PM2.5พ่นพิษ!ศรีสุวรรณเดือดชงปลดอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ


เพิ่มเพื่อน    

22 ม.ค.2563 -  นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน โพสต์เฟซบุ๊กว่า  ตามที่โลกออนไลน์ได้แห่แชร์คลิปคำให้สัมภาษณ์ของนายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ที่ให้สัมภาษณ์ต่อนายสุทธิชัย หยุ่น ทางเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 20 ม.ค.63 ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า หมอกหนาที่เห็นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่หมอกความชื้น ทำให้เห็นเป็นภาพขมุกขมัวในตอนเช้า ซึ่งคล้ายหมอกในภาคเหนือที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชม โดยอ้างว่ากรมอุตุฯบอกว่าเป็นหมอกความชื้นซึ่งรวมหมอกควันจากฝุ่นด้วย แต่มีสัดส่วนเท่าไรไม่ทราบต้องทำวิจัยต่อไป และยังกล่าวอีกว่า ค่าการตรวจวัดฝุ่นทุกสถานีของ คพ.และ กทม.ค่าทุกสถานีสูงหมด แต่ไม่สูงถึงขั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพ คนที่ไอ ที่ป่วยไม่ได้เกี่ยวกับฝุ่น ดราม่ากันไปเองนั้น

คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และภูมิรู้ของคนระดับอธิบดีได้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านเหมาะที่จะทำหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมากกว่าที่จะมาทำหน้าที่เป็นอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพราะกรณีฝุ่นควันพิษ PM2.5 ที่เกิดขึ้นใน กทม.และปริมณฑล ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก หากแต่เกิดขึ้นซ้ำมาทุกปี แต่กรมควบคุมมลพิษยังคลานเตาะแตะในการเตรียมการและการป้องกันปัญหาในการเสนอมาตรการต่อผู้บังคับบัญชาที่รวดเร็ว ฉับไวและประสานการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพราะปัญหาฝุ่นควันพิษส่วนใหญ่มาจากการเผาอ้อย เผาพืชผลทางการเกษตร แต่คนระดับอธิบดียังคงติดหล่มความคิดอยู่ที่ยานยนต์และระบรรทุกเป็นหลัก จึงมีข้อเสนอที่เบาหวิวตลอดมา ถ้าฝุ่นยังไม่อันตรายทำไม กทม.จึงต้องสั่งปิดโรงเรียน 437 โรงเสียล่ะ

ด้วยเหตุดังกล่าว ถึงเวลาแล้วที่ รมว.ทส. ควรที่จะต้องเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเสียโดยเร็ว โดยเสนอไปยังท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเสีย แล้วนำคนที่มีวิสัยทัศน์และทำงานรวดเร็วมาแก้ไขปัญหาฝุ่นควันพิษที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในขณะนี้โดยเร็ว จึงจะได้เสียงชมจากประชาชนได้ 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"