เลขาศาลฯ แจงคดีผู้พิพากษายิงตัว ตำรวจขออนุญาต “ไสลเกษ” ดำเนินคดีอาญาอาวุธปืนแล้ว ส่วนด้านวินัยยังไม่แย้มผล รับต้องคุยหลายหน่วยงานควานหาตัว ส.ส.ถูกหมายจับ
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ตอบคำถามสื่อมวลชนหลังแถลงผลการดำเนินงานของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมในปี 2562 ถึงความคืบหน้าผลสอบสวนข้อเท็จจริงนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวเองวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ระบุว่า นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และสอบวินัยไปแล้ว โดยได้ทำตรงไปตรงมา ไม่มีการกดดัน 
    “ส่วนคดีอาญาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลา ได้ขออนุญาตประธานศาลฎีกาดำเนินคดีตามความผิด พระราชบัญญัติอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่งขณะนี้ครบกำหนดเวลาฝากขังแล้ว แต่พนักงานอัยการยังไม่ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดยะลา การดำเนินคดีอาญากับการสอบสวนทางวินัยจะทำควบคู่กันไป สำหรับตัวนายคณากร ปัจจุบันยังปฏิบัติหน้าที่อยู่กองผู้ช่วยในศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี” 
    เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้เชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลหมายจับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แล้ว การติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัฐ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำเลยในคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บุกที่ประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา ซึ่งศาลฎีกาจำคุก 4 ปี และมีการออกหมายจับแล้ว แต่มีปัญหาพนักงานสอบสวนติดตามตัวไม่ได้ โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับหมายจับ นายสราวุธกล่าวว่า ตามขั้นตอน เมื่อศาลออกหมายจับแล้ว เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะติดตามตัวจำเลยมา ขณะที่ สตช.จะรับทราบหมาย ซึ่งในการบันทึกข้อมูลหมายจับที่ผ่านมา ได้กำชับให้บันทึกข้อมูลปัจจุบันทันที เพื่อให้ถึงหน่วยงานที่รับข้อมูลต่อ โดยจากปัญหาเรื่องนี้ก็เห็นว่าต้องหารือเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการปฏิบัติ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ ซึ่งในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรก็จะได้หารือกันเกี่ยวกับการแจ้งข้อมูลที่ ส.ส.ถูกดำเนินคดีอาญาต่อไปเช่นกัน เพราะอาจต้องมีกรณีที่ ส.ส.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ 
    “มีตัวอย่างก่อนหน้านี้ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้แจ้งให้สภาฯ ทราบ เมื่อมีคดีตัดสิทธิ์ ส.ส. และก่อนหน้านี้ในส่วนของ ป.ป.ช.ก็เคยหารือกับศาลแล้ว ที่ต้องแจ้งข้อมูลให้ทราบเมื่อมีเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกดำเนินคดีอาญา เพราะตามกฎหมายบางกรณีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่” นายสราวุธกล่าว 
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมย้ำว่า กรณีดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงต้องมีการประชุมหารือร่วมทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเรียนรู้จากอุปสรรคที่ผ่านมา ส่วนเรื่องหมายจับที่ยังโต้แย้งกันว่า แม้มีข้อมูลหมายจับออนไลน์ยังต้องใช้หมายจับที่เป็นกระดาษแสดงเมื่อเข้าจับกุมหรือไม่นั้น ก็ต้องประชุมหารือ สตช. เพื่อบูรณาการแนวทางปฏิบัติ เพราะส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย แต่ขอย้ำว่าในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรมได้สั่งการให้ออกหนังสือเวียนให้ลงข้อมูลทันที.