พอตัวเลขคนตายกระโดดจาก 9 เป็น 17 และพุ่งไปที่ 25 จากโรคระบาดโคโรนาไวรัสที่เมืองจีนเมื่อวาน อีกทั้งจำนวนคนติดเชื้อก็วิ่งไปที่ 830 อย่างรวดเร็ว ทั้งโลกก็ลุกขึ้นเกาะติดสถานการณ์อย่างร้อนแรง
ตรุษจีนปีนี้ คนจีนและผู้คนหลายประเทศต่างหวาดผวาเรื่องโรคระบาดโคโรนาไวรัสกันไปทั่ว
ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์อยู่นี้เป็นเช้าวันศุกร์ ทางการจีนสั่งปิดไปแล้วสองเมืองคือ อู่ฮั่น (ประชากร 11 ล้าน) กับหวงกาง (7 ล้าน) ที่อยู่ใกล้กันในมณฑลหูเป่ย์และเมืองเอ้อโจว (1.5 ล้าน) ที่อยู่ใกล้เคียงกันในภาคกลางของประเทศ
รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งสั่งให้ยกเลิกกิจกรรมฉลองปีใหม่ไปหลายงาน เพราะกลัวว่าหากมีผู้คนมาเฉลิมฉลองกันมากโอกาสติดเชื้อจะสูง และอาจทำให้สถานการณ์เสื่อมทรุดลงไปได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งมีการแพร่ออกไปนอกประเทศจีน เช่น ไทย, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊า, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ก็ยิ่งทำให้เกิดความหวาดหวั่นสูงขึ้นทันที
วันก่อนผมไปเยี่ยม War Room ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของไทย เห็นความพร้อมของทีม "นักรบโรคระบาด" แล้วก็เบาใจไปได้ส่วนหนึ่ง
แต่คุณหมอธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมนี้ที่ผ่านศึกสู้โรคระบาดระดับโลกมาหลายรอบตั้งแต่ซาร์ส, หวัดนก, เมอร์สจากตะวันออกกลางและหวัดนก บอกว่า "ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด"
การที่เจ้าหน้าที่จีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่นและหวงกาง ห้ามคนเข้าออก ระงับบริการขนส่งมวลชนและเตือนไม่ให้คนออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น แสดงว่าสถานการณ์ค่อนข้างจะน่าเป็นห่วงจริง ๆ
รายงานครั้งแรกจากอู่ฮั่นที่เจอผู้ติดเชื้อรายแรกที่ตลาดอาหารทะเลวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงสาธารณสุขไทยต้องตั้งด่านตรวจที่สนามบินทันที และพอถึงวันที่ 3 มกราคมก็พบผู้ติดเชื้อรายแรกที่เป็นคนจีนจากอู่ฮั่น
จากนั้นก็เจออีก 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นคนไทย แต่ก็รักษาหายได้ 2 คน ปล่อยให้กลับบ้านได้ เหลืออีก 2 คนที่กำลังถูกเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
เดิมทีกลัวกันว่าในช่วงตรุษจีนจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนทะลักเข้ามา ทำให้โอกาสแพร่เชื้อนี้ได้รวดเร็วและกว้างขวาง เพราะอู่ฮั่นมีเที่ยวบินตรงถึงกรุงเทพฯ และภูเก็ตกับอีกหลายจังหวัด จึงกลายเป็นจุดอ่อนไหว
แต่ทางการจีนไหวตัวทัน ประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นก่อน และหนึ่งวันต่อมาก็สั่งปิดเมืองหวงกางที่อยู่ใกล้กับอู่ฮั่นอย่างฉับพลัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเร็วเกินกว่าที่จะควบคุมได้
อู่ฮั่นเป็นเมืองใหญ่ มีความทันสมัยอย่างมาก เป็นศูนย์อุตสากรรม, นวัตกรรม, การศึกษาและการขนส่ง ฝรั่งบางคนเปรียบเทียบเป็นชิคาโกของอเมริกาด้วยซ้ำไป
ก่อนหน้านี้รายงานหลายสำนักให้คะแนนคุณภาพชีวิตของคนอู่ฮั่นสูงกว่าถัวเฉลี่ยของเมืองใหญ่ๆ ของจีนอีกหลายแห่ง
แต่พอเกิดโรคระบาดครั้งใหม่นี้ก็ทำให้เกิดความตระหนกพอสมควร
ปี 2002 ตอนที่เกิด SARS (Severe Acute Respiratory Syndrome หรือโรคระบบหายใจเฉียบพลัน) นั้นมีคนตายถึง 774 และติดเชื้อกว่า 8,000 ราย
ดังนั้น พอโคโรนาไวรัสพันธุ์ใหม่นี้เป็นข่าวขึ้นมา ผู้คนก็ตกใจไม่น้อย เพราะอาการป่วยมีความละม้ายคล้ายกับซาร์สมาก
ยิ่งเมื่อมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ไวรัสตัวใหม่นี้ดูเหมือนจะแพร่จากคนสู่คนได้ก็ยิ่งทำให้เกิดความตื่นกลัวสูงขึ้น
แรกเริ่มที่มีข่าวเรื่องนี้ แพทย์ผู้เกี่ยวข้องบอกว่าเป็นไวรัสที่แพร่ผ่านค้างคาวเป็นหลัก ยังไม่แน่ใจว่าจะติดต่อผ่านคนได้
อีกทั้งมีรายงานจากห้องวิจัยว่า ต้นตอของโรคสายพันธุ์ใหม่นี้อาจจะเป็นงูเห่าและงูสามเหลี่ยมที่เป็นอาหารจานพิเศษของคนจีนที่อู่ฮั่น
เจ้าหน้าที่สั่งปิดร้านอาหารนั้นไปแล้วอย่างฉับพลัน
หากแพร่จากคนสู่คนแล้ว การตั้ง War Room ในประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องที่ตกตื่นเกินเหตุอย่างแน่นอน
ขณะที่เขียนอยู่นี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้มีมติชัดเจนว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับไวรัสตัวใหม่นี้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะมีคำประกาศเช่นนี้ออกมาหรือไม่ การตั้งหลักคัดกรองนักท่องเที่ยวจากจีนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
เศรษฐกิจปีนี้ทำท่าจะย่ำแย่อยู่แล้ว พอเราเจอกับฝุ่นพิษ PM2.5 ซ้ำเติม คนไทยก็ยิ่งตกอยู่ในสภาวะเปราะบาง
หากไม่ป้องกันไวรัสโคโรนาตัวใหม่นี้ให้เข้มข้น พลาดท่าเสียทีโดนโจมตีซ้ำเติมเข้า จะหมดสภาพได้จริงๆ กันเลยทีเดียว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |