(พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา)
ชีวิตที่มีความสุขมากที่สุดอาจไม่ใช่การร่ำรวยมากที่สุด แต่การใช้ชีวิตที่พอเพียงและพอดีต่างหากที่จะทำให้ชีวิตของมนุษย์เราแฮปปี้มากที่สุด คติประจำใจจาก พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ประธาน “มูลนิธิจิตเป็นผู้ให้ ใจเป็นนิพพาน” ที่งานนี้ไม่เพียงนำมาปรับใช้ในชีวิต แต่ยังบอกเล่าเก้าสิบไปยังผู้อื่นๆ เสมอ ผ่านบทบาทของการเป็นนักพูดดังบทเวที ที่ให้ทั้งความรู้และเสียงหัวเราะกับผู้ชมผู้ฟัง นอกจากนี้ คุณหมอพงศ์ศักดิ์ ยังเป็นวิทยากรบรรยายธรรมะให้กับผู้ที่สนใจทั่วไปในหลากหลายอาชีพ หากมีองค์กรที่สนใจเชื้อเชิญไปให้ความรู้ ถึงขั้นเจ้าตัวบอกว่าปัจจุบันเป็นแพทย์ด้านจิตวิญญาณ เนื่องจากคนป่วยเป็นโรคทางใจมากขึ้น
ทั้งนี้ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ในวัย 67 ปี เล่าย้อนว่า จบแพทยศาสตร์ด้านหู คอ จมูก กระทั่งมีโอกาสได้เป็นแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง แต่เลิกผ่าตัดตกแต่งมาประมาณ 30 ปีแล้ว และผันตัวมาเป็นคุณหมอนักบรรยายผ่านรายการทอล์กโชว์เกี่ยวกับธรรมะและการให้กำลังใจมาร่วม 30 ปีเช่นกัน
แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นแพทย์ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ก็ไม่พลาดที่จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการดูแลตัวเอง มาแนะนำให้กับคนทั่วไปได้ทำตาม ที่สำคัญยังเป็นเคล็ดลับการดูแลสุขภาพที่เจ้าตัวปฏิบัติอยู่ประจำ โดยยึดหลักของการทำทุกอย่างแบบพอดี ไม่สุดโต่ง ที่สำคัญต้องรู้เท่าทันจิตใจของตัวเอง โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของความโกรธที่เป็นตัวบั่นทอนสุขภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็งและโรคซึมเศร้า ซึ่งเคล็ดลับดังกล่าว คุณหมอพงศ์ศักดิ์ตั้งปณิธานว่าจะขอมีชีวิตอยู่ถึง 150 ปี แต่ยังสามารถสอนหนังสือและทำงานได้ตามปกติ
พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ บอกเคล็ดลับฉบับย่อว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพนั้น เจ้าตัวดำเนินชีวิตผิดพลาดตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์ โดยเฉพาะการไม่ชอบออกกำลังกาย ซึ่งการปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้ทำให้ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาโดยการสวนหัวใจมาแล้ว 2 รอบ ดังนั้นจึงอยากบอกไปยังผู้สูงอายุทั้งหลายว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ นอกจากนี้ การเลือกรับประทานอาหารที่รสชาติไม่จัดก็เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อลดโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน
“อันดับแรกคือการเลือกกินอาหารที่รสจืดทุกชนิด และให้เลี่ยงอาหารรสจัดทุกชนิด ทั้งหวาน มัน เค็มเป็นสาเหตุของการเกิดโรคภัย อาทิ เบาหวาน และความดันโลหิต นอกจากนี้ก็แนะนำให้งดเว้นการดื่มสุราและงดการไม่สูบบุหรี่ ที่เป็นสาเหตุของการบั่นทอนสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่จัดจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคเส้นเลือดตีบตัน กระทั่งกลายเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ในที่สุด แต่หากผู้สูงอายุบางคนที่บอกว่า ดื่มเบียร์วันละ 1 แก้ว เพื่อช่วยให้เจริญอาหารซึ่งก็สามารถทำได้ เพราะอันที่จริงแล้วทุกอย่างนั้นต้องอยู่บนความพอดี อีกทั้งสิ่งที่ผมทำเป็นประจำ เนื่องเราอายุมากแล้ว และงานที่ทำอาจจะไม่ต้องเร่งรีบมากเหมือนคนวัยหนุ่มสาว จึงแนะนำว่าให้เคี้ยวอาหารให้ละเอียดทุกคำ และที่สำคัญผมจะไม่กินข้าวเย็น เพราะคาร์โบไฮเดรตอาจทำให้อ้วนได้ เพราะในข้าวจะมีแป้งซึ่งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ในที่สุด ดังนั้นผมจะเลือกกินผลไม้แทนครับ
ส่วนการออกกำลังกายนั้น หากผู้สูงอายุไปวิ่งอาจเสี่ยงทำให้หัวเข่าได้รับบาดเจ็บง่ายกว่าวัยอื่น หรือถ้าต้องการวิ่งจริงๆ แนะนำว่าควรวิ่งเหยาะๆ บนพื้นหญ้า หรือสนามหญ้าจะดีที่สุด เพราะการวิ่งบนพื้นหญ้าจะช่วยลดแรงกระแทกของน้ำหนักตัว อีกทั้งพื้นดินที่นุ่มจะช่วยทำให้เกิดการยืดเหยียดของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้อย่างพอดี และควรเลือกรองเท้าให้เหมาะกับการวิ่งเหยาะๆ เพราะการวิ่งบนสนามปูน เวลาที่วิ่งน้ำหนักจะกระแทกลงไปที่หัวเข่า ซึ่งจะทำให้เกิดการปวดเข่าได้ แต่สำหรับผมเลือกการเดินออกกำลังกายครับ และก็จะพยายามเดินให้ได้วันละ 1 หมื่นก้าว และผมก็ชอบว่ายน้ำมากคับ เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงสำหรับผู้สูงอายุ อีกทั้งลดการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี ปกติก็จะว่ายน้ำประมาณ 30 นาที จนถึง 1 ชั่วโมงครับ ที่สำคัญการออกกำลังกายที่หักโหมมากเกินไปนั้นย่อมเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เร็วเช่นกัน ซึ่งคล้ายกับการที่รถยนต์ ทำงานหนักและพังเร็วในที่สุด”
คุณหมอพงศ์ศักดิ์ บอกอีกว่า การดูแลสุขภาพจิตก็เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องจิตใจ เนื่องจากส่วนตัวเคยรักษาอาการป่วยโดยการผ่าตัดสวนหัวใจมาถึง 2 ครั้งแล้ว ดังนั้นบอกได้เลยว่าความเครียดเป็นสิ่งที่ทำให้คนอายุสั้น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้มากที่สุด
“เวลาที่เราโกรธนั้นหัวใจจะเต้นเร็ว ซึ่งเวลาที่หัวเต้นเร็วนั้นถือว่าทำร้ายตัวเองมาก เพราะอย่าลืมว่าหัวใจของเรามนุษย์เราเต้นอยู่ทุกวินาที นั่นจึงทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเต้นอยู่ตลอดเวลา หมายความว่าหัวใจของเราก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเราอยู่ในอารมณ์โกรธ อันเกิดจากการที่คนรอบข้างไม่เป็นไปดังที่ใจเราหวัง หรือไม่เป็นไปอย่างที่ใจของเราต้องการ เราก็จะโกรธและรู้สึกเครียด เช่น “การที่เราคาดหวังว่าวันนี้ฝนจะตก แต่บังเอิญว่าฝนไม่ตก” เราก็จะรู้สึกเครียดทันที แต่เมื่อไรก็ตามที่เรามองว่า การที่ฝนไม่ตกนั้นอาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่ใช่ฤดูฝน ซึ่งนั่นไม่เพียงแค่ทำให้เรารู้เท่าทันธรรมชาติ แต่ยังบอกให้รู้อีกว่า “การมองทุกอย่างตามความเป็นจริงของสิ่งๆ นั้น มันจะทำให้ชีวิตของเราไม่เป็นทุกข์” ครับ”
คุณหมอนักบรรยาย บอกอีกว่า หลักสำคัญในการชีวิตอีกอย่างที่ทำให้อายุยืน เพราะเจ้าตัวตั้งปณิธานกับฟ้าว่า อยากขอมีอายุยืนยาวถึง 150 ปี โดยที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เช่น ไปสอนหนังสือได้ ได้พูดบรรยายให้ความรู้ได้ และยังเดินไปไหนมาไหนได้ พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังบอกว่า ชะตาฟ้าลิขิต มีแนวโน้มว่าจะอนุญาตให้อายุยืนยาวตามที่ขอ แต่จะต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดีด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หลักใหญ่ๆ ในการดำเนินชีวิตของตัวเองนั้น คือการมองว่าการที่เรามีเงินเยอะไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากที่สุด ตรงกันข้ามคือถ้าเราอายุมาก แต่เรารู้จักเป็นผู้ให้ นอกจากเราจะมีความสุขแล้ว เรายังจะได้รับในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้รับ โดยเฉพาะเรื่องของความสบายใจ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างเรื่องการให้ ทั้งกับลูกหลานและคนในสังคมได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง
“ตอนนี้ผมอายุ 67 ปีแล้ว แต่ก็ยังทำงานอยู่ ทั้งทำงานที่มูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้น หรือรับเชิญไปงานทอล์กโชว์ต่างๆ ที่เขาจัด และเชิญผมไปเป็นวิทยากรร่วม อีกทั้งเป็นนักบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับธรรมะและพระพุทธศาสนาให้กับหน่วยงานที่สนใจ เช่น ล่าสุดไปบรรยายเรื่องศาสนาให้กับพระสงฆ์ที่สนใจฟังร่วม 1,000 คน หรือบางงานก็บรรยายเกี่ยวกับธรรมะสำหรับผู้ต้องขัง ซึ่งการอบรมดังกล่าวหากมีคนฟังเยอะ หรือเป็นงานที่เกี่ยวกับการกุศล ผมก็ไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายในการบรรยาย ยกเว้นว่าบางงานที่เจ้าภาพ เขาพอมีงบประมาณให้ เราก็รับไว้เป็นสินน้ำใจครับ ซึ่งอาจจะไม่ได้มากมาย เพราะผมมองว่าถ้างานที่เราทำ เช่น การทอล์กโชว์ที่เน้นความรู้ และทำให้คนอื่นได้รับสารประโยชน์แล้วนั้น ผมก็ยินดีทำครับ เพราะชีวิตของคนเราทุกอย่าง มันต้องอยู่ด้วยความพอดี ไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |