ประเมินกระทบศก.แสนล้าน


เพิ่มเพื่อน    


    "ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจฯ" ประเมินไวรัสโคโรนากระทบ ศก.แล้ว 80,000-120,000 ล้านบาท ชี้หากคุมแพร่ระบาดภายในต้น มี.ค.ไม่ได้ไทย-เอเชียกระทบหนักแน่ "ปธ.สภาอุตฯ ท่องเที่ยว" เล็งเสนอภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการ หลังกรุ๊ปทัวร์จีนยกเลิกเดินทาง "ททท." นัดแอตต้าประชุมปรับแผนรับมือ 28 ม.ค.นี้ "พท." จี้ "บิ๊กตู่" รีบแก้ไข หยันถ้าทำไม่ได้พร้อมแนะนำ
    เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ไวรัสโคโรนาว่า จะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจเอเชียปีนี้อาจไม่กระเตื้องขึ้นอย่างที่คาด โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจต่ำกว่า 5.8% ในปีนี้ และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ไม่ถึง 6% 
    ผศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า ในส่วนผลกระทบที่มีต่อภาคการท่องเที่ยวไทยและเศรษฐกิจไทย จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงกว่าการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส แต่ผลกระทบต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและอัตราการเสียชีวิตอาจไม่รุนแรงเท่าโรคไข้หวัดซาร์ส และการแพร่ระบาดไม่น่าจะยืดเยื้อเท่ากรณีโรคซาร์ส เนื่องจากมีการใช้มาตรการเฉียบขาดทางด้านสาธารณสุขในการควบคุมโรค 
    ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า สาเหตุของผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจรุนแรงฉับพลันในระยะสั้นมากกว่าโรคซาร์ส เป็นผลมาจากการควบคุมการเดินทางอย่างเข้มงวด การปิดเมืองห้ามเข้า-ออกไปยังเมืองอู่ฮั่น เมืองจือเจียง เมืองซื่อปี้ เมืองหวางกาง รวมทั้งการสั่งห้ามจัดกิจกรรมทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศของทางการจีน แม้ทางองค์การอนามัยโลกจะยังไม่ประกาศกรณีการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก แต่ต้องคอยติดตามสถานการณ์ว่าการปิดเมืองและการห้ามการเดินทางเข้า-ออกในหลายพื้นที่จะสามารถหยุดภาวะการแพร่ระบาดได้แค่ไหน มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองอาจจะขยายตัวได้เพียง 1.8-2.4% 
    "เบื้องต้นคาดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 80,000-120,000 ล้านบาท หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในต้นเดือนมีนาคม หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยและเอเชียได้ขณะนี้ ในเบื้องต้นจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ลดลงประมาณ 1-2 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติลดลงไม่ต่ำกว่า 2% ของเป้าหมาย" ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯกล่าว
    ผศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 41.8 ล้านคนในปีนี้ และสร้างรายได้เพิ่มเป็น 2.2 ล้านล้านบาท ติดอันดับ 1 ใน 6 ของประเทศที่สร้างรายได้ท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก เศรษฐกิจไทยจึงเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคบริการและภาคการท่องเที่ยวมากขึ้นตามลำดับ ผลกระทบจากโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่จึงกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่รุนแรงกว่าการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเมื่อ 17 ปีที่แล้ว องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่ารายได้ของภาคท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตไม่เกิน 7% เมื่อเจอกับการระบาดของไข้หวัดโคโรนาในจีน ย่อมทำให้การเติบโตลดลง อาจไม่ถึง 5% ย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวหรือธุรกิจเชื่อมโยงกัน ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้รวมท่องเที่ยวไทยลดลงในปีนี้ 
    "ปี 2563 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะหดตัวในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ทางการไทยควรปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายต่อหัวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และไม่ควรนำเอามาตรการชิมช้อปใช้อินเตอร์ หรือแจกเงินฟรีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เนื่องจากผิดหลักการของการดำเนินนโยบาย เพราะเงินที่เอามาแจกนั้นเป็นเงินของประชาชนผู้เสียภาษีชาวไทย หากจะกระตุ้นการท่องเที่ยว  ควรบริหารจัดการค่าเงินบาทให้อ่อนค่า ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายให้ได้ แก้ปัญหาฝุ่นควันพิษ มลพิษทางการอากาศ PM 2.5 เร่งรัดให้สามารถนำงบลงทุนจากงบปี 2563 มาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จะแก้ปัญหาการท่องเที่ยวได้ดีกว่าเอาเงินภาษีประชาชนมาแจกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาก" ผศ.ดร.อนุสรณ์กล่าว
    ขณะที่นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสในจีนจนส่งผลกระทบให้จีนประกาศยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ และผู้ให้บริการออนไลน์หยุดขายตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และกรุ๊ปทัวร์ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อลดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  ตั้งแต่ 27 ม.ค.63 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งประมาณการตัวเลขแล้วขณะนี้น่าจะเป็นกว่า 10,000 ล้านบาท ในยอดของนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 5,000,000 คน ส่งผลกระทบโดยตรงทั้งผู้ประกอบการธุรกิจในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ผู้ประกอบการโรงแรม มัคคุเทศก์ และกิจการร้านค้า ฯลฯ 
    "ในวันที่ 27 ม.ค. จะมีการประชุมหลายระดับ ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ในช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมหารือระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวภาคเอกชน ซึ่งผมจะได้นำความเห็นและความเดือดร้อนของผู้ประกอบการนำเสนอภาครัฐในรายละเอียด เช่น การคืนเงินจอง แต่คาดว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเองโดยไม่พึ่งกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งน่าจะมีประมาณไม่เกินร้อยละ 10 เท่านั้น" นายชัยรัตน์กล่าว  
    ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เบื้องต้นหากสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโรค หรือหาทางยุติการแพร่ระบาดได้ภายใน 3 เดือน ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไทยจีนก็จะกระเตื้องขึ้นและฟื้นตัวได้อีกครั้งหนึ่ง แต่หากระยะเวลาการแพร่ระบาด รวมทั้งสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ลากยาวเกิน 3 เดือน คาดว่าความเสียหายทางด้านนี้จะคงอยู่ยาวนานและกระทบผู้ประกอบการหนักหน่วง 
    นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านการสื่อสาร การตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงทางการจีนประกาศสั่งให้บริษัททัวร์ทั่วประเทศจีนหยุดขายตั๋วเครื่องบิน ตั๋วโรงแรม และกลุ่มทัวร์ทั้งในและนอกประเทศ ว่าประกาศนี้ไม่ได้ครอบคลุมกลุ่มการเดินทางแบบปกติ (FIT) ซึ่งมีสัดส่วนการท่องเที่ยวอยู่ที่ร้อยละ 40 ขณะที่บริษัททัวร์มีสัดส่วนการท่องเที่ยวอยู่ที่ร้อยละ 60 แต่ ททท.ก็ยังเตรียมแผนโดยเน้นการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวให้ครอบคลุม แต่จะไม่ใช้วิธีการโฆษณาแบบอะเมซิ่งไทยแลนด์ จึงเตรียมเรียกผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ประชุมหารือ 28 ม.ค.นี้ เพื่อหาทางออกในการออกมาตรการด้านการตลาด ซึ่งอาจจะมีแนวโน้มออกมาตราด้านนี้เพื่อกระตุ้นความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่การออกมาตรการก็จะต้องประเมินสถานการณ์วิกฤตินี้อีกครั้งด้วย
    ด้าน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศปลายทางที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสนี้มากที่สุด รองลงจากประเทศต้นทางคือประเทศจีน โดยพบผู้ป่วย 5 ราย จากจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,700 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 41 ราย ในขณะนี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้มีคำสั่งทัวร์จีนห้ามเที่ยวทั่วโลกประมาณ 2 เดือน ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจากประเทศไทย 1.3 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวจะหายไปประมาณ 50,000 ล้านบาท และหากตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอีก ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวจากต่างชาติไม่กล้ามาประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ขาดรายได้จากการท่องเที่ยวไปอีกเป็นแสนล้านบาท 
    "เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญของรายได้หลักของประเทศไทยมาจากการท่องเที่ยว ดังนั้นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ควรเร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ถ้าหากไม่สามารถหาแนวทางในการแก้ไขได้ ทางพรรคเพื่อไทยยินดีให้คำแนะนำ เพื่อแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะที่ประเทศปลอดจากเชื้อดังกล่าว เพราะพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติและสุขภาพของคนไทยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด" คกก.กิจการพิเศษ พรรค พท.กล่าว 
    ที่ จ.ภูเก็ต    นายกิตติกร คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภูเก็ตแฟนตาซี เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภูเก็ต ซึ่งการเกิดปัญหาจากโรคระบาดของจีนในช่วงสั้นมีผลกระทบการท่องเที่ยวของภูเก็ตแฟนตาซี กรณีนี้เกิดขึ้นกะทันหันต้องดูสถานการณ์และปรับตัววันต่อวัน และอาจมีข่าวดีได้ว่าจะมีการควบคุมได้  
    "การท่องเที่ยวเป็นเหมือนอุตสาหกรรมทั่วไป มีปัญหาและมีขึ้นมีลง ตอนนี้ดูสถานการณ์ก่อนจะปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ปัญหา ส่วนภาพรวมคนมาเที่ยวภูเก็ตแฟนตาซีดีขึ้นระดับหนึ่ง ต่างจากปีที่แล้วที่ซบเซา แต่ปีนี้ถือว่าดีขึ้น ตลาดของเรามีทุกกลุ่มทุกสัญชาติ" ผจก.ภูเก็ตแฟนตาซีกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"