เสรีภาพและโรคระบาด


เพิ่มเพื่อน    

      อือมม์ม์ม์...เล่นเอาเรื่อง โจรปล้นทอง เรื่อง พีเอ็ม 2 จุด 5 แทบชิดซ้ายตกคู ตกคลอง กันไปเลย  เมื่อเจอกับเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากเมืองจีน หรือไวรัสอู่ฮั่น หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก เรียกว่า...ขนาดอยู่ไกลไปถึงกำแพงเมืองจีน แต่ในเมื่อโลกยุคนี้ มันแทบไม่มีพรมแดน ไม่มีเส้นแบ่งใดๆ เอาไว้เลย โดยเฉพาะใน สังคมอินเทอร์เน็ต การแพร่ระบาดของ โรคหูแหก-ตาแหก มันเลยออกจะน่าขนลุก ขนพอง ซะยิ่งกว่า โรคไวรัสอู่ฮั่น ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า...

                                                                -------------------------------------------

      คือแม้เป็น โรคระบาด ที่มีคนไทยตกเป็นเหยื่ออยู่ประมาณ 4 ซ้า 5 ราย...แต่ถ้าเทียบกับโรคระบาดอย่าง โรคซาร์ส ที่เคยระบาดจากเมืองจีนอีกเหมือนกัน เมื่อช่วงเกือบ 20 ปีที่แล้ว หรือช่วงปี ค.ศ.2003 ช่วงนั้น...มันน่าจะน่าเกลียด น่ากลัว ซะยิ่งกว่าหลายต่อหลายเท่า ไม่ว่าในแง่จำนวนคนตาย ที่ปาเข้าไปเกือบพันราย (774 ราย) จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ต้องสงสัยต้องเฝ้าระวัง ที่มากมายมหาศาลกว่า  โรคอู่ฮั่น ไม่รู้กี่ช่วงตัว เพราะตัวเลขล่าสุด เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ม.ค) จำนวนคนตายด้วยโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 40 กว่าราย ผู้ที่ติดเชื้ออยู่ในราว 1,000 กว่าๆ โดยถ้าดูจากมาตรการชนิดเข้มข้น เฉียบขาด ของรัฐบาลจีน ที่ถึงขั้นปิดบ้าน-ปิดเมือง ไปเป็นแถบๆ ทั้งโปร่งใส ทั้งไม่คิดปิดบังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย โอกาสที่น่าจะ เอาอยู่ ก็คงพอเป็นไปได้อีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้...

                                                                 ------------------------------------------

      แต่สำหรับ โรคหูแหก-ตาแหก แล้ว...โอกาสที่จะ เอาอยู่ น่าจะลำบากมิใช่น้อย โดยเฉพาะประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่แม้อยู่ภายใต้ฝ่าเท้า ฝ่าตีน ของ เผด็จการ มาเกือบครึ่งค่อนทศวรรษ แต่อะไรต่อมิอะไร...มันออกจะ เสรี ซะเหลือเกิน แถมไม่ได้ หูแหก-ตาแหก โดยความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอีกต่างหาก แต่พร้อมเสมอที่จะหันมา แง้บรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โจรปล้นทอง เรื่อง พีเอ็ม 2 จุด 5 รวมไปถึงเรื่อง ไวรัสอู่ฮั่น ต่างก็สามารถหยิบมาใช้เป็นวัตถุดิบ เป็นเงื่อนไขและเหตุปัจจัย ในการเล่นงาน รัฐบาลบิ๊กตู่ ได้ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี...

                                                                    ------------------------------------------

      และสำหรับ รัฐบาลบิ๊กตู่ นั้น...ไม่ว่าช่วงที่ยังเป็น เผด็จการละมุนภัณฑ์ หรือช่วงที่แปลงสภาพมาเป็น ประชาธิปไตยกระด้างภัณฑ์ ก็ดูจะยังคงความเป็น เสรี เอาไว้แบบชนิดเสมอต้น เสมอปลาย  คือพร้อมให้ใครต่อใครด่าเช้า ด่าเย็น แถมรอบสาย รอบบ่าย โดยไม่คิดมูลค่า ไม่คิดเก็บภาษีไม่ว่าจะเป็น ข่าวจริง-ข่าวปลอม ปล่อยให้ใครใคร่ค้า-ค้า ใครใคร่ขาย-ขาย ใครใคร่ปลอม-ปลอม เจ้าเมืองบ่เอาจังกอบ ไพร่ฟ้าเลยหน้าเหลือง หน้าเขียว ไปตามๆ กัน เรื่อง ไวรัสอู่ฮั่น ที่นอกจากจะแพร่ระบาดจากเมืองจีนโน่น เลยกลายเป็นเรื่องที่กลับส่งผลให้รัฐบาลไทย ชักเริ่มออกอาการมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก  หายใจเหนื่อยหอบ ชนิดแทบไม่ต่างไปจากผู้ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ไปแล้วก็ว่าได้...

                                                                       --------------------------------------------

      คือถ้าเทียบกับยุค โรคซาร์ส แล้ว...มันยังไม่ถึงกับ หูแหก-ตาแหก เท่านี้ อาจเพราะช่วงนั้น  สังคมโซเชียล มีเดีย มันยังไม่ถึงกับกว้างขวาง ใหญ่โต อะไรมาก แต่มาถึงยุคนี้...ยุคที่ผู้ใช้บริการ เฟซบุ๊ก มากที่สุดในโลก อยู่ที่กรุงเทพมหานครของเรานี่เอง ยุคที่ผู้ซึ่งใช้เวลาไปกับอินเทอร์เน็ตเทียบเป็นรายชั่วโมง มากที่สุดในโลก ก็อยู่ที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาอีกนั่นแหละ อาการ หูแหก-ตาแหก ทั้งแบบบริสุทธิ์และไร้เดียงสา และทั้งแบบ มีงาน หรือมี วาระซ่อนเร้น ติดปลายนวมในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี มันเลยแพร่ระบาดหนักซะยิ่งกว่า โรคไวรัสอู่ฮั่น ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า...

                                                                        ------------------------------------------------

      แต่การที่ รัฐบาลบิ๊กตู่ ไม่ว่ายุคเผด็จการละมุนภัณฑ์ หรือยุคประชาธิปไตยกระด้างภัณฑ์...ท่านดูจะไม่ค่อยได้ให้ความสนใจต่อสิ่งเหล่านี้มากมายซักเท่าไหร่ จะด้วยเหตุเพราะความ ใจกว้าง หรือเพราะคิดว่าด่าก็ด่าไป แต่ยังไงๆ ย่อมไม่อาจโค่นล้มรัฐบาล ไม่ว่าช่วงที่มีกองทัพหนุนหลังอยู่ทั้งกองทัพ หรือช่วงที่ได้กลายเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากโดยมีลิงกินกล้วย และงูเห่าพร้อมเลื้อยรัดไว้อีกด้วย ได้โดยเด็ดขาด ท่านเลยอาจไม่คิดถือสา หาความ หรือไม่ ประการใด ก็ยากจะคาดเดาได้ การแพร่ระบาดของสิ่งเหล่านี้ มันเลยยิ่งมาแรง แซงโค้ง ยิ่งหนักข้อเข้าไปทุกที...

                                                                         ------------------------------------------------

      แต่ก็นั่นแหละ...แม้การแพร่ระบาดของอะไรต่อมิอะไรในโลกโซเชียล มีเดีย หรือโลกเสมือนจริงนั้น มันคงไม่อาจโค่นล้ม เล่นงานผู้ที่อยู่ในโลกแห่งความจริงอย่างรัฐบาลได้ง่ายๆ แต่การที่มันได้ก่อให้เกิดการเบี่ยงเบน บิดเบือน สิ่งต่างๆ ไปจากสิ่งที่เป็นจริง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จนทำให้ผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อย ออกจะยากลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในการ แยกถูก-แยกผิด หรือกระทั่ง แยกดี-แยกชั่ว อันนี้...ก็เป็นอะไรที่น่าห่วง น่าหนักใจ มิใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมองไปถึง ภาพรวม ถึงสังคมและประเทศชาติที่จำนวนผู้ไม่รู้ผิด-รู้ถูก ไม่รู้ดี-รู้ชั่ว อาจทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โอกาสจะไปควานหา ประชาชนผู้มีธรรม อันถือเป็นพื้นฐานสำคัญของ ระบอบประชาธิปไตย ดังที่ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเคยเน้นย้ำไว้ว่า ต้องอาศัยแต่ ประชาผู้มีธรรม เท่านั้น มันถึงจะไม่กลายสภาพเป็น ประชาธิป...ตาย ได้จริงๆ ก็น่าจะยิ่งลำบาก ยากเย็น ยิ่งขึ้นไปใหญ่...

                                                                         -----------------------------------------------------

      เพราะภายใต้สภาวะที่ปวงชนชาวไทยไม่รู้ผิด-รู้ถูก ไม่รู้ดี-รู้ชั่ว ทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ...ไม่ว่าจะ  เลือกตั้ง ซักกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง โอกาสที่ พรรคเทวดา หรือ พรรคนางฟ้า จะนอนมานั้น น่าจะยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ไม่ต่างไปจากการเลือกตั้งใน นรก นั่นแหละพรรคที่จะมีโอกาสแลนด์สไลด์ แอฟวะลานช์ ได้คะแนนนิยมแบบถล่มทลาย น่าจะได้แก่ประเภท พรรคอสูร พรรคมาร หรือ พรรคซาตาน ฯลฯ นั่นแหละมากกว่า จนสุดท้าย...ประชาธิปไตยไม่ว่าแบบไหน ลักษณะไหน ก็อาจต้อง...ตาย...กันอีกจนได้!!!

                                                                            -----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Burke (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)...What is liberty without wisdom  and without virtue? It is the greatest of all possible evils. - เสรีภาพที่ปราศจากปัญญาและคุณธรรม จะต่างอะไรไปจากความชั่วที่ร้ายกาจที่สุด...”

                                                                          ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"