ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ระบุไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ชี้ข้อบังคับพรรคได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ให้จัดตั้งพรรคได้ แนะ กกต.สั่งเพิกถอนคำว่า "หลักประชาธิปไตยตาม รธน." เพื่อป้องกันความสับสนขัดแย้งให้สอดคล้อง รธน. "ปิยบุตร" เผยรอดคดีนี้ยังมีคดียุบ อนค.รออยู่ ยังพลิ้วแก้ไขบังคับพรรครอนายทะเบียนก่อน "ธนาธร" ลั่นทำงานกับ ปชช.นอกสภาต่อไป
ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการฯ อาคาร A ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงเช้าวันที่ 21 มกราคม องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมเพื่อพิจารณาสำนวนคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.), นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 1-4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
ส่วนที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ บริเวณชั้น 8 อาคารไทยซัมมิท แกนนำพรรคอนาคตใหม่และ ส.ส. ได้นั่งรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยบรรยากาศภายในห้องเหล่าสมาชิกยังพูดคุยกันด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย ไม่ต่างจากการนัดประชุมพรรคตามปกติ โดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ไม่มีท่าทางเครียด ยังคงยิ้มและหัวเราะตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.00 น. ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนและล่าม รวมถึงผู้แทนจากสถานทูตต่างๆ อาทิ สหภาพยุโรป หรืออียู ประจำประเทศไทย ตัวแทนสถานทูตอังกฤษ รวมกว่า 10 คน เดินทางเข้าร่วมรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่มีแกนนำพรรค อนค.รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุนเดินทางมาฟังแต่อย่างใด
ด้านนายณฐพร โตประยูร ในฐานะผู้ร้อง ได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยพร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งพรรคอนาคตใหม่ แต่ทำด้วยจิตสำนึกของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ผลการตัดสินในวันนี้ออกมาเป็นอย่างไรตนพร้อมยอมรับ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่ต้องการให้มีการยุบพรรค เพียงแต่ต้องการให้สังคมได้รับรู้ว่าวันนี้ตนทำสำเร็จแล้ว สิ่งที่ตนต้องการให้เกิดกระแสว่าเราเป็นคนไทย ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอย้ำว่าจุดยืนของตนคือรักสถาบันฯ ตนไม่มีอำนาจหน้าที่ทางการเมือง ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อพรรคอนาคตใหม่
กกต.เห็นชอบจัดตั้งพรรคได้
ต่อมาเวลา 12.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยโดยมอบหมายให้นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่าน ระบุว่า ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยประเด็นเดียวว่า ผู้ถูกร้องทั้ง 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างของผู้ร้องว่าข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งหมายความรวมถึงนโยบายและภาพเครื่องหมาย ไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 14 และมาตรา 15 จากบทบัญญัติตามกฎหมาย จะเห็นได้ว่ากระบวนการยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น ผู้ยื่นคำขอจะต้องยื่นข้อบังคับพรรคการเมืองไปพร้อมกับคำขอด้วย จากนั้นนายทะเบียนพรรคการเมืองจึงจะทำการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารที่ยื่น หากคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองและเอกสารหลักฐานมีความถูกต้องครบถ้วน นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็จะต้องรับดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง
เมื่อผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมือง และนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของ กกต.ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 17 และมีประกาศจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมแสดงว่าข้อบังคับพรรคของพรรคอนาคตใหม่ไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 14 (1) เนื่องจากนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบและได้รับความเห็นชอบจากกกต.ให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่าข้อบังคับพรรคของพรรคอนาคตใหม่ที่ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองไม่เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 14 มาตรา 15 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จึงเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะรายงานไปยัง กกต.เพื่อพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับดังกล่าวได้ ตามมาตรา 17 วรรคสาม
ข้อเท็จจริงในคดีนี้หาได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นใหม่ และผู้ถูกร้องทั้ง 4 ไม่ได้มีการกระทำอื่นใดที่นอกเหนือไปจากการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เพิ่มเติมขึ้นในภายหลัง กรณีจึงยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
อย่างไรก็ดี การยื่นคำร้องของผู้ร้องคงเป็นเพียงข้อห่วงใยในฐานะพลเมืองที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และระบอบการปกครองของประเทศ ดังนั้นข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ใช้ถ้อยคำว่าหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนรายการคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองข้อ 6 วรรคสอง ที่กำหนดว่า พรรคอนาคตใหม่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ การใช้ข้อความในข้อบังคับของพรรคการเมือง ควรที่จะมีความชัดเจน ไม่มีความคลุมเครือ แตกต่างจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ที่บัญญัติว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันอาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 14 (3) ได้ ซึ่ง กกต.มีหน้าที่และอำนาจที่จะพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ตามมาตรา 17 วรรคสาม เพื่อป้องกันความสับสน ขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นสมควรที่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ช่วยกันแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญต่อไป
ไม่พบพฤติการณ์ล้มล้าง
ส่วนกรณีที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 2-4 มีพฤติการณ์แนวคิด ทัศนคติ คลั่งไคล้ปรัชญาตะวันตก เป็นกระบวนการปฏิปักษ์ ปฏิกษัตริย์นิยม มีแนวความคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทย โดยการแสดงความคิดเห็นในช่วงต่างๆ ทั้งก่อนและหลังการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เช่น การให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน การแสดงความคิดเห็นต่อหน้าสาธารณชน การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแสดงความคิดเห็นในช่องทางต่างๆนั้น เห็นว่าการพิจารณาว่าบุคคลใด จะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่จะให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์นั้น ถึงระดับที่วิญญูชนควรจะอาจคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่ และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
แต่ข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฏในคดีเป็นเพียงข้อมูล ข่าวสารจากเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออินเทอร์เน็ต และยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 มีพฤติการณ์หรือการกระทำตามความคิดเห็นที่ผู้ร้องกล่าวอ้างแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังได้ว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ส่วนกรณีการกระทำอื่นใดของผู้ถูกร้องทั้ง 4 จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหากตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
อาศัยบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง ไม่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ภายหลังศาล รธน.อ่านคำนิจฉัยนายปิยบุตร จากคำวินิจฉัยในวันนี้ เราเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรจะเป็นคดีตั้งแต่แรก ตนยืนยันว่านายธนาธร ตน และพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้มีความคิดล้มล้างระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่พวกเราทำคือการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยั่งยืน เพราะระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่มีที่อยู่ที่ยืนให้กับการรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ การรัฐประหารต่างหากคือการล้มล้างการปกครอง การฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ต่างหากคือการล้มล้างการปกครอง เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ประชาชนหรือพรรคการเมือง แต่เป็นทหารที่ยึดอำนาจต่างหากที่ล้มล้างการปกครอง
รอ กกต.แจ้งแก้ไขข้อบังคับ
นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า การประชุมสภาในสัปดาห์นี้ ตนและเพื่อนสมาชิกได้ยื่นญัตติเข้าไปขอให้สภาภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการป้องกันการรัฐประหาร นอกจากนั้นยังมีวาระสำคัญในสภาอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราและ ส.ส.ยังคงยืนยันเดินหน้าทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ต่อไป
"แม้วันนี้คำร้องยุบพรรคของนายณฐพรจะถูกยกออกไป แต่ยังมีกระบวนการร้องยุบพรรคที่ต้องการทำลายพรรคอนาคตใหม่อยู่ เราเชื่อว่าการยุบพรรคก็ดี กระบวนการนิติสงครามก็ดี ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืนได้ มีแต่การเปิดพื้นที่ให้ความคิดที่ต่างกันเข้ามาต่อสู้ในรัฐสภาท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตได้” นายปิยบุตรกล่าว
ด้านธนาธรกล่าวว่า ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ให้ก้าวมาถึงจุดนี้ พรรคจะเดินหน้าทำงานต่อไป ดังนั้น เราขอสัญญากับประชาชนว่า ขาหนึ่งการทำงานในสภา ตนและ ส.ส.ของพรรค จะมุ่งมั่นทำงานในสภาอย่างมีคุณภาพ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขัน ในระยะกลาง 2-3 เดือน จะรณรงค์ในร่างกฎหมายหลายฉบับที่เราเสนอต่อสภาไป เช่นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารเป็นต้น เราจะจริงจังและมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชน
"อีกด้านหนึ่ง เราจะทำงานต่อเนื่องกับประชาชนนอกสภา แม้ผมไม่ได้เข้าสภาแล้ว แต่ผมจะเดินทางไปรับฟังปัญหาของประชาชน และเอาปัญหาของประชาชนมาฝากให้ ส.ส.ไปผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป จะทำให้ประชาชนเข้าใจถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนำมาซึ่งสังคมแห่งการแลกเปลี่ยน ที่จะพาสังคมไทยออกจากความขัดแย้ง ขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาสนับสนุนเรา การเดินทางนี้เพิ่งเริ่มต้น จากวันที่เราตั้งพรรคถึงวันนี้ยังไม่ถึงสองปี ยังมีหลายเรื่องที่เราอยากผลักดัน สัญญาจะว่าผลักดันนโยบายให้เป็นจริง และเป็นตัวแทนความฝันของประชาชนที่ต้องการเห็นประเทศไทยไปข้างหน้า ขอขอบคุณทุกกำลังใจ" นายธนาธรกล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าการร้องเรียนไปมาไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อประชาธิปไตย ขอให้ยุติกระบวนการนิติสงครามเพื่อมาทำงานน่าจะดีกว่า ส่วนคดีเงินกู้เราพร้อมต่อสู้คดี เพราะการพิจารณาของกกต.ไม่ถูกต้อง ภายหลังคณะอนุกรรมการของ กกต.ได้ยกคำร้องไปแล้ว แต่ กกต.ก็ยังดำเนินการต่อไป ซึ่งเราได้ฟ้องร้องเป็นคดีอาญาต่อ กกต.แล้ว ขณะเดียวกัน จะร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนเพื่อเรียกเอกสารและพยานบุคคลเข้ามาพิจารณา ทั้งนี้มั่นใจว่าเราไม่มีความผิด
เมื่อถามว่า ทางพรรคอนาคตใหม่จะมีดำเนินการแก้ไขข้อบังคับพรรคหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ทางพรรคยังไม่ได้มีการหารือกัน เพราะจากที่ได้รับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นศาลระบุว่าเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ เลขาธิการ กกต. ที่จะต้องดำเนินการแจ้งมายังพรรค อนค.หากเห็นว่าข้อบังคับพรรคมีความคลุมเครือหรือไม่ชัดเจน ดังนั้นทางพรรคจะรอการพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองก่อน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |