พิษไวรัสโคโรนาระบาดฉุดหุ้นไทยร่วง 45.40 จุด หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบินพากันดิ่งเหว "สมคิด" ระบุกระทบภาคการท่องเที่ยวไทยระยะสั้น เชื่อพื้นฐานของไทยแข็งแกร่ง
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 27 มกราคม เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงหลังนักลงทุนกังวลสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา จากการพบผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและแพร่ระบาดไปหลายประเทศ รวมถึงจีนได้ประกาศขยายวันหยุดตรุษจีนออกไปแบบไม่มีกำหนด พร้อมสั่งห้ามคณะทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศและห้ามการขายแพ็กเกจเที่ยวบิน โรงแรมสำหรับชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบินที่ปรับลดลงทั้งกลุ่ม และภาพรวมดัชนีระหว่างวันปรับลดลงสูงสุดที่ 50.52 จุด ก่อนมีแรงซื้อกลับขึ้นมาปิดที่ 1,524.15 จุด ลดลง 45.40 จุด หรือ 2.89% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 69,174.18 ล้านบาท
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด คือ AOT ปิดที่ 68.75 บาท ลดลง -2.75 บาท, PTT ปิดที่ 43.50 บาท ลดลง -1.75 บาท, BAM ปิดที่ 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท, PTTEP ปิดที่ 122.50 บาท ลดลง -6.00 บาท และ CPALL ปิดที่ 71.50 บาท ลดลง -2.00 บาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นผลจากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่เชื่อว่าจากพื้นฐานของไทยที่แข็งแกร่งจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นจากประเทศจีน ยอมรับว่ากระทบกับภาคการท่องเที่ยวของไทยในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางการจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน ขณะที่คนไทยต้องช่วยกันหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น พร้อมดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจากจีนโดยเฉพาะอินเดีย
ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับตลาดหุ้นจีนปิดทำการซื้อขาย แต่ตลาดหุ้นประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบ เช่นญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศอาเซียนยังเปิดทำการซื้อขาย โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมากในกลุ่มอาเซียน
อย่างไรก็ตาม มองว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนามีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วน 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวไทย ทั้งนี้ ตลท.ได้รายงานกรณีที่ดัชนีปรับลดลงแรงให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับทราบแล้ว และดัชนีที่ปรับลดลงยังไม่ถึงขั้นจะต้องใช้มาตรการพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิต เบรกเกอร์)
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาจะส่งผลต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ไตรมาส เพราะครั้งนี้มีการควบคุมการแพร่เชื้อได้เร็วกว่า จากการที่เคยมีประสบการณ์เกิดเหตุการณ์โรคซาร์สและโรคเมอร์สที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ไตรมาส จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนระยะยาวในหุ้นที่ไม่ถูกกระทบจากไวรัสโคโรนา ขณะที่ในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรถือเงินสดเพื่อความปลอดภัยก่อน
ขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นยังมีความไม่แน่นอนสูง ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์นี้จะลากยาวแค่ไหน โดยเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกและรายได้จากการท่องเที่ยวในระดับสูง อีกทั้งนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่เข้ามาเที่ยวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งการท่องเที่ยวปี 2562 มีสัดส่วน 11% ของจีดีพี มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย 40 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 10 ล้านคน ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลงทุก 10% มีผลกระทบต่อจีดีพีไทยมากกว่า 1%
นอกจากนี้ หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่าเดิม คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น โดยหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบคือกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเช่นห้างสรรพสินค้า เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนถือหุ้นต่อได้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว รวมถึงอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ ซึ่งควรปรับพอร์ตการลงทุนเน้นหุ้นกลุ่ม Defensive และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเปิดตลาดมาในแดนลบ โดยดัชนีหุ้นไทยปรับระดับลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการรับรู้ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจไทยที่เพิ่มขึ้น หลังจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาเที่ยวไทยในปี 2563 อ่อนแอลงกว่าเดิม จากการที่ทางการจีนสั่งห้ามขายแพ็กเกจทัวร์เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโคโรนาไวรัส ขณะที่การลุกลามของไวรัสแพร่ไปยัง 4 ทวีป รวมผู้ติดเชื้อกว่า 2,700 คน เสียชีวิต 80 คน (ตัวเลข ณ ค่ำวันที่ 26 มกราคม) กดดันภาวะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกและส่งผลให้ราคาน้ำมันสหรัฐฯ ร่วงสู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน น่าจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก
ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้น ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมด่วนในวันที่ 29 มกราคม เพื่อตัดสินว่าจะรับคำร้องของ ส.ส.วิปรัฐบาลกรณี พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 หรือไม่ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงสั้น ฝ่ายวิจัยแนะนำให้เปลี่ยนกลุ่มเล่นจากหุ้นกลุ่มที่อ้างอิงจากภาวะเศรษฐกิจโลก ไปยังหุ้นเสี่ยงต่ำที่มีความแน่นอนของผลประกอบการสูงและหุ้นปันผลเด่น ในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสจะยังเร่งตัวขึ้น ทั้งนี้จากสถิติช่วงโรคซาร์สเมื่อ 17 ปีก่อน ตลาดหุ้นไทยลงไปทำจุดต่ำสุดในเวลาประมาณ 1 เดือน ถ้านำช่วงเวลาดังกล่าวมาใช้กับรอบนี้คือจะเป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าแม้ไทยไม่ได้เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งภาคเอกชนมั่นใจว่ามาตรการของภาครัฐที่คอยควบคุมดูแลและเฝ้าระวังเป็นเรื่องที่ดีที่สุด คาดว่าภายในเดือน มี.ค.นี้ภาครัฐจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ ขณะเดียวกันประชาชนเองจะต้องมีการป้องกันและระวังตัวด้วย ขณะที่ภาครัฐยังต้องมีมาตรการดูแลเพิ่มเติมเรื่องการรับมือและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างชัดเจน รวดเร็ว และทันเหตุการณ์มากขึ้นหากเกิดการแพร่ระบาดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของไทย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |