ไวรัสโคโรนากับผลกระทบ ศก.


เพิ่มเพื่อน    


    
    เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนได้รับข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-n-CoV) สาเหตุของโรคปอดอักเสบที่น่ากลัว โดยว่ากันว่าต้นตอมาจากเมืองสำคัญของจีน อย่าง “อู่ฮั่น” โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทั่วโลก นั่นเพราะเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถ “ติดต่อจากคนสู่คน” ได้ และจากข้อมูลพบว่ามีผู้ป่วยทั่วโลกติดเชื้อแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนมีการพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อดังกล่าวในประเทศไทยด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากจีนนั่นเอง!

    หลายคนยังสงสัยกันว่า “ไวรัสโคโรนา” คืออะไร โดยจากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี)  ระบุว่า ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสกลุ่มใหญ่ที่ปกติพบในสัตว์ แต่ในบางกรณีอาจเกิดการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน ซึ่งแม้มีโอกาสเกิดขึ้นไม่มาก แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยง และเมื่อคนติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจแล้ว อาจทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบ หรือปอดอักเสบ โดยผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับเป็นหวัด อาจมีอาการไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ปวดศีรษะ หรือเป็นไข้ ขณะที่ส่วนไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบนี้ถูกจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับไวรัสโคโรนาที่เป็นต้นเหตุของซาร์สหรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ซึ่งเคยระบาดหนักในปี 2546
    ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อหลายพันราย ในหลายประเทศทั่วโลก และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ มีข้อมูลจากผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษ สกอตแลนด์ และฟลอริดา ได้คาดการณ์ว่าในอีก 10 วันข้างหน้า หรือต้นเดือนก.พ.2563 จะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงถึง 2.5-3.5 แสนคนในเมืองอู่ฮั่น
    ได้มีข้อสงสัยและคำถามมากมายเกี่ยวกับต้นตอการเกิดขึ้นของเชื้อไวรัสที่น่ากลัวนี้ ว่ามีแหล่งที่มา หรือสาเหตุมาจากอะไร โดยมีการรายงานเบื้องต้น ระบุว่า เชื้อไวรัสโคโรนาน่าจะเกิดมาจากตลาดค้าส่งอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น  มณฑลหูเป่ยของจีน แต่สาเหตุหรือสัตว์พาหะที่แท้จริงยังไม่มีการระบุแน่ชัด ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเพียงว่าน่าจะมาจากสัตว์ เพราะนอกจากตลาดอู่ฮั่นจะค้าอาหารทะเลแล้ว ยังมีการซื้อขายสัตว์ เช่น ไก่ ค้างคาว กระต่าย งู ซึ่งอาจเป็นแหล่งต้นตอของการแพร่ไวรัสได้เช่นกัน
    แน่นอนว่า “เชื้อไวรัสโคโรนา” ไม่เพียงสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว ยังส่งผลกระทบในมุมของเศรษฐกิจอีกด้วย นั่นเพราะหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ที่ต้องเร่งออกมาตรการป้องกัน ขอความร่วมมือ และแนะนำในการดูแลตัวเอง เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่กระจายลุกลามขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น  ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคในแง่ของเศรษฐกิจ แต่เพราะมีความจำเป็นและสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสดังกล่าวลุกลามมากไปกว่านี้ หลายฝ่ายก็พร้อมและเร่งดำเนินการโดยทันที
    โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทย ในปี 2563 ไว้ 2 กรณี ได้แก่ 1. การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ภายใต้สถานการณ์ที่ทางการจีนสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว กรณีนี้มองว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะสั้น ในกรอบเวลาไม่เกิน 1 เดือน โดยอาจส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองอู่ฮั่น แต่ไม่น่าส่งผลกระทบถึงภาพรวมของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทย ทำให้ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ยังคงกรอบเป้าหมายเดิม ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยในปีนี้ ประมาณ 11.10-11.30 ล้านคน
    ส่วนกรณีที่ 1 การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ขยายระยะเวลาเป็น 1-3 เดือน ซึ่งกรณีนี้จะเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทย แม้จะยังไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศไทย หรือประเทศอื่นๆ แต่จากระยะเวลาการแพร่ระบาดที่นานขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจจีนและสะท้อนกลับมายังกำลังซื้อของชาวจีนในประเทศ รวมถึงบรรยากาศและความต้องการเดินทางท่องเที่ยวด้วย อีกทั้งชาวจีนบางส่วนอาจมีการปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย หรือไม่มีข่าวการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวมากกว่า
    โดยจากการประเมินในกรณีที่ 2 ทำให้ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” มองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยในปีนี้ จะลดลงเหลือ 10.94-10.77 ล้านคนเท่านั้น หรือลดลงประมาณ 0.5-2.0%.

ครองขวัญ รอดหมวน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"