"บิ๊กตู่" หอบ ครม.นั่งรถกันกระสุนลงพื้นที่ "นราธิวาส" ไหว้ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะขอประชาชนปลอดภัย ชื่นชมชาวไทยพุทธ-ไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันสงบสุข ปลุกอย่าให้ใครแบ่งแยกแผ่นดินไทย ยันดับไฟด้วยสันติวิธี แจงจัดงบ 2 ส่วน "มั่นคง-พัฒนา" ปรับทำงานให้ตรงความต้องการของพื้นที่ ผู้นำศาสนาอิสลามอ่านดุอาอ์ขอพรให้นายกฯ
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 มกราคม เวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ร่วมเดินทางลงพื้นที่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค. ที่ จ.นราธิวาส
ต่อมาเวลา 09.05 น. นายกฯ พร้อมคณะเดินทางถึง จ.นราธิวาส จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ กันกระสุน ทะเบียน กฉ 4212 ยะลา ถึงศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก โดยมี ส.ส.พลังประชารัฐ 22 คนมาให้การต้อนรับ อาทิ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ, นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.พลังประชารัฐ จ.นราธิวาส นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานวิปรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส.พรรค พร้อม ส.ส.ภาคกลาง
ทั้งนี้ นายสุชาติเปิดเผยว่าในการลงพื้นที่ของนายกฯ แต่ละครั้ง ตนและ ส.ส.ของพรรคจะร่วมให้การต้อนรับและเป็นกำลังใจให้ ส.ส.ของพรรคในแต่ละพื้นที่ รวมถึงจะได้ช่วยรับฟังความเห็นประชาชนเพื่อสะท้อนถึงรัฐบาล เพื่อพัฒนาพื้นที่และความเป็นอยู่ของประชาชน ถือเป็นการลงพื้นที่คู่ขนานกับนายกฯ และ ครม.
นายกฯ กล่าวภายหลังสักการะเจ้าแม่โต๊ะโมะว่า ได้อธิษฐานขอพรให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข มีความปลอดภัย คิดหวังสิ่งใดให้ขอสำเร็จทุกอย่าง ก่อนพบปะกับประธานมูลนิธิเจ้าแม่โต๊ะโมะและตัวแทนสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีน 4 สมาคม (สมาคมฮกเกี้ยน สมาคมแต้จิ๋ว สมาคมแคระ และสมาคมไหหลำ) และสมาคมอิสลามสุไหงโก-ลก โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามประวัติความเป็นมาของศาลเจ้า พร้อมกล่าวแสดงความเป็นห่วงทุกคน และกล่าวชื่นชมว่าบ้านเมืองสะอาดเรียบร้อยดี ขอให้ร่วมมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศเพราะรัฐบาลไม่สามารถทำได้ฝ่ายเดียว โดยสมาคมศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะได้มอบเหรียญเจ้าแม่โต๊ะโมะ รุ่นที่ 1 ปี 2515 เป็นที่ระลึกให้นายกฯ ซึ่งนายกฯ ได้นำมาห้อยคอทันที
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาจังหวัดนราธิวาส และพบปะประชาชนประมาณ 2,000 คน ที่อาคารรื่นอรุณ เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยนายกฯ กล่าวสวัสดีเป็นภาษาไทยและภาษามลายูว่า "อัสสลามุอะลัยกุม" ก่อนกล่าวว่าเราอยู่ด้วยกันในสังคมแบบพหุวัฒนธรรม การลงพื้นที่ครั้งนี้มาเยี่ยมเยียน โดยมีการแบ่งงานทีมรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระจายลงพื้นที่ และจะมาร่วมผลักดันในการประชุม ครม.ที่ จ.นราธิวาส
ไม่อยากให้ใครเจ็บ-ตาย
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณในพื้นที่ภาคใต้ว่า ได้แบ่งเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกเรื่องความมั่นคง เป็นเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งใช้งบประมาณมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ หรือโครงการต่างๆ จะต้องมีการปรับการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ในทุกกิจกรรม ต้องให้ตรงตามเป้าหมาย เหมือนกับช่างตัดเสื้อจะต้องตัดให้ตรงคนเป็นกลุ่ม
"พวกท่านเหมือนครอบครัวของผมที่ใหญ่มากมี 70 ล้านคน วันนี้ถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวของผม ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เชื้อชาติใด ล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น จำไว้ที่นี่คือแผ่นดินไทย จะแบ่งแยกไม่ได้ เราต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาของพวกเราเอง อย่าให้ใครมาแก้ให้พวกเรา อย่าไปเอาต่างประเทศมาช่วยแก้ เพราะที่นี่คือบ้านเมืองของเรา แล้วยิ่งปัญหาที่มีความกระทบกระทั่ง คนขัดแย้งไม่เข้าใจกัน ก็ต้องพยายามทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น เรามียุทธศาสตร์เยอะแยะ" นายกฯ ระบุ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามประชาชนว่า "ใครรักผมให้ยกมือขึ้น" ซึ่งประชาชนที่มาส่วนใหญ่ก็ยกมือขึ้น นายกฯ จึงกล่าวว่า "ตกลงเข้าใจตรงกัน แต่เดี๋ยวก็จะหาว่าสร้างอีก ผมเป็นทหาร บางทีพูดเพราะบ้างไม่เพราะบ้าง แต่ใจผมมีความจริงใจ ส่วนสถานการณ์ภาคใต้นั้นตอนนี้ลดลง แต่การจะสร้างพื้นที่ให้ปลอดภัยนั้น อุปสรรคคือเรื่องของการก่อเหตุ ถ้าไม่เกิดเลยผมจะพอใจ แต่ก็ยังมีเกิดอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่พอใจ เพราะไม่อยากให้ใครเจ็บใครตายทั้งนั้น"
นายกฯ กล่าวว่าตอนนี้หลายคนสนใจเรื่องความสวยงามกันเยอะ แต่สวยงามแล้วต้องมีสติปัญญา มีสมอง เขาถามอะไรต้องตอบได้ เวลาไปสมัครงานจะไปยิ้มอย่างเดียวไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม ส่วนใหญ่คนไม่สวยก็มีสมอง คนสวยก็มีสมอง นั่งกันอยู่ตรงนี้ทุกคนก็สวยและมีสมอง และขอให้เข้าใจว่าที่ตนพูดไปนั้น บางอย่างไม่ได้ว่าใคร เดี๋ยวจะหาว่าไปละเมิดสิทธิ์คนอื่นเข้าอีก ที่พูดเพราะอยากกระตุ้นตัวเอง ต้องใช้ศักยภาพตัวเอง
จากนั้นนายกฯ ได้เดินลงมาทักทายนักเรียน นักศึกษา ประชาชนอย่างเป็นกันเอง พร้อมถ่ายรูปเซลฟีและทำสัญลักษณ์มินิฮาร์ต โดยชาวบ้านพูดให้กำลังใจขอให้นายกฯ สุขภาพแข็งแรง ก่อนเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน โดยได้อุดหนุนกระเป๋ากระจูดผสมหนังราคา 2,500 บาท และผ้าทอลายพิกุลพลอยราคา 1,280 บาท
ต่อมาเวลา 12.55 น. ที่วัดประชุมชลธารา ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี พล.อ.ประยุทธ์เข้ากราบสักการะพระประธานและนมัสการพระเทพวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส พร้อมถวายผ้าไตรจีวรและเครื่องไทยธรรม โดยนายกฯ ได้กล่าวสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสว่า เคยพบกับท่านเจ้าอาวาสในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และรู้สึกดีใจที่สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นในทุกมิติ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งรัดพัฒนาแก้ปัญหาในหลายๆ เรื่องรวมถึงปัญหาที่ดินทำกิน
จากนั้นนายกฯ พบปะประชาชนชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมที่มาให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวชื่นชมประชาชนที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขบนสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งศาสนาทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ไม่ให้ทะเลาะกัน มีความเผื่อแผ่เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ทั้งนี้สังคมจะสงบสุขหรือไม่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของคนทุกคน ไม่ว่าจะเกิดภาคไหนของแผ่นดินไทย จะเชื้อชาติศาสนาไหนล้วนเป็นคนไทยทั้งหมด โดยส่วนตัวให้ความเคารพทุกคนและทุกศาสนา รัฐบาลพร้อมดูแลแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ สินค้าเกษตร การค้าขาย โดยเฉพาะอัตลักษณ์ของท้องถิ่นต้องขับเคลื่อนให้มากขึ้น
ที่โรงเรียนนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างพบปะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จ.นราธิวาสที่เข้าร่วมโครงการ "รินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้" ว่า ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นหัวกะทิทั้งหมด เหมือนผู้บริสุทธิ์ เราต้องปลูกจิตสำนึกในสถานศึกษาให้ได้ ต้องเป็นกลาง เพราะเราคือผ้าขาวบริสุทธิ์ ถ้าใครมาพูดให้เกลียดคนโน้นคนนี้ หรือการเมืองมาปลุกปั่น ต้องดูเพื่อประโยชน์ของใคร
ขออิหม่ามช่วยดับไฟใต้
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่หอประชุมบรมราชกุมารี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาพบปะผู้นำศาสนาและชาวไทยมุสลิม โดยนายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณนายกฯ และคณะที่ให้ความสำคัญกับศาสนาอิสลาม พร้อมสนับสนุนการดำเนินการของอิหม่ามในจังหวัดนราธิวาส รวมถึงผู้ที่ดำเนินการประกอบพิธีฮัจญ์ ในโอกาสนี้ขออำนวยอวยพรให้นายกฯ และคณะ ตลอดจนประชาชนในจังหวัดนราธิวาสมีความสุขความเจริญ สมบูรณ์พลานามัยและประสบความสำเร็จ รวมถึงให้จังหวัดนราธิวาสของเราบังเกิดสันติสุขโดยเร็ว จากนั้นได้นำอ่านดุอาอ์ขอพรให้นายกฯ
จากนั้นนายกฯ กล่าวว่าไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดเชื้อชาติใด ทุกอย่างอยู่ได้ดีร่วมกันจนถึงปัจจุบันนี้ รู้สึกยินดี และพรใดก็ตามที่ให้กับพวกตน ขอให้ส่งผลไปยังทุกท่านทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้และท่านที่อยู่ข้างนอกด้วย ปัญหาของบ้านเมืองเราซับซ้อนและมีมายาวนาน เราต้องแก้ไขด้วยวิธีที่ไม่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งมีสันติวิธี จึงต้องร่วมมือกัน โต๊ะอิหม่าม คอเต็บ ต้องช่วยตนร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งวันนี้ก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยปัญหาแรกคือเรื่องของความไม่สงบความอันตรายลดลงไปมากแล้วด้วยฝีมือพวกเรา ไม่ใช่ฝีมือตนคนเดียว เมื่อทุกอย่างสงบขึ้นดีขึ้น ความมีเสถียรภาพมากขึ้น
ส่วนการดูแลผู้นำศาสนาเรื่องค่าตอบแทนค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และขอให้ทำให้คนเข้าใจว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้มีปัญหาอย่างที่เขาคิด อย่างที่บางคนนำไปพูดจาให้ร้ายกันต่อไป ไม่ใช่ขนาดนั้น ยิ่งสื่อความหมายออกไปผิดๆ เราก็เจริญไม่ได้ คนไม่มา แล้วจะทำอย่างไรเรื่องการท่องเที่ยว ขอความร่วมมือช่วยกันสอดส่อง ปกป้องพื้นที่ไม่ให้เกิดความไม่สงบความไม่ปลอดภัยในทรัพย์สินของท่าน
"นายกฯ ไม่มีเหนื่อย ทำให้พวกเราไม่มีเหนื่อย พวกเราทุกคนสัญญาว่าจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขอให้เชื่อมั่นก็แล้วกัน อดทนกับเราหน่อย อย่าคิดว่าผมมีความสุข ตราบใดที่ท่านยังไม่มีความสุข ผมไม่มีความสุขหรอก นั่นคือใจของผม ใจของพวกเราทุกคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนจะเดินทางกลับ กลุ่มสตรีมุสลิมได้นำดอกกุหลาบสีแดงมามอบเป็นกำลังใจให้แก่นายกฯ อีกด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |