บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

 โรคปอดอักเสบจาก เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ 2019-nCoV ยังคงเป็นประเด็นร้อนของสังคมโลกและสังคมไทย โดยตัวเลขล่าสุดที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนประกาศออกมาว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาภายในประเทศอยู่ที่ 5,974 ราย และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 132 ราย ซึ่งแม้ อัตราการเสียชีวิตจะดูไม่มากเท่ากับ ซาร์ส และ เมอร์ส ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่หากดูตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะเห็นว่ามีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะ การขยายวงในประเทศต่างๆ ซึ่งล่าสุดก็มีทั้ง ทิเบต และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แล้ว ...๐

งานนี้ นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ดูเหมือนยังมองว่าไวรัสโคโรนายังไม่สร้างผลสะเทือนต่อนานาชาติสักเท่าใด เพราะดูเหมือน ทองไม่รู้ร้อน หรืออาจจะเพราะผู้ติดเชื้อยังไม่ขยายวงไปยังทวีปแอฟริกา แต่การที่ไวรัสเข้าไปทั้งยุโรปและตะวันออกกลางแล้ว WHO ก็น่าจะมี การทบทวนเรื่องวาระฉุกเฉินก่อนที่จะเข้าสู่ลาตินอเมริกาและแอฟริกา เลย ...๐

ส่วนที่ ไทย แม้ผู้ติดเชื้อจะยังคงที่อยู่ที่ 14 รายก็ตามที แต่อย่างที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเวลา 13.31 น. ในหัวข้อ ที่ร้ายกว่าไวรัสแพร่กระจาย คือวายร้ายแพร่ข่าวปลอม ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องจริงอย่างมาก เพราะตั้งแต่ข่าวโคโรนาไวรัสกลายเป็นกระแสขึ้นมา เฟกนิวส์ หรือข่าวปลอมได้แพร่สะพัดอย่างมาก ที่ซ้ำร้ายชาวบ้านร้านถิ่นในโลกออนไลน์และโลกความจริงต่างเชื่อกันเป็นตุเป็นตะเสียด้วยซ้ำ ...๐

ล่าสุดแม้ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษา สธ. จะแถลงว่าได้มีการฟ้องร้องผู้เผยแพร่ข่าวเท็จ 7 รายแล้ว ในขณะที่ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นั่งเรือเกลือมาชี้แจงว่าได้ส่งข้อมูลไปให้ ปอท.ดำเนินการเยอะมากแล้ว ก็ตามที แต่ในสายตาสังคมและขาเมาธ์ต่างตำหนิติติงกันอย่างมากว่ามันอืดเสียจริงในภาวะที่สังคมกำลังวิตกกับไวรัสโคโรนา ยิ่งได้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใน ไทย ที่มาเป็นอันดับหนึ่งนอกประเทศจีน แทนที่จะเป็น ฮ่องกง และ ไต้หวัน ก็บอกได้คำเดียวว่า การทำงานไล่มาตั้งแต่ทีมโฆษกรัฐบาล, กรมประชาสัมพันธ์, ปอท. และดีอีเอส ผลงาน ต้องปฏิรูปและยกเครื่องเป็นการด่วน เพราะหากทำได้แค่นี้ ถ้าถึงหน้ากฐินไม่ไว้วางใจ ก็เชื่อว่ารัฐบาลคงเละไม่เป็นท่า แน่นอน ...๐

นอกจาก เฟกนิวส์ ที่ต้องเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว ในซีกนักการเมืองที่มองเรื่องของสถานการณ์โรคระบาดเป็นเรื่องการเมือง ก็ต้องตำหนิติติงจนถึงขั้นประณามด้วย เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องเอาชนะคะคาน แต่มันเป็นเรื่องของ การรวมพลังกายพลังใจของคนทั้งประเทศ ไม่ต่างจาก เหตุการณ์น้ำท่วม แต่ประการใด ดูเหมือนพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยกลับมองมาเป็นลู่ทางในการตีกินเสียฉิบ ไม่รู้ว่าตกลงใครกันแน่เอา ประชาชน มาเป็นตัวประกันเพื่อชัยชนะทางการเมือง ...๐

งานนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า ออฟไซด์ หรือไม่อย่างไร เพราะในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีการถามกระทู้สด ซึ่งมีการสอบถามถึงเรื่อง การไปรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่นกลับบ้านเกิดเมืองนอน โดย สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ชี้แจงเสร็จสรรพ จีนจะอนุญาตให้เราสามารถนำเครื่องบินไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นได้ไม่เกินวันที่ 4 ก.พ.!!! ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือแม้แต่กระทั่ง เสี่ยหนู ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานรับมือสถานการณ์นี้ยังไม่สามารถระบุวันที่แต่ประการใดเลย ...๐

ดูแล้วก็ไม่น่าแปลก เพราะ ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์นั้น ช่างแปลกแยกแตกต่าง มักทำตัวเป็น ฮีโร่ แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ดูได้อย่างกรณีล่าสุดเสียบบัตร หรือก่อนหน้านี้ก็เรื่องการตั้ง กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ รมช.สธ.จะออกมาบอกวันที่การรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ทั้งที่ระดับนายกฯ ยังตอบไม่ได้เลย ...๐ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ไวรัสอู่ฮั่น แท้จริงอย่าง เรื่องหน้ากากอนามัยนั้น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่ามีเพียงพอ และล่าสุดในการประชุมกับผู้ผลิตและนำเข้าที่รองอธิบดีกรมการค้าภายในไปร่วมประชุมก็การันตีซ้ำว่ารองรับได้อีก 4 เดือนนับจากนี้ แต่ความเป็นจริงแค่ แถวมีนบุรีหรือรามอินทรา ลองไปสำรวจดูก็จะเห็นว่าขาดแคลน รวมทั้งราคายังพุ่งกระฉูดเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหน้ากาก N 95 อย่างนี้ไม่รู้จะพูดอย่างไร คงได้แต่เหลือกตามองบนถ่ายเดียว ...๐

...ท.ศักดิ์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"