เสียบบัตรอัปยศ


เพิ่มเพื่อน    

          พูดถึงเรื่องการสำนึกผิด เรามักได้ยินเสมอหลังมีการก่ออาชญากรรมขึ้น

                "กอล์ฟโจรเหี้ยม" ก็เช่นกัน

                เสียใจ ขอโทษ คำพวกนี้ ไม่มีใครรู้ว่าออกมาจากจิตใต้สำนึกจริงหรือไม่ นอกจากเจ้าตัว

                เช่นเดียวกัน ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ที่เป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงชนิดหนึ่ง

                ก็จบด้วยคำว่า เสียใจ ขอโทษ เช่นกัน

                แต่มันก็เกิดซ้ำซาก

                เพราะนักการเมืองไร้สำนึก

                เมื่อปี ๒๕๕๖ ระหว่างสภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.

                ที่เรียกกันติดปากว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ ๒ ล้านล้านบาท

                "นริศร ทองธิราช" ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กระทำการอันอัปยศ ด้วยการเสียบบัตรลงคะแนนแทน ส.ส.คนอื่น

                เรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ

                ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า...

                .....เห็นว่า การกระทําดังกล่าวนอกจากจะเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงําใดๆ และต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๒ แล้ว ยังขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิญาณตนไว้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๓ และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๖ วรรคสาม ที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนน มีผลทําให้การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้นเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย

                เมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลให้ร่างพระราชบัญญัติให้อํานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้.......

                นั่นคือบรรทัดฐานที่ศาลวินิจฉัยเอาไว้

                มีคนถามว่า แล้วการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๓ จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะมีคนเสียบบัตรแทน "ฉลอง เทอดวีระพงศ์" ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย

                แม้ลักษณะของการเสียบบัตรแทนกัน ยังไม่ชัดเจนว่าเหมือนกันหรือไม่ 

                เพราะกรณี "นริศร ทองธิราช" นั่นนำบัตรของ ส.ส.ผู้อื่น ๔-๕ คน มาเสียบแทน

                กรณี "ฉลอง เทอดวีระพงศ์" เจ้าตัวไม่อยู่ในสภาฯ แต่บัตรอยู่ในสภาฯ และมี ส.ส.รายอื่นเสียบแทน

                แต่...พฤติการณ์ก็แทบไม่ต่างกัน เพียงแต่ยังหาตัวไม่ได้ว่า ใครเป็นผู้เสียบบัตรแทน

                นี่คือความฉ้อฉลอย่างไร้ยางอายที่ ส.ส.ก่อขึ้น

                และคงจะทำกันมาต่อเนื่องนับแต่มีการลงคะแนนด้วยวิธีใช้บัตรลงคะแนน แทนการยกมือ

                เป็นความอัปยศที่ต้องลงโทษให้ถึงที่สุด

                ทางออกสำหรับรัฐบาลมีอยู่ทางเดียว เร่งส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๓ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

                หาทางแก้ปัญหาแต่เนิ่นๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กระทบกับคนไทยทั้งชาติ

                หากศาลวินิจฉัยว่าขัด รัฐบาลจะออก พ.ร.ก.งบประมาณ ก็ต้องรีบทำ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น

                สำหรับ ส.ส. ถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปตัวเอง หัดรู้สึกรู้สากันเสียบ้าง โลกมันเปลี่ยนไปมากแล้ว

                ลองมองย้อนกลับไปดู ประเทศฉิบหายเพราะพวกท่านมากี่ครั้งแล้ว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"