เอสซีจี กำไรร่วง 28% ราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง


เพิ่มเพื่อน    

 

30 ม.ค. 2563 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดเผยผลการดำเนินงานของเอสซีจีปี 2562 ว่ามีรายได้จากการขาย 437,980 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8% มีกำไร 32,014 ล้านบาท ลดลง 28% เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าและความผันผวนของตลาดที่ส่งผลกระทบทำให้ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า

“ต้องยอมรับว่าปัจจัยภายนอกต่างๆ เป็นความเสี่ยงที่มีความผันผวนและควบคุมไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่อเนื่องมาในปีนี้ ทำให้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจปี 2563 ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ความตรึงเครียดในตะวันออกกลาง ปัญหาปริมาณฝุ่นละออกขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน(พีเอ็ม 2.5) ที่อาจไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของเอสซีจี แต่มีผลทางอ้อมต่อตลาดในประเทศ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาให้มีผลบังคับใช้ หากล่าช้าออกไปจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการลงทุนจากภาครัฐเป็นหลักแน่นอน”นายรุ่งโรจน์ กล่าว

 ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปี 62 แยกตามรายธุรกิจ เป็นดังนี้ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้จากการขาย 184,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของยอดขายจากธุรกิจค้าปลีกและจัดจำหน่าย ธุรกิจแพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 89,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน  ธุรกิจเคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 177,634 ล้านบาท ลดลง 20% จากปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าปรับตัวลดลง

ขณะเดียวกันสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจากประเทศจีนที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ท่องเที่ยวรวม ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจน เพราะยังไม่รู้ว่าจะสถานการณ์ให้ยุติลงเมื่อไหร่ และสร้างความเสียหายมากแค่ไหน เป็นความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก ซึ่งจะกระทบทุกส่วนในประเทศไปด้วย

“สถานกาณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อจีนโดยตรง เพราะมีวันหยุดมากขึ้นและต้องใช้เวลาแก้ปัญหา ซึ่งไทยถือเป็นประเทศท่องเที่ยวหลักของคนจีนจึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบและมูลค่าความเสียหายว่าจะมากแค่ไหน”นายรุ่งโรจน์  กล่าว

ขณะที่ปี 2563 เอสซีจีเตรียมงบลงทุน 60,000 - 70,000 ล้านบาท ซึ่ง 30% เป็นการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอล คอมเพล็กซ์ ในประเทศเวียดนามเป็นหลัก โครงการเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานกระดาษที่ประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 โดยเน้นการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 55% ภายใน 5 ปี เทียบกับปี 2562 มีสัดส่วน 41% คิดเป็นมูลค่า 179,181 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกหลังสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐคลี่คลาย ตลาดภูมิอาเซียนยังเติบโตต่อเนื่องส่งผลดีต่อธุรกิจของเอสซีจี
...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"