สัปดาห์ที่แล้วมันมีปรากฏการณ์แปลกเกิดขึ้น 
    ระหว่างที่โลกกำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 
    มีคนไทยอยู่กลุ่มหนึ่ง โหยหา นายทักษิณ ชินวัตร
    ประมาณว่า.... 
    ถ้ามีนายกฯ ชื่อทักษิณ ไวรัสนรกสายพันธุ์นี้จะถูกขจัดไปจากประเทศไทยอย่างรวดเร็ว
    จะมีการบริหารจัดการกับโรคอย่างมีประสิทธิภาพ 
    แล้วคนกลุ่มที่ว่าเป็นใคร?
    พวกที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่
    กลุ่มสนับสนุนทักษิณ
    กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย พวกอยากเลือกตั้ง กระสันอยากเป็นผู้นำมวลชน
    ต่างพากันโหยหาทักษิณ
    แล้วยุคทักษิณ มีการรับมือโรคระบาดได้ดีเยี่ยมจริงหรือ?
    ถึงได้คิดถึงกันมากขนาดนั้น 
    ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันได้ดีเท่านำข่าวเก่าๆ ช่วงการระบาดของไข้หวัดนกมาจับโกหกพวกโหยหาทักษิณอีกแล้ว 
    ....นายเดวิด เบิร์น กรรมาธิการด้านสาธารณสุขของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ให้ตัวแทนเรียกเอกอัครราชทูตไทยไปตำหนิอย่างรุนแรงว่า "ปกปิด" ข้อมูลไข้หวัดนก 
    เพราะในช่วงระหว่างวันที่ ๑๘  มกราคม ๒๕๔๗ ที่นายเบิร์นเดินทางมาเยือนไทยนั้น นายเบิร์นได้รับการยืนยันหนักแน่นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าไทยไร้ไข้หวัดนก 
    ทำให้ต่อมานายเบิร์นได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่ามั่นใจในมาตรฐานด้านอาหารของไทย
    แต่ในวันที่ ๒๓ มกราคม หลังจากนายเบิร์นเดินทางกลับไปแล้ว ทางการของไทยออกมายอมรับว่ามีไข้หวัดนก จึงทำให้นายเบิร์นถูกสื่อมวลชนในยุโรปเสนอข่าวโจมตี ทำให้เครดิตของนายเบิร์นที่จะคุ้มครองผู้บริโภคของอียูเสียหายไปด้วย
    นี่เองจึงทำให้นายเบิร์นไม่พอใจอย่างมาก ถึงกับกล่าวว่า "รู้สึกว่าไม่ได้รับเกียรติจากรัฐบาลไทย จึงหมดความไว้วางใจรัฐบาลไทย"
    ในรายละเอียดของการตำหนินั้น ทางกรรมาธิการอียูใช้คำว่า Large scale coverup (การปกปิดอย่างกว้างขวางหรือขนานใหญ่)
    ส่งผลให้อียูแบนไก่ไทยเป็นเวลา ๖ เดือน
    ไม่นับรวมญี่ปุ่น ที่ผู้นำของไทยเคยย้ำนักหนาว่าเป็นเพื่อนซี้กัน ได้ระงับนำเข้าทั้งไก่ต้มสุกและไก่สด....
    นั่นคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเกิดการระบาดของไข้หวัดนกปี ๒๕๔๗ ยุคที่นายกรัฐมนตรีชื่อทักษิณ ชินวัตร
    มาที่รัฐบาลเผด็จการทหารเบ็ดเสร็จลุงตู่ ฯลฯ ตามแต่จะเรียก จัดการกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างไรบ้าง  
    เอาง่ายๆ กลไกราชการที่ดูแลเรื่องโรคระบาดของไทยได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หลายปีติดต่อกัน เพราะเราได้บทเรียนจากไข้หวัดนกนั่นเอง 
    ฉะนั้นการรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของไทยมีประสิทธิภาพที่ WHO ให้การยอมรับ แถมยังแนะนำให้ประเทศอื่นทำอย่างไทย 
    ก็คงจะมีแต่ ส.ส.อนาคตใหม่บางคน พวกนักประชาธิปไตยจอมปลอมที่โหยหาทักษิณบางคน เท่านั้นที่หลับหูหลับตาไม่รู้ข้อมูลนี้
    แม้กระทั่ง "เฒ่าส้มหวาน" ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ยังแชร์ข่าวมั่วซั่วว่า...
    ....ก็แปลกที่คนยกย่องว่าจีนเสียสละมากที่ปิดประเทศเพื่อชีวิตของคนทั่วโลก แต่ไม่มีใครบอกว่าจีนปิดเพราะมีข้อต่อรองกับ WHO เรื่องการประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินของโลกหรือเปล่า เพราะหาก WHO  ประกาศเมื่อไร ก็อาจจะมีความจริงเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ของจีนออกมาให้คนตกใจเล่นก็ได้...Who knows!...
    นี่...ถึงขนาดให้ WHO อยู่ในขบวนการตบตาชาวโลกกันเลยอย่างนั้นหรือ
    ครับ...ที่น่ากลัวกว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก็พวกนี้แหละ.