เลิกเสียทีนักการเมืองเฮงซวย


เพิ่มเพื่อน    

            สถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดยังไม่ถึงจุดพีกสุด

                ฉะนั้นตื่นตกใจไปก็ไร้ประโยชน์

                แต่ควรตระหนักถึงวิธีป้องกัน

                ส่วนนักการเมืองเฮงซวยทั้งหลายก็เพลาๆ เอาไวรัสไปเล่นการเมืองกันบ้าง

            อย่าอวดอ้าง หลงตัวว่า ตนเองเก่งกว่าคนอื่น

                "เจ๊หน่อย" ตัวดีเลย!

                อ้างว่าห่วงใย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ

                เป็นผู้ที่เคยรับผิดชอบ ควบคุมโรคระบาดของโรคซาร์ส และหวัดนก ได้สำเร็จมาแล้ว จนประเทศไทยได้เป็นผู้นำจัดประชุมผู้นำอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาโรคซาร์ส

                ทีนี้มาดูว่า "เจ๊หน่อย" โพสต์อะไร

                ....นายกฯ จึงควรยกระดับการดูแลปัญหาเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แล้ว

                โดยเฉพาะข้อเรียกร้องที่ดิฉันเสนอให้ตั้ง #คณะกรรมการระดับชาติ ที่นายกฯ ลงมาดูแลปัญหานี้ด้วยตนเอง อย่างที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และผู้นำประเทศอื่นๆ เขาทำกัน การระบาดขณะนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะ.....

                "เจ๊หน่อย" โพสต์วันที่ ๒๙ มกราคม

                แต่วันที่ ๒๘ มกราคม "บิ๊กตู่" เป็นคนแถลงข่าวว่า สั่งการให้ตั้งคณะอำนวยการเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคอุบัติใหม่แห่งชาติ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข เป็นประธาน

                เจ๊หน่อยยังโพสต์แนะนำในประเด็นที่ต้องบอกว่าปัญญาอ่อน

                เช่น...

                ...การคุมเข้มที่ด่านเข้าเมืองต่างๆ ทั้งทางเครื่องบินทุกสนามบิน

                ผู้ที่ติดเชื้อ ที่รักษาตัวอยู่ในไทย เราได้มีการติดตามผู้ที่เขาสัมผัส ทั้งคนไทย คนจีน ตามระบบระบาดวิทยา ดีแล้วหรือไม่....

                ขอโทษนะ ใช้อวัยวะส่วนไหนคิด

                เรื่องพื้นฐานพวกนี้เขาทำอยู่แล้วอย่างละเอียดทุกวัน

                ไม่มีใครงอมืองอตีน     

                แล้วที่บอกว่า สามารถป้องกัน "หวัดนก-โรคซาร์ส" สำเร็จดีเยี่ยม ก็ลองย้อนเวลากลับไปดูซิว่า มันจริงอย่างที่อ้างหรือเปล่า

                มาดูกัน

                "เจ๊หน่อย" เป็นรัฐมนตรี ช่วงปี ๒๕๔๔-๒๕๔๘

                ไข้หวัดนกเริ่มระบาดปี ๒๕๔๗ พบว่ามีผู้ป่วยและเสียชีวิตมากที่สุดในปีนั้น คือป่วย ๑๗ คน เสียชีวิตไป ๑๒ ราย

                ปี ๒๕๔๘ ป่วย ๕ ราย เสียชีวิต ๒ ราย

                ถ้าความสำเร็จวัดกันที่จำนวนคนตาย "เจ๊หน่อย" สอบตก และไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมาบลัฟรัฐบาลปัจจุบัน

                แต่เพื่อความเป็นธรรมกับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปิดทองหลังพระกลุ่มนี้ถอดบทเรียนจากการระบาดของไข้หวัดนก ซาร์ส เมอร์ส มาเป็นคู่มือในการต่อสู้กับ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ ๒๐๑๙

                ทุกครั้งที่มีโรคระบาด เขาไม่ได้รอให้นักการเมืองสั่ง

                มันเป็นหน้าที่ของเขา เขาทำไปโดยสัญชาตญาณ

                ฉะนั้น นักการเมืองอย่าอวดดี เอ่ยอ้างว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น เอาแต่ด่าคนอื่นว่าเฮงซวย

                ครับ...ฟังนักการเมืองพูดเยอะมันน่าเวียนหัวกว่าติดไวรัสโคโรนา

                มาฟังผู้รู้เพื่อรับมือกับโรคระบาดกันดีกว่า

                ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะ แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านโพสต์ข้อมูลเอาไว้ในเฟซบุ๊ก

                ...........ความรุนแรงของโรคนี้น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ SARS และ MERS อัตราตายของโรคนี้ ถ้าดูจำนวนเปอร์เซ็นต์จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะน้อยกว่า ๑% หรืออาจจะอยู่ที่ ๑ ในพัน จากผู้ป่วยที่เป็นนอกประเทศจีน กว่า ๑๐๐ คนไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเลย เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ดีและรวดเร็วขึ้น และยอดผู้ป่วยที่แท้จริงจะมีมากกว่าผู้ป่วยที่รายงานมาก ตัวเลขอัตราการตาย ก็จะค่อยๆ ลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในปี ๒๐๐๙

                การนับจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า อีก ๑-๒ เดือนต่อไปก็จะไม่มีการนับแล้ว เช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่เมื่อ ๑๐ ปีก่อน พอไปถึงระยะหนึ่งก็เลิกนับจำนวน

                การระบาดเมื่อประชากรเป็นแล้ว มีภูมิถึงระดับหนึ่ง โรคก็จะสงบ ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะดูความรุนแรงของโรคแล้ว น่าจะอยู่ในระดับของไข้หวัดใหญ่ ไม่มีใครอยากป่วย ทุกคนจะต้องช่วยกันป้องกัน และลดการแพร่กระจายให้ช้าที่สุด เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ลดการตื่นตระหนก ลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะยังมาซึ่งความลำบากของประชาชนทุกคน หน้าที่ดังกล่าวจึงเป็นของคนทุกคนที่ต้องช่วยกัน.....

                ครับ...รู้ไว้อย่าตระหนก รักษาสุขภาพกันทุกคน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"