ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยพุ่งเพิ่ม 8 ราย รวมแล้วมี 14 ราย กลับบ้านแล้ว 5 ราย หมอสุขุมเผยเน้นคัดกรองคนจีนทุกรายไม่เฉพาะอู่ฮั่น เล็งประสานสายการบินตรวจไข้ก่อนขึ้นเครื่อง “ประยุทธ์” วอนอย่าโยงเป็นการเมือง ย้ำพร้อมรับคนไทยทันทีแต่ต้องจีนอนุมัติก่อน ดอนแฉยังไม่มีประเทศไหนได้รับพลเมือง สอนเป้าหมายสูงสุดคือความปลอดภัยไม่ใช่ความเร็ว “หมอหนู” ประเมินระยะแพร่ระบาดไม่น่าเกิน 6 เดือน
เมื่อวันอังคารที่ 28 มกราคม นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แถลงสถานการณ์เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่ามีผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มอีก 6 ราย รวมจากเดิม 8 ราย เป็นทั้งหมด 14 ราย โดยรักษาหายดีกลับบ้านแล้ว 5 ราย ซึ่งผู้ป่วยรายใหม่เป็นชาวจีนทั้งหมด โดย 5 รายเป็นครอบครัวเดียวกันที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ มีตั้งแต่อายุ 6-70 ปี ส่วนอีกรายมาจากหูเป่ย์เช่นกัน โดยมีอาการหลังผ่านด่านแล้วจึงมาขอรับการรักษา โดยอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูรทั้งหมด และเป็นการติดเชื้อจากภายนอกประเทศ สำหรับผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 136 ราย เป็นการคัดกรองได้ที่สนามบิน 29 ราย มาที่โรงพยาบาลเอง 107 ราย อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 55 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ และรักษาอยู่ใน รพ. 48 ราย
นพ.สุขุมกล่าวว่า สธ.ได้ระดมบุคลากรทางการแพทย์ 5,000 คน เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการทำหน้าที่คัดกรองเฝ้าระวัง โดยการคัดกรองจะขยายเป็นคนจีนทุกคนจากทุกเมือง รวมทั้งจะขอความร่วมมือกับสายการบินไทยและต่างประเทศที่นำคนเข้ามา โดยขอให้ตรวจคัดกรองไข้ก่อนขึ้นเครื่อง หากมีไข้ก็ขอไม่ให้ขึ้นเครื่องมา ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แค่เราระแวงจีน เพราะจีนก็ระแวงเราเหมือนกัน จึงขอให้เราคัดกรองด้วย
"การคัดกรองที่สำคัญอีกเรื่องคือ การคัดกรองในชุมชน ถ้าหากพบเห็นคนจีนที่มีไข้ ไอจามน้ำมูก อาจต้องให้แจ้งเข้ามา เพื่อจะได้เข้าไปดูแลหรือให้คำแนะนำให้ไป รพ. ซึ่งจะเห็นว่าการคัดกรองผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่เดินทางมา รพ.เองมากกว่าคัดกรองที่สนามบิน ส่วนการป้องกันคือเลี่ยงไปสถานที่แออัด ไม่เข้าใกล้คนป่วย กินร้อนช้อนกลางล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย” นพ.สุขุมกล่าว และว่า ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาห้องแล็บในการตรวจผลการตรวจเชื้อได้ใน 3 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้การวางแผนรักษาผู้ป่วยได้เร็วขึ้น
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ในกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 5 รายที่เป็นครอบครัวเดียวกันนั้น พบว่าเป็นการเดินทางมาเที่ยวกันเองรวมกันทั้งหมด 7 คน ตั้งแต่ก่อนปิดเมืองอู่ฮั่น โดยรายหนึ่งมีอาการป่วยตั้งแต่ก่อนเดินทางมา 3-4 วัน ซึ่งเมื่อมาถึงสนามบินเราก็ตรวจจับผู้ป่วยรายนี้ได้ และนำเข้าห้องแยกโรคสถาบันบำราศนราดูร ส่วนอีก 6 คนที่เหลือมีการติดตามอาการทุกวัน โดยพบภายหลังว่า 4 รายเริ่มมีอาการป่วย ก็นำเข้าห้องแยกโรคสถาบันบำราศฯ เช่นกัน ฉะนั้นโอกาสที่ 4 คนจะออกไปแพร่โรคจึงน้อยมาก
เมื่อถามถึงกรณีผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่นๆ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป คร. กล่าวว่า มีอยู่ 22 คน ซึ่งได้ติดตามอยู่ ส่วนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็ตรวจสอบทุกวันพบว่าปกติดี
ขณะเดียวกัน ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาเชื้อโรคไวรัสโคโรนาและฝุ่นละออง PM 2.5 โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที
วอนอย่าโยงไปการเมือง
ทั้งนี้ ในช่วงนายอนุทินได้นำคณะประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการ “รวมพลังสู้ฝุ่น PM 2.5” ซึ่งนายกฯ ได้สาธิตการใส่หน้ากากอนามัยแบบถูกต้อง ได้กล่าวถึงเรื่องไวรัสโคโรนา ว่าอย่าไปตื่นตระหนกกันมาก ได้คุยกับรองนายกฯ แล้วว่ามีมาตรการใดบ้าง ค่อยๆ ไปทีละขั้น ต้องไปดูแหล่งกำเนิดด้วย ในเรื่องของการเคลื่อนย้ายคน การตรวจสอบคัดกรอง ตอนนี้ให้ทางตรวจคนเข้าเมืองประสานกับกระทรวงสาธารณสุขตั้งวอร์รูมชั่วคราว และให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปอยู่ด้วย
“เราต้องให้ความเชื่อมั่นด้วยว่าจีนเขาควบคุมเต็มที่อยู่แล้วในการดูแล หากมีคนจีนเข้ามาเราก็ต้องดู ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมโดยชุดหมอมาช่วย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขที่ทำงานหนักในตอนนี้ เราต้องทำทุกมิติ หากทำมิติใดมิติหนึ่งมันแก้ไม่ได้หรอก ต้องทำร่วมกัน ข้อสำคัญคือเราต้องให้ความเชื่อมั่นต้นทางแหล่งกำเนิด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า อย่าเอาไปเป็นปัญหาทางการเมืองเลยมันอันตราย รัฐบาลทำเต็มที่อยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีนักศึกษาไทยอยากเดินทางกลับประเทศ ว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงแล้ว ทราบว่ามีการรวบรวมชื่อที่อยู่ไว้แล้วกว่า 60 คน เราก็เตรียมความพร้อมในการรับกลับอยู่แล้ว แต่เขายังไม่ได้บินเข้า ก็ต้องเห็นใจเขา ทางจีนเขาต้องคอนโทรลคนที่อยู่ในพื้นที่ไม่ให้มาแพร่ในที่อื่น ขณะเดียวกันเราต้องดูต้นทางของเราทำอย่างไรจะไม่ให้แพร่ ถ้ากลับได้เมื่อไหร่ก็รับกลับ
เมื่อถามถึงกรณีทหารเรือไทยเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นกลับมาถึงไทยแล้วกลุ่มหนึ่ง นายกฯ กล่าวว่า กลับมาแล้วก็กลับมาแล้ว ยังไม่ได้รับรายงาน แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องคัดกรองอยู่แล้ว ซึ่งทหารพวกนี้เขาไปฝึกต่อเรือ ถ้าทางโน้นเขาอนุญาตให้ออกมาก็มาได้ และต้องมาคัดกรอง ถ้ามาจากจีนตรวจหมด
ถามอีกว่าในโซเชียลฯ วิพากษ์วิจารณ์ว่าทหารกลับได้ แต่นักศึกษากลับไม่ได้ นายกฯ กล่าวว่า คนละเรื่องกัน เดี๋ยวไปหาคำตอบสิว่าทำไมทหารกลับได้ แข็งแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงไม่ใช่หรอก เขาอาจมีการตรวจคัดกรองแล้วว่าไม่มีเชื้อจึงให้กลับมาก่อน ถ้าเขาอนุญาตให้ออกก็ออกได้ ต้องดูว่าข้อเท็จจริงคืออะไร แต่ถ้าเข้ามาก็ต้องเข้าจุดคัดกรองอยู่แล้ว
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ และโฆษกกองทัพเรือ (ทร.) ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ในระหว่างที่คณะกรรมการตรวจการจ้างสร้างเรือดำน้ำปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่อู่ต่อเรือ บ.คู่สัญญา ที่เมืองอู่ฮั่น มีช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ซึ่งอู่ต่อเรือได้ประกาศวันหยุด 22 ม.ค.63 ถึง 2 ก.พ. กำลังพลจึงได้ขออนุญาตลาพักผ่อน และแยกย้ายกันเดินทางออกทัศนศึกษาตามเมืองต่างๆ โดยไม่มีใครทราบมาก่อนว่าจะปิดเมือง และเมื่อมีการปิดเมือง กำลังพลเองก็ไม่สามารถกลับเข้าเมืองอู่ฮั่นได้ จึงได้ขออนุมัติ ทร.เดินทางกลับ โดยทยอยกลับจากเมืองต่างๆ ที่แต่ละคนอยู่โดยแยกย้ายกันมาจนครบตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. ซึ่งได้ผ่านการตรวจการทางการจีนแล้วทุกขั้นตอน
ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์แถลงอีกครั้งถึงการรับมือไวรัสโคโรนา ว่าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยให้นายอนุทินเป็นประธาน โดยมั่นใจว่าทางการจีนจะคุมสถานการณ์ไว้ได้ เพราะเขาก็เคยผ่านสถานการณ์เหล่านี้มาพอสมควร ส่วนไทยก็มีประสบการณ์ในการควบคุมโรคระบาดทั้งซาร์ส ไข้หวัดนก โดยอยู่ในลำดับที่ 6 ของโลก ถือว่าเป็นลำดับๆ ต้นของโลก
“มาตรการการนำคนไทยในจีนกลับ อย่าใช้ว่าติดขั้นตอนตรงไหน ขอให้ทราบขั้นตอนด้วย วันนี้อย่างน้อยอยากบอกให้ครอบครัวได้อุ่นใจ เรามีแผนรับกลับแล้ว พร้อมดำเนินการได้ทันที ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศไปช่วยคนไทย รอทางการจีนประสานอนุญาตมาก่อนว่าเราจะไปรับได้อย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ไม่มีประเทศไหนได้รับพลเมือง
ในเวลา 15.34 น. พล.อ.ประยุทธ์โพสต์เฟซบุ๊กให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์รับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยระบุว่าขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ บุคลากร อาสาสมัคร รวมถึงแพทย์ และพยาบาลทุกคนจากทุกหน่วยงาน ที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยกันสกัดกั้น ป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 คัดกรอง ตรวจรักษาผู้ป่วย และประสานงานในเรื่องต่างๆ ทุกคนต้องทำงานหนักและอาจเหนื่อยล้า แต่เชื่อว่าคนไทยเห็นถึงความเสียสละและตั้งใจในการทำงานของทุกคน ขอบคุณทุกคนจากใจครับ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า มีคนไทยที่อาศัยอยู่ในอู่ฮั่น 64 คน ซึ่งยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดี ส่วนการเดินทางกลับนั้นเราเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีประเทศไหนนำเครื่องบินเข้าไปรับคนของประเทศตัวเอง เพราะต้องให้ความร่วมมือกับจีนด้วย มีบางประเทศที่อยากเอาคนของตัวเองออกมา แต่ต้องรอให้จีนอนุญาตก่อน ทุกประเทศเป็นการเตรียมการเท่านั้น เช่นเดียวกับไทย
“นายกฯ เข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลา ตราบใดที่คนไทยปลอดภัย และได้รับการดูแล ถือเป็นเป้าหมายสูงสุด เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร แต่เรามีความสนใจว่าคนของเราต้องปลอดภัย” นายดอนกล่าว
ขณะที่นายอนุทินกล่าวว่า ได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว โดยผู้ป่วย 8 รายแรกถือว่าหายแล้ว เดินทางกลับไปแล้ว 3 คน อยู่ระหว่างเตรียมกลับอีก 2 คน ส่วนอีก 3 คนผลตรวจมีเชื้อเป็นลบ แต่ยังรอการตรวจซ้ำเพื่อยืนยันว่าหายจริง ส่วนยิ่งตรวจแล้วยิ่งเจอเยอะ ไม่ได้เป็นความล้มเหลว แต่ในทางการแพทย์ ยิ่งพบคนป่วยเท่ากับมีประสิทธิภาพในการหาคนป่วย และเชื้อชนิดนี้ยังไม่รุนแรงเท่ากับไวรัสซาร์สและไวรัสเมอร์ส ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สธ.ประเมินสถานการณ์ระยะแพร่ระบาดจะอยู่นานเพียงใด นายอนุทินกล่าวว่า จากการพูดคุยกับคณะทำงานวางกรอบไว้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งสมัยของไวรัสซาร์สและไวรัสเมอร์ส เรากำหนดเวลาไว้ 9 เดือน ซึ่งขณะนี้ประเทศต้นทางมีมาตรการปิดเมือง จะทำให้การควบคุมโรคในประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อถามว่า กรณีที่มีการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนและมีค่าใช้จ่าย รัฐบาลจะดูแลอย่างไรบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้เรายังดูแลอยู่ ยังไหว งบประมาณยังพอมี ต้นทุนเกินได้ ถือว่าเป็นการรักษาเพื่อมนุษยธรรม คนไทยไม่ต้องกังวล เพราะอยู่ภายใต้การรักษาประกันสุขภาพอยู่แล้ว ส่วนคนจีนตอนนี้ ให้การรักษาภายใต้หลักมนุษยธรรม เราก็ให้การรักษาเขา ไม่เฉพาะคนไทยอย่างเดียว หากเราเจอใครป่วยเราต้องรักษาก่อน เรื่องค่ารักษาค่าเรียกเก็บได้เราก็ต้องเก็บ แต่ถ้าเก็บไม่ได้ เราถือว่าเป็นต้นทุนที่ไม่ให้คนไข้ออกไปเพ่นพ่าน ทำให้เกิดการระบาดโรคให้คนในประเทศของเรา
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทินเน้นย้ำเรื่องไวรัสโคโรนา ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้รับฟังการแถลงข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข ที่จะมีการแถลงข่าวอย่างเนื่องในเวลา 11.00 น. เป็นช่องทางหลักเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำอีกว่าข้อมูลทั้งหมดจะต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง เพื่อเตรียมตัวในการป้องกันได้อย่างถูกต้อง จะไม่มีการปิดบังหรือปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น
ย้ำยังคุมไวรัสได้ 100%
นางนฤมลกล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ครม.รัฐมนตรีหลายกระทรวงมีข้อเสนอแนะในเรื่องดังกล่าวอย่างหลากหลาย โดยนายกฯ ให้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ซึ่งนายกฯ มีการลงนามในคำสั่งไว้เดิมแล้วตั้งแต่ปี 2557 โดยมีองค์ประกอบคือ ประธานคณะกรรมการ ซึ่งรองนายกฯ ด้านสาธารณสุข ที่นายกฯ มอบหมาย รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งหมด 59 คน มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในการเตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมและแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และกำกับดูแลให้บรรลุวัตถุประสงค์ รวมถึงกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ และประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีความมั่นใจว่าด้วยศักยภาพที่เรามีและมาตรฐานในการดูแลควบคุมโรคและการแพทย์ระบาดของโรคเรายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 100% ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนทุกคน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตามที่นายกฯ ได้สั่งให้หน่วยต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่จากกองทัพเข้าสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข ในกระบวนการคัดกรองโรคทุกสนามบินนานาชาติ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กรมแพทย์ทหารบกได้ส่งทีมชุดคัดกรองเข้าปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ สธ. และกรมแพทย์เหล่าทัพ เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยว ผู้ที่เดินทางและใช้บริการผ่านเข้า-ออกบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติ 10 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งชุดคัดกรองจากกรมแพทย์ทหารบก ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เสนารักษ์ โดยได้เริ่มปฏิบัติงานแล้วเมื่อ 13.00 น.แล้ว และจะร่วมปฏิบัติการจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงปริมาณสต๊อกหน้ากากอนามัยที่ใช้ในการป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 และเชื้อไวรัสโคโรนาว่ายังไม่มีผลกระทบ เพราะได้สั่งการให้กรมการค้าภายติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยวันที่ 29 ม.ค.กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบการผลิตหน้ากากอนามัยของประเทศ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ราย ร่วมหารือเรื่องปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพื่อป้องกันการกักตุน รวมทั้งการดูแลเรื่องราคาให้มีความเหมาะสม ในภาวะที่มีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยมากเป็นพิเศษ ข้อมูลเบื้องต้น ใน 1 เดือน จะมีการผลิตประมาณ 30 ล้านชิ้น แต่จะมีการหารืออีกรอบว่าจะมีการเพิ่มปริมาณการผลิตหรือไม่
ขณะที่นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทย และไทยสมายล์ ได้ความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ โดยเบื้องต้นได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะวิกฤติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมทั้งประสานงานหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เผยว่า ได้ดำเนินมาตรการในการดูแลด้านสุขภาพและอนามัยภายในพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟทุกแห่ง เป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเพิ่มการทำความสะอาดด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในตู้โดยสารบนขบวนรถไฟก่อนนำออกให้บริการ และเน้นเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในบริเวณที่ผู้โดยสารต้องสัมผัส.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |