"บิ๊กช้าง" ดอดรายงานตัวที่ ศปก.ตร.แล้ว ต้องลงชื่อเข้าทำงาน เข้า-ออกทุกวันตามเวลาราชการ "วิษณุ" เผยหนังสือเตือน "บิ๊กโจ๊ก" ไม่ใช่เรื่องของทางตำรวจ แต่เป็นเรื่องของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สะพัดจับได้แล้วมือปืนยิงรถ "สุรเชษฐ์"
เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 28/2563 ให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)? ว่าเป็นเรื่องภายในของ สตช. ไปอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการฯ เป็นการใช้อำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องของความเหมาะสม โดยไม่ได้มีการสอบสวนอะไร
แต่กรณีที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ เป็นการชั่วคราว โดยจะมีกรอบระยะเวลาไม่นาน เนื่องจากยังมีการสอบสวนอยู่ที่สำนักงานตำรวจฯ เพื่อให้สะดวกต่อการสอบสวน เว้นแต่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ตรงนี้เป็นการอาศัย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ จึงเป็นอำนาจของนายกฯ พิจารณา ไม่ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี และไม่ต้องโปรดเกล้าฯ และยังไม่พ้นจากตำแหน่ง ถือว่าเป็นการมาแค่ตัว แต่ยังรับเงินเดือนที่สังกัดเดิม ซึ่ง พล.ต.อ.วิระชัยก็รับทราบคำสั่งดังกล่าวดังกล่าวแล้ว
รองนายกฯ กล่าวว่า ส่วนคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2563 ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2563กำชับให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการนั้น เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนและการสอบสวนไม่ใช่เรื่องของทางตำรวจ แต่เป็นเรื่องของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ยังสอบอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่มีการร้องเรียนที่ชัดเจนมากพอ ดังนั้นคำสั่งจึงเป็นการเตือนและปราบไว้ก่อนเท่านั้น
"ไม่ได้มีการลงโทษอะไร ซึ่งเจ้าตัวรับทราบแล้ว และต้องระวังอย่าทำผิดวินัย การที่คำสั่งต้องระบุอะไรหลายอย่าง เพราะมีเรื่องร้องเรียนที่เข้าข่าย จึงต้องเตือนให้รู้ตัว และการปฏิบัติหน้าที่ของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็ไม่มีรถและเงินเดือนประจำตำแหน่ง ไม่มีสิทธิอะไร เมื่อมาอยู่ตรงนี้ ปลัดสำนักนายกฯ ได้มอบหมายงาน และจะลดการมอบหมายลงไประยะหนึ่ง ก่อนจะพิจารณาว่าจะคืนงานกลับให้หรือไม่ค่อยว่ากันอีกที"
นายวิษณุกล่าวว่า ที่มีคำถามว่าทำไมถึงไม่เตือนที่เจ้าตัว แต่ออกเป็นคำสั่ง เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจที่อ้างตามกฎหมายและต้องการส่งสัญญาณไปถึงหลายคนเพื่อให้รับทราบเอาไว้ และที่ผ่านมาก็เคยมีการเตือนในลักษณะนี้ แต่เป็นระดับอธิบดี จึงไม่ได้รับความสนใจอะไรเหมือนกับกรณีนี้ที่นายกฯเป็นผู้บังคับบัญชาจึงต้องลงมาเซ็นเอง
ด้าน พล.ต.อ.พรหมธร ภาคอัต ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติงานที่ ศปก.ตร. ว่าภายหลังจาก พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ได้รับคำสั่งก็เดินทางมารายงานตัวลงและบันทึกประจำวันตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม เวลาประมาณ 12.00 น. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจาก พล.ต.อ.ชัยวัฒน์เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตนก็ได้มอบหมายให้ทำงานด้านรวบรวมข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ ที่รายงานมายัง ศปก.ตร. เพื่อเสนอให้ ผบ.ตร.รับทราบและมีคำสั่งพิจารณาสั่งการในเรื่องต่างๆ ซึ่งการทำงานของ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ จะต้องลงชื่อเข้าทำงาน เข้า-ออกทุกวันตามเวลาราชการ โดยในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม คงจะได้เริ่มทำงานอย่างจริงจัง
มีรายงานความคืบหน้าคดีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส สีขาว หมายเลขทะเบียน 9 กจ 351 กทม. ของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) และอดีต ผบช.สตม. ฝั่งประตูรถมุมล่างด้านซ้าย บริเวณลานจอดรถหน้าร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่ง ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีใครอยู่ในรถนั้นว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว และส่งทีมสืบสวนเฝ้าติดตาม เพื่อรอรวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายจับอีกครั้ง
"หากทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมตัวทันทีภายในสัปดาห์นี้ และจะนำตัวให้ผู้บังคับบัญชาสอบสวนแถลงข่าว รวมทั้งในการสืบสวนทางลับยังพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้บงการคนร้ายก่อเหตุยิงรถบิ๊กโจ๊กครั้งนี้ด้วย" แหล่งข่าวระบุ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ปฏิเสธว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ แต่มีความคืบหน้าในการติดตามตัวไปมาก โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวนทางคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ไล่ติดตามภาพจากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่จุดเกิดเหตุไปจนถึงฝั่งธนบุรีแล้ว หากตำรวจพบเส้นทางที่แน่ชัด ก็จะไล่ไปจนถึงที่พักของคนร้ายให้ได้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ได้ล็อกเป้าตัวผู้ต้องสงสัยตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะเป็นการจัดฉากหรือไม่ เบื้องต้นได้ตั้งข้อสังเกตไปว่า นับแต่เกิดเรื่องขึ้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไม่ได้มีความเป็นห่วงรถยนต์ตัวเองมากเท่าใด แต่กลับโยงไปถึงประเด็นการจัดซื้อครุภัณฑ์เทคโนโลยีตรวจอัตลักษณ์บุคคลไบโอแมทริกซ์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ความคิดเห็นต่อผลงานตำรวจ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ต่อกรณีตำรวจสามารถจับคนร้ายปล้นยิงชิงทองที่ลพบุรีได้จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,062 คน ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่าง วันที่ 23-24 มกราคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา
พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.5 ทราบข่าวตำรวจจับคนร้ายปล้นร้านทองลพบุรีได้ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.9 ของคนที่ทราบข่าวมีความสุข พอใจ ที่ตำรวจรวบตัวคนร้ายได้ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ระบุคำคมตำรวจที่เป็นจริงคือ ร้อยละ 82.6 ระบุภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ และร้อยละ 81.3 ระบุหลับเถิดปวงประชา ตำรวจกล้าจะคุ้มภัย
ที่น่าสนใจคือ ผลเปรียบเทียบความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ระหว่างก่อนและหลังจับคนร้ายปล้นยิงชิงทองลพบุรี พบว่าความเชื่อมั่นของประชาชนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 91.0 ในช่วงก่อนจับคนร้าย มาอยู่ที่ร้อยละ 97.4 ในช่วงหลังจับคนร้ายได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |