เรียกว่าเป็น “ฮอตออฟเดอะเดย์” เลยทีเดียวกับปฏิบัติการของตำรวจชุดหนุมาน กองปราบปรามในการจับกุมตัว นายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพธิ์ชัย จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้กราดยิงชิงทองโอโรร่า ที่ห้างสรรพาสินค้าโรบินสัน ลพบุรี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิตมีเด็กวัย 2 ขวบด้วย...๐

โดยงานนี้ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผบ.ตร. ซึ่งสับขาหลอกในช่วงปลายสัปดาห์ว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ที่ “หนองคาย” โดยยกสภาพภูมิประเทศที่จะเป็นช่องทางในการหลบหนีออกนอกประเทศมาเป็นตัวดึงดูด ก่อนซุ่มเงียบไปขอหมายศาลออกหมายจับและตะครุบตัว “ไอ้เหี้ยมชิงทอง” ได้ในช่วงเช้าวันพุธที่ 22 ม.ค. ซึ่ง “บิ๊กแป๊ะ” พร้อมคณะได้สอบเค้นที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดลพบุรีประมาณ 30 นาที ก่อนออกมาแถลงในสไตล์ “ตั๊ก ลีลา” เรียกพี่ บอกว่าจะแถลงแบบไม่มีกั๊กในทุกเรื่องทุกราวในวันที่ 23 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเวลา 10.30 น. เรียกว่าต้องติดตามตอนต่อไปนั่นเอง...๐

แล้วก็ไม่เกินคาดเมื่อมีห้วงเวลาให้คาดเดา บรรดาแหล่งข่าวและรายงานข่าวของผู้อยากเป็นข่าว แต่ไม่อยากเปิดเผยตัวได้สร้าง “มูลเหตุจูงใจ” ของไอ้เหี้ยมชิงทองออกมาจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอยากดัง เพราะชีวิตซ้ำซากจำเจ เรื่องการติดพนันมีหนี้สินนับหลายแสนบาท เรื่องปัญหาครอบครัวที่ระหองระแหง จนถึงกรณีล่าสุดลากโยงไปยังเรื่องเชิงชู้สาว กันอีก เล่นเอาเขาเมาธ์ต้องวิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ยิ่งเหมือนย้อนดูประวัติชีวิตของ “ครูกอล์ฟ” หรือไอ้เหี้ยมชิงทองก็ยิ่งทำให้ “ปริศนา” ครั้งนี้น่าติดตามอย่างยิ่ง...

๐ ในแวดวงการเมืองก็มีเรื่อง “เมาธ์มอย” เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน ซึ่งหลังจาก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉ กรณี “ฉลอง เทอดวีระพงศ์" ส.ส.พัทลุง และ “นาที รัชกิจประการ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ดูเหมือนเรื่องเริ่มจะโกโซบิ๊กมากขึ้นไปอีก เมื่อมีคลิปเผยแพร่ออกมาให้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมี ส.ส.หญิงของพรรคพลังประชารัฐอีก 1 ราย และ ส.ส.ชายพรรคภูมิใจหนูรายใหม่ในขบวนการเสียบด้วย!!!...๐

ที่ขำไม่ออกอย่างยิ่งคือ ผลการสอบสวนที่ทั่นประธานชวน หลีกภัย ได้มอบหมายให้ “สรศักดิ์ เพียรเวช” เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบนั้นพบว่า การแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ของ “ฉลอง” ต้องหน้าม้านกันเลยทีเดียว หลังจากที่เจ้าตัวแถลงยอมรับว่า “ลืม” เพราะผลสอบบอกชัดๆ ว่าไม่ใช่ แต่เป็นการเสียบบัตรแทนกัน ซึ่งพรรคฝ่ายค้านอย่าง “ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ไม่รีรอที่จะลากและโยงลุงตู่ทันที โดยเรียกร้องให้เลือกแสดงความรับผิดชอบด้วยการ “ลาออก” หรือ “ยุบสภาฯ” แหม นี่ถ้า “ลุงตู่” บ้าจี้เลือกยุบสภาฯ ขึ้นมาก็ไม่รู้ว่า “หมวดเจี๊ยบ” จะชมว่าเป็นการแสดงสปิริตหรือเป็นการหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจ๊ะ...๐ ที่สำคัญเรื่อง “เสียบบัตร” แทนกันนั้น หมวดเจี๊ยบก็ไม่น่าจะมีความชอบธรรมในการเรียกร้องเท่าใดนัก เพราะต้องไม่ลืมว่าต้นตำรับของการเสียบบัตรของสภาฯ นั้น ก็มาจากผลงานของเพื่อนร่วมพรรคของ ร.ท.หญิงสุณิสา ซึ่ง “รังสิมา รอดรัศมี” ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เป็นต้นตำรับการแฉเรื่องเสียบบัตรเปิดประเด็นขึ้นมา...๐

การเสียบบัตรแทนกันครานี้ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก เพราะ นอกจากมีหลายเคสหลายคนแล้ว ยังเป็นเรื่องของกฎหมายงบประมาณปี 2563 ซึ่งปัจจุบันก็ล่าช้าอยู่แล้วให้ยิ่งลากออกไปอีก และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะขึ้นมาตามบรรทัดฐานกรณี พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เรื่องดังกล่าวก็ต้องเสียเวลามากขึ้นไปอีก แม้ “ศรีธนญชัยรอดช่อง” อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจะระบุว่ามีช่องทางให้หายใจไว้ แล้วก็ตามที...๐

ดูเหมือนช่วงนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในช่วง พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อย่างแท้จริง เพราะในทางการเมืองและการบริหารก็ดูเหมือนจะสะดุดโน่นสะดุดนี่เต็มไปหมด ซ้ำร้ายธรรมชาติผสมน้ำมือมนุษย์ยังไม่เข้าข้าง ที่สำคัญกลับกลายมาเป็นหอกทิ่มแทงการบริหารชาติและฝีมือการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลลุงตู่เสียอีก นั่นคือการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งล่าสุดได้โยนให้ “พี่ใหญ่ป้อม” คุมบังเหียนแล้ว งานนี้บอกได้คำเดียวถ้าไม่กล้าใช้ยาแรงและเล่นทอดเวลาไปเรื่อยๆ แบบนี้ ระวังกองหนุนที่มีจะกลายเป็นกองแช่ง ยิ่งได้ยินคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษด้วยแล้ว ยิ่งไม่หวดก้นก็บอกได้คำเดียวว่าฝุ่นอาจทำให้รัฐบาลเซถึงขั้นพังกันได้เลยทีเดียว เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน...๐

...ท.ศักดิ์