่อมาจากเพื่อน และเมื่อทราบว่าเป็นข่าวปลอม จึงได้ลบโพสต์ดังกล่าวไป
ส่วนอีก 1 คนที่ควบคุมตัวเป็นชายในพื้นที่ย่านทวีวัฒนา ซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้ที่เผยแพร่คลิปวิดีโอต่างประเทศที่มีคนล้มลง และมีการอ้างว่าได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา เบื้องต้นควบคุมตัวทั้ง 2 คนส่งตำรวจ ปอท. ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) ฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้รับความเสียหายกับประชาชน
ส่วนอีก 4 คน ที่พบการส่งต่อข่าวปลอม เช่น ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ขอฝากเตือนประชาชนเกี่ยวกับการส่งต่อข้อมูลข่าวสาร โดยขอให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสียหาย และอาจจะถูกดำเนินคดีได้ โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีข้อมูลว่ามีการเผยแพร่ข่าวปลอม เช่น ข่าวปลอม สี จิ้นผิง สั่งใช้กฎหมายสูงสุด วิสามัญโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับไวรัส, ข่าวปลอม ผู้ป่วยติดเชื่อไวรัสโคโรนา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 นครราชสีมา, ข่าวปลอม พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา เสียชีวิตที่ภูเก็ต เพิ่มอีก 1 ราย, ข่าวปลอม พบผู้ป่วยชาวจีนติดเชื้อไวรัสโคโรนารักษาตัวที่ รพ.ราชธานี จ.พระนครศรีอยุธยา, ข่าวปลอม พัทยาพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา 1 ราย, ข่าวปลอม เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สามารถติดต่อผ่านการมองตาได้, ข่าวปลอม คลิปสุดช็อก ไวรัสโคโรนา ทำคนล้มทั้งยืน, ข่าวปลอม กรมควบคุมโรคยกเลิกการคัดกรองผู้โดยสารด้วยเทอร์โมสแกน และข่าวปลอม พนักงานการบินไทย ติดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นจำนวนมาก
พท.จี้ถามวันไหนอพยพ
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ชี้แจงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง โพสต์ภาพนายทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี สั่งกองทัพอากาศนำเครื่องซี 130 ไปรับคนไทยที่ประเทศกัมพูชา เหตุจลาจลกรุงพนมเปญ ปี 2546 ว่า เครื่องบินซี 30 ถือเป็นเครื่องบินทหาร สามารถบินไปต่างประเทศได้ทุกพื้นที่ ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง จะระมัดระวังเรื่องการอนุญาต ให้เครื่องบินทหารไปลงในพื้นที่หรือไม่ ในส่วนของแผนการอพยพ เราสามารถส่งเครื่องซี 130 ไปได้ทุกประเทศ แต่ต้องมีข้อตกลงว่าประเทศปลายทางจะอนุมัติให้เราหรือไม่ ที่ผ่านมาประเทศรอบบ้านและหลายประเทศก็อนุญาตให้เราเข้าไป โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเทศเจ้าบ้านที่จะอนุญาตให้เราไปใช้ห้วงอากาศและลงไปในพื้นที่ เพราะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการสนับสนุนหลังจากที่เครื่องบินลงไปถึงพื้นแล้วจะมีการเติมน้ำมัน สตาร์ทเครื่องยนต์ หรือซ่อมบำรุงเป็นบางส่วน และมีการถ่ายเทของเสียออกจากเครื่องบินว่าจะมีความพร้อมที่ปลายทางหรือไม่ ถือเป็นเหตุผลที่ประเทศเจ้าภาพบางประเทศก็ไม่ยินดีที่จะให้เครื่องไปลง เพราะเขาไม่สามารถดูแลและบริการเราได้
พล.อ.อ.มานัตกล่าวว่า สำหรับการอพยพคนไทยออกจากประเทศจีน กองทัพอากาศก็จัดเครื่องซี 130 เตรียมพร้อมไว้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าทางการจีนจะอนุมัติหรือไม่
"ทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่สามารถที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะแต่ละประเทศมีเหตุผลของเขาเอง ที่ไม่อนุญาตไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปคาดเดาได้ เป็นเรื่องเหตุผลภายในของเขาเอง ซึ่งในกรณีของประเทศกัมพูชาซึ่งในขณะนั้นเกิดเหตุจลาจล แต่ประเทศกัมพูชาอนุญาตให้เรานำเครื่องซี 30 ไปรับคนไทยได้ แต่ในขณะที่ประเทศจีนมีเชื้อไวรัสโคโรนาระบาด เขามีความเข้มงวดเรื่องความมั่นคง เพราะว่ามีหลายชาติที่ต้องการเข้าไปรับคนของตัวเองออกมา เพราะฉะนั้นการกำหนดขอบเขตและเงื่อนไขเป็นเรื่องสำคัญที่ทางการจีนจะระมัดระวัง" ผบ.ทอ.กล่าว
ด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพราะต้องการทราบความชัดเจนเรื่องกำหนดวันอพยพคนไทยในนครอู่ฮั่นและเมืองอื่นในมณฑลหูเป่ย์กลับไทย เนื่องจากผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศของไทยยืนยันว่า ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอนในการพาคนไทยกลับประเทศ และปฏิเสธว่าคำให้สัมภาษณ์ของ รมช.สาธารณสุขที่ประกาศว่าจะอพยพคนไทยได้ภายในวันที่ 4 ก.พ. เป็นเพียงการคาดการณ์ไปเองของรัฐมนตรี แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทยยังไม่ทราบเรื่องกำหนดการดังกล่าว
"ข่าวที่ออกมาได้ทำให้คนไทยในอู่ฮั่นเกิดความหวังว่าจะได้กลับบ้านแล้ว พล.อ.ประยุทธ์อย่าแค่พูดลอยๆ ว่าจะพาคนไทยออกจากอู่ฮั่นวันไหนก็ได้ เพราะขณะนี้คนไทยในอู่ฮั่นและญาติพี่น้องของเขาในเมืองไทย กำลังรอฟังความชัดเจนเรื่องวันเวลาในการอพยพคนไทยกลับบ้าน เพราะต้องวางแผนการเดินทางไปยังจุดนัดพบ ถ้าจะมีการอพยพจริง เนื่องจากการเดินทางภายในอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย์ถูกตัดขาดทั้งหมด" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า จากผลการแก้ปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นปรากฏภาพชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศในภาวะวิกฤติ หรือไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เพราะปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ปี 2019 ที่เกิดขึ้นมีผลให้หลายประเทศประกาศภาวะวิกฤติ แต่ประเทศไทยยังลอยไปลอยมา เอ้อระเหยไม่ประกาศภาวะวิกฤติ ส่งผลให้การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมีบริบทที่แตกต่างกัน คือเมื่อรัฐบาลมองว่าปัญหานี้ไม่สำคัญ ไม่มีอะไรทำน่าเป็นห่วง ต่างจากหลายประเทศที่ มองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระดับชาติต้องระดมสรรพกำลังทุกหน่วยงานเข้าร่วมกันแก้ปัญหานี้
"จนถึงขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่รัฐบาลก็มีข้ออ้างว่าเป็นคนจีน เพราะดูจากรายงานทางการแพทย์ว่าเป็นคนจีนที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยแล้วมาป่วยในประเทศไทย รัฐบาลเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับประชาชน และสะท้อนถึงความไม่รู้ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาหรือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ผลที่เกิดขึ้นมาจากที่มาของรัฐบาลที่ไม่รู้เรื่องการบริหารประเทศ" นพ.ชลน่านกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |