31 ธันวาคม 2019 ทางการจีนแจ้งองค์การอนามัยโลกถึงการแพร่ระบาดของไวรัสก่อโรคปอดบวมสายพันธุ์ใหม่ ศูนย์กลางแพร่กระจายอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น (Wuhan) ในมณฑลหูเป่ย์ (Hubei Province) มีประชากรราว 11 ล้านคน
นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ว่า “2019-nCoV” เบื้องต้นสันนิษฐานว่าต้นตอมาจากตลาดอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น ตลาดนี้ไม่เพียงจำหน่ายอาหารทะเลเท่านั้น ยังเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
เนื่องจากไวรัสนี้จัดอยู่ในกลุ่มโคโรนาไวรัส ทำให้นึกถึงโรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome : SARS) ที่แพร่ระบาดหนักช่วงพฤศจิกายน 2002-กรกฎาคม 2003 มีผู้ติดเชื้อ 8 พันคน กว่า 30 ประเทศทั่วโลก เสียชีวิต 774 ราย ในตอนนั้นเขตเศรษฐกิจฮ่องกงที่ผู้คนอาศัยหนาแน่นต้องผวากับเชื้อดังกล่าวอย่างมาก เพราะสามารถแพร่จากคนสู่คน จีนกับฮ่องกงโดนโรคซาร์สเล่นงานหนัก
ไวรัสก่อโรคคล้ายปอดบวมที่กำลังพูดถึงในขณะนี้เป็นเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกับเชื้อโรคซาร์ส
เชื้อแพร่ระบาด คำถามที่รอคำตอบ :
ไม่นานหลังการระบาด ทางการจีนประกาศพบผู้ติดเชื้อปอดบวมสายพันธุ์ใหม่ ที่กรุงปักกิ่ง กวางตุ้งและอีกหลายเมือง เหตุเพราะผู้ป่วยเดินทางไปเมืองอู่ฮั่นต้นต่อการระบาด ไม่เพียงเท่านั้น หลายประเทศเริ่มประกาศพบผู้ติดเชื้อปอดบวมสายพันธุ์ใหม่ 3 ประเทศที่ยืนยันก่อนคือ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ การแพร่กระจายขยายวงกว้างออกไปถึงสหรัฐ เนปาล ฝรั่งเศส และยังแพร่ออกไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้องค์การอนามัยโลกชี้ว่าเร็วเกินไปที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) การแพร่ระบาดอยู่ในขั้นวิกฤติระดับประเทศยังไม่เป็นระดับโลก
เนื่องจากในเบื้องต้นนักวิทยาสตร์คิดว่าต้นตอของโรคมาจากการติดเชื้อจากสัตว์ จึงต้องสันนิษฐานก่อนว่าสัตว์อีกหลายตัวกำลังแพร่เชื้อให้มนุษย์ กำลังรีบศึกษาให้รู้ว่ามาจากสัตว์ชนิดใด ถ้ายังจำได้ในอดีตเราเคยสั่งห้ามกินไก่จากโรคระบาดไข้หวัดนก H5N1 และห้ามกินหมูจากการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 มาแล้ว
ที่น่าตกใจพอกันคือขณะนี้ยอมรับแล้วว่าเชื้อสามารถแพร่จากคนสู่คน ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าสามารถแพร่ผ่านลมหายใจ (จาม ไอ)
ในแง่การแพร่ระบาด นอกจากเรื่องการสกัดกั้นเชื้อ อีกเรื่องที่ควรติดตามคือจำนวนผู้เสียชีวิตว่ามีสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน
อาการและการป้องกัน :
อาการหลักเป็นกลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจ เช่น เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ในกรณีที่อาการรุนแรงอาจเป็นโรคปวดบวม ไตวาย และเสียชีวิต
เนื่องจากเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ไม่มีงานวิจัยการฆ่าเชื้อสายพันธุ์นี้ จึงยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อโดยตรง การรักษาจะรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ แก้ไอ
มาตรการสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ “การป้องกันโรค” ประธานาธิบดีสี จิ้งผิง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยฉับไวเป็นวิกฤติชาติ จีนประกาศใช้ทุกวิถีทางเพื่อควบคุมโรคระบาดจากเชื้อปอดบวมสายพันธุ์ใหม่ หนึ่งในมาตรการคือขอให้คนจีนทั่วประเทศป้องกันตนเองให้มากที่สุด ให้ระวังว่าเชื้อสามารถติดต่อจากคนสู่คน ที่กังวลมากคือเกรงว่าการหยุดเทศกาลตรุษจีนผู้คนเดินทางกลับบ้านเกิด เดินทางไปมาจำนวนมาก อาจเป็นเหตุแพร่เชื้อ ด้วยเหตุนี้ หนึ่งในมาตรการที่จีนใช้คือจำกัดการเดินทางในเมืองควบคุมโรค โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างเมือง ด้วยการระงับเครื่องบิน รถไฟ การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ระบบขนส่งมวลชนที่ลำเลียงคนพร้อมๆ กันจำนวนมาก ระงับกิจกรรมสาธารณะ เจ้าหน้าที่ผู้ให้การรักษาพยาบาลสวมชุดป้องกันเต็มตัว
นอกจากเมืองอู่ฮั่นแล้ว จีนประกาศควบคุมการเดินทางเพิ่มอีกหลายเมือง
พร้อมกับข่าวการแพร่ระบาดที่ทวีความรุนแรง หลายประเทศควบคุมเข้มงวดมากขึ้น สนามบินหลักทั่วโลกเพิ่มมาตรการตรวจสอบ ใช้เครื่องตรวจจับอุณหภูมิ ตรวจสอบอาการ เช่น ไอ หายใจลำบาก
ไต้หวันออกมาตรการใครรู้ตัวว่ามีอาการแต่ไม่รายงานมีโทษปรับ 150,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 150,000 บาท)
โดยรวมแล้วนานาชาติตื่นตัวมาก ระดมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสกัดเชื้อร้ายไม่ให้เข้าประเทศ คุมเข้มด่านตรวจคนเข้าเมือง สนามบินนานาชาติ
ในขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกกำลังเร่งศึกษาเชื้อไวรัสตัวนี้ มีเรื่องอีกมากที่ต้องเข้าใจ เช่น เชื้อติดต่ออย่างไร ผ่านสัตว์ไหม ผ่านนก หมู ไก่ ฯลฯ เพราะมาตรการสำคัญที่สุดตอนนี้คือการป้องกันการแพร่เชื้อ การป้องกันและสกัดโรคที่ดีและทุกคนทำได้คือ ระวังตัวเอง ไม่พยายามพาตัวเข้าพื้นที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อ พื้นที่เชื้อกำลังแพร่ระบาด ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม หลีกเลี่ยงไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วยหรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีป้องกันว่า “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงพื้นที่คนหนาแน่น สวมใส่หน้ากากอนามัยช่วยได้”
หากพบผู้เจ็บป่วยอาการใกล้เคียงควรพาไปสถานพยาบาลใกล้ตัวมากที่สุดทันที
ตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตระหนก :
ดังที่เคยนำเสนอในบทความก่อนว่าการตื่นตระหนกส่วนหนึ่งมาจากการเทียบกับเหตุร้ายในอดีต เทียบกับไข้หวัดใหญ่ระบาดในปี ค.ศ.1918 ที่คร่าชีวิตถึง 40 ล้านคน อีกส่วนเกิดจากการเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ มนุษย์ขาดความรู้เชื้อชนิดใหม่นี้ยังไม่มีวัคซีนหรือยาที่ใช้ป้องกันรักษา เป็นเหตุให้ผู้คนกังวลใจไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่แน่ใจในอนาคต
ครั้งโรคซาร์สระบาดเป็นข่าวดังทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตเกือบ 800 คน จำนวนนี้นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับโรคติดต่ออื่นๆ อย่างเช่น โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่าครึ่งล้านคนแล้วในปีเดียวกันนั้น การเสียชีวิตจากโรคมาเลเรีย วัณโรค โรคเอดส์ปีละหลายแสนคน ฃ
แต่ต้องยอมรับว่าการระบาดแต่ละครั้งก่อผลทางเศรษฐกิจ ในเหตุโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2002-03 ถ้าไม่นับผู้เสียชีวิต 774 ราย เข้าโรงพยาบาลเกือบหมื่น งานศึกษาจาก Australia's Griffith University ประเมินว่าเสียหายทางเศรษฐกิจ 30,000-100,000 ล้านดอลลาร์ การป้องกันสกัดไว้แต่แรกจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ลดความสูญเสียทั้งชีวิตกับเศรษฐกิจมากที่สุด ทุกประเทศทุกคนต้องร่วมมือกัน แม้เป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ แต่นักวิทยาศาสตร์ วงการสาธารณสุขมีพื้นความรู้ไวรัสตัวนี้ เพราะใกล้เคียงกับไวรัสโรคซาร์ส ที่สำคัญคือขอให้ทุกคน “ตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตระหนก” เพราะก่อนหน้านี้ทางการจีนกับนานาชาติมีประสบการณ์ต้านโรคซาร์ส ไข้หวัดนก ฯลฯ มาแล้ว
เป็นอีกครั้งที่ปรปักษ์ของจีนไม่ใช่ประเทศใด แต่คือเชื้อโรค ภัยคุกคามนานาชาติไม่ใช่แค่ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ อาชญากรระหว่างประเทศ ยาเสพติด ภาวะโลกร้อน แต่เป็นเชื้อโรคร้ายที่ทำลายเศรษฐกิจ สุขภาพ ชีวิต วิถีการดำเนินชีวิต.
----------------------
ภาพ : การป้องกันไวรัสอู่ฮั่น
ที่มา : https://www.facebook.com/prayutofficial/photos/pcb.766422877186663/766435533852064/?type=3&theater
----------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |