ฝุ่นพิษเมืองกรุงยังพุ่งสูง พบพื้นที่ริมถนนสามเสนถึงระดับสีแดงมีผลต่อสุขภาพ "บิ๊กตู่" สั่ง ขรก.เร่งชี้แจง ปชช. พร้อมคุมเข้มบังคับใช้ กม.จราจร "ศักดิ์สยาม" กำชับขนส่งตั้ง ฉก.ตรวจรถยนต์ทั่วปท. พบรถควันดำ 29 คัน ออกใบเตือน 127 คัน "พท." รุมขย่มรัฐบาลแก้ปัญหาเหลว จี้ "ประยุทธ์" ลาออก "เกศปรียา" โผล่เสนอใช้ไอเดีย "แม้ว" ปลูกต้นไม้เพิ่มความชุ่มชื้นลดฝุ่น
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศเวลา 15.00 น. พบว่า ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร จำนวน 54 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 47-95 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่จากช่วงเที่ยง โดยพบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) 1 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณริมถนนสามเสน เขตพระนคร และเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 51 พื้นที่
"ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น และติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด ซึ่ง คพ.ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่ง งดใช้รถควันดำอย่างเด็ดขาด และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งมวลชน" กรมควบคุมมลพิษระบุ
ที่โรงเรียนนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพบปะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จ.นราธิวาสที่เข้าร่วมโครงการ "รินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้" ถึงปัญหาฝุ่นละอองว่า ทุกอย่างบนโลกใบนี้พระเจ้าหรือใครก็ตามได้สร้างมาให้แล้ว แต่สิ่งที่ทำลายคือมนุษย์ที่ทำลายอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ปัญหา PM2.5 ภาคใต้ไม่ค่อยมีปัญหาหนักเหมือนที่อื่น ที่ภาคอื่นหนักหน่อยเพราะมีปัญหาเรื่องการจราจร
"พูดถึงปัญหา PM2.5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผมพูดแล้วพูดอีก คนฟังไม่อยากฟังเพราะน่าเบื่อ วันนี้ถ้าค่า PM2.5 เกิน 50 ต้องสวมหน้ากาก ข้าราชการต้องชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้เรื่องการจราจรดีขึ้น พอเราใช้กฎหมายเข้ม รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ก็โดนอีก ใช้ก็โดนไม่ใช้ก็โดน แต่เราจะเลือกปฏิบัติไม่ได้เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับทุกเรื่อง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รมว.คมนาคม) กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นละอองว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยกรมการขนส่งทางบกเข้มงวดกวดขันรถทุกประเภทไม่ให้มีควันดำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รวมทั้งยังให้บูรณาการร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจัดชุดผู้ตรวจการขนส่งเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็ว ออกตั้งจุดตรวจวัดควันดำรถบนท้องถนนบริเวณที่มีค่า PM2.5 สูงทั่วประเทศ
"ชุดผู้ตรวจการขนส่งเฉพาะกิจจะมี 16 ชุด ตั้งด่านตรวจจับรถบรรทุกและรถโดยสารที่มีค่าควันดำเกินกว่าที่กฎหมาย กำหนดบนถนนสายหลักและสายรองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อสกัดรถควันดำและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ส่วนสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศเข้มงวดตรวจวัดควันดำรถบนถนนสายหลักและสายรอง" นายศักดิ์สยามกล่าว
มีรายงานว่า กรมการขนส่งทางบกจัดชุดตรวจสอบรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ ตรวจวัดควันดำจำนวน 304 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนดและออกใบเตือน 2 คัน ส่วนของสำนักงานขนส่งจังหวัด (สขจ.) 15 จังหวัดรอบกรุงเทพฯ ที่เป็นเส้นทางเข้าสู่เมืองหลวง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, อ่างทอง, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, สมุทรปราการ, ราชบุรี, เพชรบุรี, ฉะเชิงเทรา, นครปฐม, นนทบุรี, สุพรรณบุรี, ปทุมธานี, นครนายก, ชลบุรี, สระบุรี ตรวจวัดควันดำจำนวน 784 คัน พบรถควันดำ (พ่นห้ามใช้ฯ) จำนวน 5 คัน ออกใบเตือนจำนวน 47 คัน นอกจากนี้ในพื้นที่อีก 61 จังหวัด ตรวจวัดควันดำจำนวน 1,472 คัน พบรถควันดำจำนวน 24 คัน (พ่นห้ามใช้ฯ) และออกใบเตือนจำนวน 78 คัน
ส่วน พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย รองเสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) กล่าวว่า พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.ได้สั่งให้สำรวจคุณภาพรถยนต์ของกรมการขนส่งทหารอากาศ (ขส.ทอ.) ทั้งหมด หากตรวจพบว่ารถมีสภาพเก่าหรือมีควันดำให้งดใช้งาน รวมทั้งยังวางมาตรการลดปัญหาจากต้นเหตุในการทำให้เกิดฝุ่น โดยสั่งการเครื่องบินทุกแบบที่ทำการบินในทุกภารกิจหากพบเห็นจุด hot spot ที่เกิดไฟป่า หรือควันไฟในพื้นที่ที่มีการเผาก็ให้รายงานเข้ามา ทอ.จะได้ประสานงานกับหน่วยที่รับผิดชอบเข้าไปแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที
"ให้หน่วยบินเตรียมพร้อมสนับสนุนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการทำฝนหลวงหรือโปรยละอองน้ำ โดย ทอ.มีเครื่องบิน BT-67 ที่ปฏิบัติภารกิจนี้อยู่แล้ว และยังมีเครื่องบิน C-130 ที่ติดอุปกรณ์กล่องน้ำสามารถบรรทุกน้ำผสมสารกันไฟเพื่อใช้ทำแนวกันไฟป่า โดยจะทดสอบในช่วงปลายเดือนนี้เพื่อรองรับสถานการณ์ไฟป่าที่มักเกิดขึ้นในช่วงต่อจากนี้ อีกทั้ง ผบ.ทอ.ยังมีแนวทางในการใช้เทคโนโลยีของ ทอ.เข้าแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยสั่งการในหน่วยใน ทอ.ศึกษาวิจัยเพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วย" โฆษก ทอ.กล่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวเช่นกันว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกมอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบกส่งชุดเวชกรรมป้องกัน ออกให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตนและการดูแลสุขภาพในช่วงที่เกิดสถานการณ์ฝุ่นละออง พร้อมแจกจ่ายหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองเบื้องต้นให้ประชาชนตามชุมชนในพื้นที่ กทม.ที่มีค่าฝุ่นละอองที่ส่งผลต่อสุขภาพ โดยจะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งกองบัญชาการควบคุมไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและสภาพอากาศมาอย่างต่อเนื่อง พบว่าในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา บางจังหวัดเช่น ลําปาง น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย คุณภาพอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เริ่มจะมีผลต่อสุขภาพประชาชน โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมประชุมกับจังหวัดเพื่อเตรียมรับมือและดูแลประชาชนแล้ว
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัญหาเรื่องฝุ่นพิษที่ประชาชนกำลังเผชิญขณะนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี 2562 ถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไร ไม่มีการแก้ปัญหาที่จริงจัง วันนี้ประชาชนตกใจและสงสัยว่าเราจะมี พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ทำไม บางพื้นที่ใน กทม.มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานไปถึง 420 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เช่นบริเวณโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ
"รัฐบาลอย่าบอกว่าไม่มีงบประมาณหรืองบบูรณาการแก้ไขปัญหา เพราะในปีงบประมาณ 2563 ในหมวดแผนงานบูรณาการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อมมีงบถึง 278 ล้านบาท บูรณาการ 6 กระทรวงจาก 3 หน่วยงาน ที่น่าสังเกตคือมีการจัดสรรงบแก้ฝุ่นไว้ใน 4 มาตรา คือ มาตรา 8 งบกระทรวงกลาโหม จัดสรรให้กองทัพบกกว่า 121 ล้านบาท ดังนั้นปัญหาหนักเข้า ทหารออกมาช่วยเหลือแล้วจะมาทวงบุญคุณไม่ได้ เพราะมีการจัดสรรงบให้กองทัพแล้ว ดังนั้นวันนี้คนตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหลือสมองไว้แก้ปัญหาเรื่องฝุ่นนี้เท่าไหร่ อย่าลอยแพประชาชน อย่าปล่อยให้ต้องเผชิญปัญหาลำพัง หากไม่มีแผนแก้ไขปัญหาก็ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป" โฆษกพรรค พท.กล่าว
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีแต่การออกมาโฆษณาชวนเชื่อว่ากำลังพยายามเร่งแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ทั้งบังคับใช้กฎหมายและสร้างการรับรู้ให้ประชาชน เพื่อชวนเชื่อว่ารัฐบาลจริงจังในการแก้ปัญหาฝุ่น แต่มาวันนี้ประชาชนกลับต้องรับกรรมจากรัฐบาลที่จ้องแต่โทษคนอื่นแต่ไม่โทษตัวเอง
"เรื่องฝุ่นผงแค่นี้ยังแก้ไม่ได้แล้วจะไปหวังอะไรที่ยากกว่านี้กับรัฐบาล อยากให้รัฐบาลทำงานจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ไม่ใช่อะไรก็บอกว่าประชาชนต้องช่วยกัน ต้องช่วยตัวเองก่อนอย่ารอแต่รัฐบาล หากให้ประชาชนต้องแก้ปัญหาเองแล้วจะมีรัฐบาลไว้เพื่ออะไร" นายการุณกล่าว
น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การที่รัฐบาลไม่มีแผนปฏิบัติงานที่จะแก้ปัญหาฝุ่นอย่างยั่งยืน ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่ารัฐบาลต้องการประชากรที่ด้อยคุณภาพเพื่อจะได้ปกครองง่ายหรืออย่างไร ถ้ารัฐบาลคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะเริ่มแก้ปัญหาอย่างไรที่ไหนก่อน
"ขอแนะนำให้รัฐบาลลองนำวิธีแก้ปัญหาฝุ่นที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เคยพูดเคยเเนะนำไว้ในรายการ Good Monday เมื่อปีที่ผ่านมา มาประยุกต์ใช้ ซึ่งสิ้นเปลืองงบประมาณน้อยกว่าการซื้ออาวุธเป็นหลายเท่า และสามารถทำได้ทันทีภายในเดือน ม.ค.นี้ โดยเร่งให้หน่วยงานภาครัฐอย่างกระทรวงเกษตรฯ และกรุงเทพมหานคร นำต้นไม้โตแล้วมาปลูกทุกเกาะกลางถนนทางเท้าให้แน่น เป็นพื้นที่ป่าทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเเละอาจจะเพิ่มปริมาณฝนจะได้ลดปริมาณฝุ่นได้ รวมทั้งอาจจะทำหอคอยฟอกอากาศในจุดที่มีฝุ่นปริมาณสูง" น.ส.เกศปรียากล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |