'หมอกัมปนาท' เตือนสื่อทีวีหยุดละเมิดสิทธิเด็ก สัมภาษณ์นักเรียนโยงผอ.ฆ่าชิงทอง


เพิ่มเพื่อน    

23 ม.ค.63 - นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) ว่า กรณี ผอ.โรงเรียนฆ่าโหดชิงทอง ผมอาจจะมีแนวคิดสวนกระแส ไม่ถูกใจหลายๆคน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่านต่อนะครับ ท่านจะเสียเวลาเปล่าๆ วันนี้พอมีข่าวจับผู้ต้องหา​ได้ ไม่กี่ชั่วโมง เริ่มมีโทรศัพท์โทรมาสัมภาษณ์​ แต่ผมไม่ว่างรับสายครับ เพราะต้องทำมาหากิน แม้ช่วงว่างก็ไม่ให้สัมภาษ​ณ์เหมือนกัน แต่ก็ยังคงติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

... ก่อนหน้านี้ ผมและเพื่อนๆ เราก็วิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ตามวิสัยคนตามข่าวทั่วๆไป ก็็ไม่ได้แปลกอะไร..... แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ทำคือ.... วิเคราะห์ออกสื่อหรือสังคมภายนอก เพราะเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และไม่ได้รู้ดีไปกว่าที่อ่านตามข่าวเท่านั้น เราจึงเลือกคุยกันเฉพาะใน Social Media ที่มีความเป็นส่วนตัวระหว่างเรากับเพื่อนๆของเรา เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

... การตั้งสมมติฐานการทำคดีต่างๆของผู้ก่อเหตุ ก็ทำแค่เพื่อบริหารสมอง บริหารความคิด แล้วรอลุ้น รอเช็คตามตอนจับผู้ต้องหา​ได้แล้ว ก็คงตื่นเต้นดี เหมือนเล่นเกมแล้วลุ้นรางวัล ประมาณ​นั้นครับ ว่าจะทายถูกหรือไม่ ( แต่ต้องเรียนว่ามิใช่สนุกสนานกับเรื่องของความตายของผู้อื่นนะครับ... อย่าเพิ่งเข้าใจผิด)​

... การถูกใช้เป็นเครื่องมือของสื่อ ในฐานะบุคลากรวิชาชีพ เพื่อวิเคราะห์ที่มาที่ไปของบุคลิกภาพหรือ "สันดาน" ของมนุษย์ทึ่ถูกสังคมเกลียดชัง.... โดยที่ยังไม่ได้ฟังข้อสรุปจับต้นชนปลายให้ถูกต้องจากทางตำรวจเลย... เป็นสิ่งที่บุคลากรในวิชาชีพไม่ควรกระทำ... เพราะไม่แฟร์และละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น... อันนี้ขอพูดจากประสบการณ์ที่เคยทำงานตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่เคยตรวจสภาพจิตและวิเคราะห์สภาพจิตจากผู้ที่เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์ทั้งหลาย... ไม่ว่าผู้ก่อคดีเหล่านั้นจะมีความเจ็บป่วยทางจิตหรือไม่ได้เจ็บป่วยทางจิตก็ตาม

...สังเกตดูว่า แม้ ผบ.ตร.จะประกาศให้ใจเย็นๆ รอแถลงการณ์โดยขอเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อน เป็นสิ่งที่ดี (แต่ไม่ถูกใจสื่อและประชาชนจำนวนหนึ่ง)​

.... สำหรับผมชื่นชมทางตำรวจนะครับ ทั้งในเรื่องการทำงานที่รอบคอบ รัดกุม ใช้หลักวิชาการทางการสืบสวนสอบสวน แม้จะใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ยังมีนัก (มโน)​วิเคราะห์ สรรหาข้อมูลมาวิเคราะห์มั่วๆ บิดเบือนเต็มไปหมด ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของชาวเน็ตประเทศไทย.... ต้องทำใจครับ... แต่แอบสงสารผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่ยังถูกหยิบยกมาเกี่ยวข้อง (มั่วๆ)​ให้วิญญาณไม่สงบสักทีนึง

... นอกจากนี้สื่อทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักหรือพวกที่อยากเป็นสื่อเสียเอง.... ก็พยายามสรรหาข้อมูลต่างๆเอามาวิเคราะห์กันมั่วไปหมดโดยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่รายชั่วโมงเลยทีเดียวอ่านดูแล้วก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากความตื่นเต้นเร้าใจกันรายชั่วโมงเท่านั้น เพราะการสัมภาษณ์คนนี้ทีคนโน้นทีแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่หลากหลายโดยที่ไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นข้อมูลของความเป็นจริงหรือเป็นข้อมูลของความคิดเห็นหรือเป็นพวกตีไข่ใส่ข่าวให้ดูตื่นเต้นมากขึ้นหรือเปล่า

... แต่อันที่รับไม่ได้เลยก็คือสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ส่งผู้สื่อข่าวลงไปสัมภาษณ์เด็กนักเรียนตัวเล็กๆซึ่งยังแยกแยะเรื่องราวต่างๆได้ไม่เก่งได้ไม่เต็มที่และวุฒิภาวะการจัดการทางด้านอารมณ์ที่ยังไม่ดีพอ แล้วก็เอาภาพถ่ายเหล่านั้นมานำเสนอให้เป็นกรณีดราม่าสะเทือนใจของสื่อช่องนั้น... นำเสนอเรื่องราวความผิดหวังของเด็กๆซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ก่อเหตุ ท่านนี้....

.... ลักษณะของการกระทำของสื่อแบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นการล่วงละเมิดสิทธิเด็ก เพราะถ้าคุณ ตั้งคำถามบางอย่างที่ก่อให้เกิดความเสียใจหรือสะเทือนใจต่อเด็ก แล้วเด็กมีปัญหาเรื่องของการจัดการความผิดหวังตามมา.... ไม่ทราบว่าคุณจะรับผิดชอบต่อตัวเด็กอย่างไร

.... ผมมองว่าถ้าจะสัมภาษณ์คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขามีสิทธิ์และความสามารถ​ที่จะปกป้องตัวเองได้อย่างเต็มที่แล้ว อันนี้ก็ไม่ได้ห่วงมาก.... แต่การละเมิดต่อสิทธิของเด็กแบบนี้.... ผมไม่เห็นด้วยเลย น่าจะหยุดได้แล้วนะครับ

... อย่างไรก็ตามผมยังมองว่าการติดตามแค่ข้อมูลข่าวสารต่างๆโดยเฉพาะลำดับขั้นตอนที่ทางตำรวจได้ปฏิบัติแล้วนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ความรู้มากขึ้นและเป็นประเด็นที่ดี มากกว่าการที่จะไปวิเคราะห์อะไรมากมายเพราะบางทีก็วิเคราะห์กันผิดๆถูกๆ คนที่น่าจะวิเคราะห์ได้เหมาะสมที่สุดก็คือคนที่รู้ข้อมูลโดยละเอียดหรือคนที่เรียนมาทางด้านอาชญาวิทยา ส่วนตัวจิตแพทย์เองผมคิดว่าก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายหรอกนะครับ เพราะเราก็เรียนมาเรื่องจิตเวชศาสตร์และจิตวิทยาของมนุษย์ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตแต่เราไม่ได้เน้นทางด้านเรื่องของคดีความหรือไปคอยจับผิดอะไรใคร

... ความเห็นส่วนตัวมองว่า... ถ้าเราวางตนอยู่ในบทบาทของวิชาชีพของตัวเองได้อย่างเหมาะสมมันก็แสดงให้เห็นถึงการมีจริยธรรมในวิชาชีพและการมีจริยธรรมในวิชาชีพ... มันก็จะไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นด้วย แล้ว​สังคมของเราก็จะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงเพราะเป็นข้อมูลที่มาจากแหล่งที่ตรงกับปัญหาจริงๆด้วยนะครับ

... สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า ถึงแม้ข่าวที่น่าตื่นเต้นเร้าใจจะถูกมองว่าเป็นอาหารอันโอชะของคนที่อยากมีพื้นที่บนสื่อมากมายขนาดไหน... แต่ถ้าข่าวที่นำเสนอออกมา ได้มาจากผู้นำเสนอข่าวที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมวิชาชีพ มันก็เป็นแค่ข้อมูลที่ไร้คุณค่าและไม่ได้เป็นอาหารอันโอชะหรือมีประโยชน์แต่อย่างใด เผลอๆก็อาจจะสะท้อนตัวตนที่น่ารังเกียจให้คนอื่นเขาเห็นอีกต่างหากครับ...

ปล. ข่าวเรื่องจิตแพทย์ให้สัมภาษ​ณ์ข้างล่างนี้ ไม่ได้มาจากผมนะครับ.... ส่วนจะมาจากใคร ท่านลองไปหาเอาเองครับ

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"