28 ม.ค.63-  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นำคณะผู้บริหารเข้าพบพล.อ.ประยุทธจันทร์โอชา นายกฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการ “รวมพลังสู้ฝุ่น PM 2.5” โดยนายกฯได้สาธิตการใส่หน้ากากอนามัยแบบถูกต้อง พร้อมกล่าวว่า การใส่หน้ากากอนามัยจะต้องใส่ให้ถูกต้อง โดยเอาแถบที่มีสีไว้ด้านนอกเพื่อป้องกันเชื่อโรคเข้าสู่ร่างกาย และวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณะสุขได้มีการแจกให้ประชาชน และมีการควบคุมราคาไม่ให้แพงเกินไป เนื่องจากเกรงว่าผู้ขายจะฉวยโอกาสขึ้นราคา ซึ่งนายกฯยังได้สอบถามราคาหน้ากากอนามัยมีทั้งราคา 40 บาทและราคา 25 บาท พร้อมกล่าวว่า ถือว่าราคายังโอเค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกฯได้โชว์การใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 และหน้ากากอนามัยป้องกันไข้หวัดต่อสื่อมวลชน พร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า นายกฯจะยิ้มไปทำไม ใส่หน้ากากแล้วจะไม่เห็นรอยยิ้ม แต่ให้ดูที่ตา เวลาดูนายกฯโมโหหรือไม่โมโหให้ดูที่ตา อย่าดูปากว่ายิ้มหรือไม่ยิ้ม เพราะฉันจะยิ้มด้วยตา

นายกฯ กล่าวอีกว่า ทั้งเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5และไวรัสโคโรนาอย่าไปตื่นตระหนกกันมาก เมื่อเช้า (28 ม.ค.) ได้คุยกับรองนายกฯแล้วว่ามีมาตรการใดบ้าง ค่อยๆไปทีละขั้น ต้องไปดูแหล่งกำเนิดด้วย ในเรื่องของการเคลื่อนย้ายคน การตรวจสอบคัดกรอง ตอนนี้ให้ทางตรวจคนเข้าเมืองประสานกับกระทรวงสาธารณสุขตั้งวอร์รูมชั่วคราว และให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปอยู่ด้วย เช่นเดียวกับเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 ได้มอบกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีคำสั่งอยู่แล้วเพียงแค่ปรับปรุงเพิ่มเติมให้สามารถดำเนินการได้ เพราะถ้าเราปิดเลยมันจะสมควรหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ใช่ ใช่หรือไม่ และเราต้องให้ความเชื่อมั่นด้วยว่าจีนเขาควบคุมเต็มที่อยู่แล้วในการที่จะดูแล หากมีคนจีนเข้ามาเราก็ต้องดู หากช่วงแรกอาการไม่ปรากฏแต่อยู่ไปแล้วมีอาการก็ต้องไปหาหมอ ไม่เช่นนั้นจะไปติดคนอื่น โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตนได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมโดยชุดหมอมาช่วย จะเอาแค่ทหารมาช่วยอย่างน้อยให้ไปอยู่ในจุดคัดกรองต่างๆ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขที่ทำงานหนักในตอนนี้ เราต้องทำทุกมิติ หากทำมิติใดมิติหนึ่งมันแก้ไม่ได้หรอก จะต้องทำร่วมกัน ข้อสำคัญคือเราต้องให้ความเชื่อมั่นต้นทางแหล่งกำเนิด เราต้องแก้เรื่องการแพร่กระจาย ซึ่งตอนนี้เราคอนโทรลได้ ในขณะนี้นายกฯพูดร้อยเปอร์เซ็นต์ในขณะนั้น ต่อมาถ้าเพิ่มก็ต้องทำต่อ อะไรที่แก้ไขได้ก็ต้องแก้ไขเป็นมาตรการประกอบกันที่จะช่วยให้ทุกคนปลอดภัย สุขภาพสำคัญที่สุด แต่อย่างอื่นเป็นส่วนประกอบเราต้องยอมรับกันว่าอะไรได้อะไรเสีย ถ้าเราควบคุมได้ก็ไม่มีปัญหา

 “อย่าเอาไปเป็นปัญหาทางการเมืองเลยมันอันตราย รัฐบาลทำเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่นักศึกษาไทยอยากเดินทางกลับประเทศไทยนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงแล้ว ทราบว่ามีการรวบรวมชื่อที่อยู่ไว้แล้ว 60 กว่าคน เราก็เตรียมความพร้อมในการรับกลับอยู่แล้ว แต่เขายังไม่ได้บินเข้าก็ต้องเห็นใจเขา ทางจีนเขาต้องคอนโทรลคนที่อยู่ในพื้นที่ไม่ให้มาแพร่ในที่อื่น ขณะเดียวกันเราต้องดูต้นทางของเราทำอย่างไรจะไม่ให้แพร่ ซึ่งต้องประสานกัน ถ้าเขาอยากกลับก็ขึ้นบัญชีให้อยู่แล้ว ถ้ากลับได้เมื่อไหร่ก็รับกลับ”นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทหารเรือไทยเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นกลับมาถึงไทยแล้วกลุ่มหนึ่ง นายกฯ กล่าวว่า กลับมาแล้วก็กลับมาแล้ว ตนยังไม่ได้รับรายงาน แล้วเขากลับมาทำไม แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องคัดกรองอยู่แล้ว ซึ่งทหารพวกนี้เขาไปฝึกต่อเรือ ถ้าทางโน้นเขาอนุญาตให้ออกมาก็มาได้ และต้องมาคัดกรอง ถ้ามาจากจีนตรวจหมด อันดับหนึ่งตรวจคนที่มาจากเมืองอู่ฮั่น และตอนนี้ต้องตรวจคนที่มาจากเมืองกวางโจวด้วย ที่เขาประกาศตัวแดงตัวเหลืองเราต้องตรวจเพิ่ม ไม่ใช่อู่ฮั่นอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องเอาชุดแพทย์ไปเพิ่ม คิดว่าทุกคนยอมรับได้ในการถูกคัดกรอง แต่การจะปิดหรือเปิดประเทศก็ต้องไปดูอีกเรื่องอีกระยะเวลา ตอนนี้อยู่ระหว่างการแก้การแพร่ระบาด แพร่กระจาย เพราะต้องคัดกรอง 8-14 วันกักตัวไว้ เราใช้มาตรฐาน ถ้าไม่เช็คเดี๋ยวจะไปแพร่คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆบ้าง ฉะนั้นคนที่รู้ว่าเป็นหวัดก็ต้องรีบหาหมอ ทุกคนต้องรู้ตัวเอง ตรวจสอบตัวเองให้ปลอดภัยในการที่จะไปเที่ยวหรือสถานที่ใดก็ตามต้องขอความร่วมมือสื่อด้วยในการอธิบาย และตอนนี้เป็นห่วงเรื่องรถโดยสาร เพราะคนเหล่านี้อาจปะปนมา เพราะเข้ามาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่าในโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทหารกลับได้แต่นักศึกษากลับไม่ได้ นายกฯกล่าวว่า คนละเรื่องกัน เดี๋ยวไปหาคำตอบสิว่าทำไมทหารกลับได้ แข็งแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงไม่ใช่หรอก เขาอาจมีการตรวจคัดกรองแล้วว่าไม่มีเชื้อจึงให้กลับมาก่อน และเขากลับมาด้วยเครื่องบินอะไร ก็เป็นเครื่องบินพาณิชย์ แต่เครื่องบินทหารถ้าจะไปรับก็เป็นเรื่องเป็นราวต้องขออนุญาตจีน ถ้าเขาอนุญาตให้ออกก็ออกได้ต้องดูว่าข้อเท็จจริงคืออะไร แต่ถ้าเข้ามาก็ต้องเข้าจุดคัดกรองอยู่แล้ว.