ถ้าคุณเป็นนายกฯ คุณจะทำอย่างไร?


เพิ่มเพื่อน    

    วันก่อนผมชวนผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาคุยกับผมทาง Suthichai Live ว่าด้วยประเด็นการแพร่ระบาดของ "โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่" ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่
    ผมถามอาจารย์ปิติว่าถ้าแกเป็นนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้จะบริหาร "วิกฤติโรคระบาด" นี้อย่างไร
    อาจารย์ปิติตอบผมทาง social media แล้วยังไม่สะใจ แกไปนั่งเขียนเป็นแผนอย่างละเอียดทุกๆ  ด้าน ท่านนายกฯ และทีมงานในรัฐบาลสนใจจะดัดแปลงบางแนวทางไปใช้ในทางปฏิบัติก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
    ที่นายกฯ และรัฐมนตรีบางท่านบ่นว่าประชาชน "ตื่นตระหนกเกินเหตุ" ไม่สนใจว่ารัฐบาลได้พยายามตั้งรับสถานการณ์อย่างเต็มที่ ก็ควรจะต้องเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกของคนไทยที่มีความห่วงกังวลเพราะรับทราบข่าวจากหลายๆ แหล่งที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง
    ที่สำคัญคือ รัฐบาลขาด Information War Room หรือห้องปฏิบัติการฉุกเฉินด้านข่าวสาร เพื่อตอบคำถามและตรวจสอบข้อมูลให้ประชาชนได้รับรู้เรื่องราวอย่างทันท่วงที ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนและข่าวปล่อย
    รัฐบาลอาจจะคิดว่าเมื่อมี War Room ทางด้านการแพทย์และมีการ "แถลงข่าว" อย่างเป็นทางการแล้ว ประชาชนก็ต้องเชื่อว่าทุกอย่างเรียบร้อย
    แต่นั่นเป็นความไม่เข้าใจการ "บริหารข่าวสารในยามวิกฤติ" หรือ crisis information management  ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และบ่อยครั้งสำคัญกว่าการปฏิบัติการสู้รบกับศัตรูโดยตรงด้วยซ้ำไป
    ผมจึงขอถ่ายทอดข้อเสนอของอาจารย์ปิติที่ตอบคำถามของผมว่า "ถ้าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้  ท่านจะบริหารวิกฤตินี้เช่นไร"
    1.ผมจะตั้ง #War room
     แน่นอนว่าปัจจุบันมี war room อยู่แล้วที่กระทรวงสาธารณสุข และคุณหมอรวมทั้งบุคลากรทางแพทย์ทุกท่านต่างก็มีความรู้ความสามารถ ทำงานรอบคอบ กล้าตัดสินใจ และหลายๆ ท่านก็เคยมีประสบการณ์มาตั้งแต่สมัย #SARS (2002-2003) #ไข้หวัดนก (H1N1, 2003, 2009) #MERS (2012-2013) และ #อีโบลา (2014) แต่วิกฤติคราวนี้หากลุกลาม การสั่งการและการประสานงานข้ามกระทรวง กรม และภาคเอกชน จำเป็นต้องเกิดขึ้น ผมจะต้องให้มีตัวแทนทั้งจาก #กระทรวงสาธารณสุข (แน่นอนเป็นรองหัวหน้า รองจากผมที่เป็นนายกฯ) จากนั้นต้องมีตัวแทนจาก #กระทรวงคมนาคม #กระทรวงศึกษาฯ #กระทรวงการท่องเที่ยวฯ #กระทรวงพาณิชย์ #กระทรวงการต่างประเทศ #กระทรวงแรงงาน #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #กทม. #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #กรมประชาสัมพันธ์ สมาคมโรงแรมต่างๆ สมาคมท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น มาร่วมกันทำงาน โดยผมต้องมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหาร War room มีอำนาจในการตัดสินใจสั่งงานข้ามกระทรวงได้ เมื่อมี War room ผมจะให้การแจ้งข่าวสารต่างๆ มาจากจุดเดียวกันเพื่อป้องกัน #FakeNews ที่อาจสร้างความตื่นตระหนก รวมทั้งต้องมีการจัดตั้งหมายเลขโทรศัพท์ #Hotline และเครื่องมือ Social Media ต่างๆ เพื่อรับแจ้งเหตุ และใช้ในการ #บริหารข่าวสารข้อมูล
    2.ผมจะสั่งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำข้อมูลจำนวนชาวจีน และผู้ที่เดินทางมาจากสนามบินต่างๆ ของประเทศจีน มาวิเคราะห์ว่าตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีเดินทางเข้ามากี่คน แน่นอนว่าระบบตรวจคนเข้าเมืองของไทยมีการบันทึกฐานข้อมูล Biometric ในระบบคอมพิวเตอร์ทั้งขาเข้าและขาออก ดังนั้นต้องให้มีข้อมูลที่แน่ชัดเสียก่อนว่า จนถึงวันนี้มีคนที่เดินทางจากประเทศจีน โดยเฉพาะหากผ่านมาจาก Wuhan Tianhe International  Airport #ยังคงตกค้างอยู่ในประเทศไทยจำนวนกี่ราย ไปเอาข้อมูลที่พวกเขากรอกแบบฟอร์ม ตม.6 ที่ใช้ในการเข้าเมืองมาพิจารณาว่า คนเหล่านี้ปัจจุบันน่าจะอยู่ ณ ที่อยู่ไหน ต้องมีการเตรียมฐานข้อมูลเหล่านี้เอาไว้  
    3.ขอความร่วมมือจาก #สมาคมโรงแรม #สมาคมท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่ขายโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบ In-bound ให้ติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่า ลูกทัวร์ของแต่ละบริษัท #แขกที่เข้าพักในโรงแรมมีใครแสดงอาการป่วยหรือไม่ ถ้ามีต้องแจ้งสาธารณสุข รวมทั้งต้องกลับไปที่ข้อ 2 เพื่อไป Trace หาว่า ในการเดินทางของพวกเขายังมีใครที่อยู่เที่ยวบินเดียวกัน โรงแรมเดียวกัน หรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง เพื่อควบคุมโรค ในกรณีที่มีการเจ็บป่วยด้วย Novel coronavirus (2019-nCoV) เกิดขึ้น
    4.แน่นอนว่าในจำนวนผู้ที่เดินทางเข้ามาไม่ได้มีแต่เฉพาะนักท่องเที่ยว ยังมีผู้ที่เดินทางมาทำงาน และมาเรียนหนังสือ ดังนั้นต้องประสานจากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่าเขาใช้ #Visa  ประเภทใดในการเข้าประเทศไทย ถ้าเป็น Working Visa ก็ต้องประสานกับกระทรวงแรงงานว่า  #WorkPermit ของเขาอยู่ที่ไหน เพื่อติดตามไปยังบริษัทที่เข้ามาทำงาน ถ้าเป็น #StudentVisa ก็ต้องติดต่อไปที่กระทรวงการต่างประเทศว่า เขาไปเรียนอยู่ที่ #สถาบันการศึกษา แห่งใด 
    5.ต้องให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวต่างๆ  สำรวจดูว่าในกลุ่มทัวร์ ใน #โรงแรม ในสถานที่ท่องเที่ยวมีรายงานผู้เจ็บป่วยหรือไม่ หากมีต้องรีบแจ้งต่อ War room กระทรวงสาธารณสุข
    6.ต้องเร่งประสานงานกับกระทรวงต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจ เพราะหากการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในระยะยาว จะ #ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน จำคราวที่เกิด SARS ระบาดในปี 2002-2003 ได้หรือไม่ ครั้งนั้นทุกคนแตกตื่น ไม่มีใครกล้าออกไปอยู่ในที่ที่มีคนรวมกันอยู่มากๆ ห้างร้านต่างๆ ตามศูนย์การค้า ตามตลาด ตามสถานที่ท่องเที่ยวกลายเป็นป่าช้า ธุรกิจหลายรายได้รับผลกระทบอย่างยิ่ง  โรคติดต่อที่มีแนวโน้มติดต่อทางลมหายใจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้าส่ง ค้าปลีก รวมทั้งภาคบริการต่างๆ โรงแรม ร้านอาหาร สปา นวด จะได้รับผลกระทบ หากเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ป้องกันจนไม่เกิดผู้ป่วยรายใหม่ได้ เราน่าจะต้องใช้การรับมือที่ดีนี้เป็นจุดขายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น เราจะมี #มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาได้อย่างไร คงต้องให้ #กระทรวงด้านเศรษฐกิจช่วยกันวางแผน.
    (พรุ่งนี้ว่ากันต่อครับว่าแผนนี้ยังต้องมีอะไรเสริมให้ครบถ้วนอีกบ้าง)


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"