20 ม.ค. 2563 นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีที่สหรัฐฯ เตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยกว่า 500 รายการตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 เป็นต้นไป ว่า การถูกตัดจีเอสพี หมายความว่า สหรัฐฯ จะกลับมาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราภาษีปกติ หรือเฉลี่ยจะถูกเก็บภาษีที่ 4-5% จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า หรือเสียในอัตราต่ำกว่าปกติ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กรมฯ ได้ส่งแบบสอบถามไปยังภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อให้ช่วยสอบถามสมาชิกว่าสมาชิกซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินค้าใดที่คาดจะได้รับผลกระทบบ้าง และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้การช่วยเหลือถูกจุด และมีประสิทธิภาพในการบรรเทาผลกระทบมากที่สุด
“ตอนนี้ ได้ส่งแบบสอบถามออกไปแล้ว รอให้ภาคเอกชนตอบกลับมา แต่จากการหารือเบื้องต้น ส่วนใหญ่บอกว่าได้รับผลกระทบน้อย เพราะเสียภาษีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยอาจมีบางสินค้าที่ถูกเก็บภาษีมากขึ้น และอาจได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างเซรามิก รวมถึงผู้ส่งออกรายเล็ก รายน้อย ที่ไม่เคยให้ข้อมูลภาครัฐเลย ซึ่งกรมฯ กำลังรอฟังคำตอบว่าต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะอยากให้มาตรการที่ภาครัฐออกไป มีประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ออกมาตรการช่วยเหลือไปแล้ว เอกชนไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเป็นประโยชน์กับภาคเอกชนน้อย”
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการบางส่วนเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบอยู่แล้ว เช่น การเดินหน้าหาตลาดใหม่สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ จะตัดจีเอสพี การให้ความรู้กับผู้ส่งออกในการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ต่างๆ ของไทย ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ เพื่อสร้างแต้มต่อเหนือประเทศคู่แข่งที่ไม่ได้ทำเอฟทีเอ เป็นต้น
นายกรติกล่าวว่า ส่วนการหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ผ่านวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เมื่อต้นเดือนธ.ค.2562 ที่ผ่านมา ยูเอสทีอาร์ได้ยืนยันว่าสาเหตุของการจะตัดสิทธิครั้งนี้ มาจากกรณีที่ไทยไม่ให้สิทธิแรงงานต่างด้าวตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ และขอให้ไทยแก้ไขกฎหมายแรงงานตามประเด็นที่สหรัฐฯเรียกร้อง ซึ่งในเรื่องนี้ กระทรวงแรงงานได้ชี้แจงไปแล้วว่า ขณะนี้กระทรวงแรงงานได้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์เสร็จแล้ว และได้ส่งให้ไปสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว หากผ่านการพิจารณา จะแจ้งให้ยูเอสทีอาร์ทราบ หากสหรัฐฯ ต้องการให้แก้ไขอย่างไรอีกหรือไม่ และไทยจะทำตามได้หรือไม่ อยู่ที่กระทรวงแรงงานจะเป็นผู้ตอบสหรัฐฯ
สำหรับกรณีที่สหรัฐฯ อาจพิจารณาตัดจีเอสพีสินค้าไทยเพิ่มเติมในรอบการทบทวนรายประเทศ ภายหลังจากที่สมาพันธ์ผู้ส่งออกสุกรแห่งสหรัฐฯ ร้องเรียนให้ยูเอสทีอาร์พิจารณาตัดจีเอสพีไทยมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่เปิดตลาดให้กับเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนนั้น ในเรื่องจีเอสพี ทราบว่า ยูเอสทีอาร์อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนเรื่องการนำเข้าหมูเนื้อแดง ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (ทิฟ่า) อย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการหาผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าการบริโภคหมูที่มีสารแรคโตพามีนตกค้างในระดับที่โครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (โคเดกซ์) อนุญาตนั้น จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ อย่างไร คาดว่า น่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |