การเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ก่อนถึงวันที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อลงมติและอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ในคำร้อง ล้มล้างการปกครอง ที่จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 21 มกราคมนี้

      พบว่าเบื้องต้นมีการคุยกันในกลุ่มกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ว่า หากทุกคนสะดวกก็ให้มาร่วมลุ้นฟังผลคำตัดสินของศาล รธน.ด้วยกันตั้งแต่ช่วง 11.00 น. ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่จะมีการถ่ายทอดการอ่านคำตัดสินในเวลา 11.30 น. ตามที่ศาล รธน.ได้แจ้งต่อผู้ร้อง  คือนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และพรรคอนาคตใหม่ จากนั้นก็จะมีการประชุมพรรคตามปกติในเวลา 14.00 น.

       ซึ่งหากศาล รธน.ยกคำร้อง พรรคไม่โดนยุบ กรรมการบริหารพรรคไม่โดนตัดสิทธิ์ บรรยากาศที่พรรคในช่วงบ่ายก็คงเป็นไปตามปกติ หลายคนคงโล่งใจ แต่หากไม่รอด พรรคโดนยุบ ก็คาดว่าแกนนำพรรคอนาคตใหม่คงเปิดแถลงข่าวอย่างดุเดือดร้อนแรง และที่ประชุมพรรคคงมีการปิดห้องถกแถลงถึงอนาคต ทิศทางพรรคกันอย่างเคร่งเครียด ว่าจะเดินไปทางไหนต่อไป ขณะเดียวกันพบว่าเรื่อง พรรคสำรอง จนถึงขณะนี้มีข่าวว่า ระดับแกนนำพรรคได้วางแผนเตรียมการไว้แล้ว โดยพบว่าบางพรรคที่เคยปรากฏชื่อเป็นข่าว เช่น พรรคสามัญชน ที่ธนาธรและชัยธวัช ตุลาธน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มีความคุ้นเคยกับกลุ่มผู้ก่อตั้งพรรคสามัญชนเป็นอย่างดี ก็ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด อ.วังสะพุง จ.เลย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัญชน ได้ออกแถลงการณ์เมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า พร้อมยินดีต้อนรับ ส.ส.อนาคตใหม่ โดยระบุในแถลงการณ์ตอนหนึ่งว่า "พวกเขาก็กำลังถูกกลั่นแกล้งอย่างไร้มนุษยธรรมจากอำนาจจารีตหัวเก่า..ซึ่งสำหรับพรรคอนาคตใหม่แล้ว พรรคสามัญชนถือความเป็นมิตรเป็นที่ตั้ง หากถูกยุบพรรคจริง ส่วนอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ไม่มีวันสูญหายไปไหน พวกเราพรรคสามัญชนจะสานต่อ"

      อย่างไรก็ตาม พรรคสำรองของอนาคตใหม่จะใช่พรรคสามัญชนหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน คงต้องรอดูกันต่อไปยาวๆ เพราะท้ายที่สุด ธนาธร-ปิยบุตร อาจไม่พา ส.ส.ของพรรคไปอยู่กับพรรคสามัญชนก็ได้ ถ้ามีสูตรอื่นที่ดีกว่า

      เช่นเดียวกับข้อเสนอของ ส.ส.อนาคตใหม่บางส่วน ที่เคยเสนอในที่ประชุมใหญ่พรรค ให้กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 11 คนลาออกก่อนที่ศาล รธน.จะตัดสินคดี เพื่อรักษาที่นั่ง ส.ส.ของอนาคตใหม่ไว้ 11 เก้าอี้ เพราะหากโดนยุบพรรค พรรคอาจต้องเสียโควตาดังกล่าว ก็พบว่าจนถึงช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. เสียงส่วนใหญ่ในกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคต่าง say no กับข้อเสนอนี้ เพราะยังมั่นใจว่า 21 ม.ค.นี้พรรคจะไม่โดนยุบ และการลาออกก่อนเป็นการแสดงให้เห็นว่า แกนนำพรรคไม่มั่นใจว่าจะชนะคดี ทั้งที่บอกมาตลอดว่าพรรคไม่ได้ทำผิด ดังนั้นทั้งหมดจะรอลุ้นฟังผลคำตัดสินไปพร้อมๆ กัน

      ขณะเดียวกัน ยังมีการเคลื่อนไหวสำคัญก่อนถึงวันชี้ชะตาพรรคอังคารนี้ นั่นคือนัดหมายการทำกิจกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยพรรคได้จัดงาน Future is now  อย่ากลัวอนาคต

      กิจกรรมดังกล่าว ปิยบุตร-เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ผู้รับผิดชอบโดยตรงกับการสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวทีดังกล่าว แถลงปิดคดียุบพรรคอนาคตใหม่นอกศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาโดยสรุปก็คือ หักล้าง ทุกประเด็น ทุกข้อกล่าวของผู้ร้อง "ณฐพร โตประยูร" ที่กล่าวหาว่าเขาและธนาธร ตลอดจนพรรคอนาคตใหม่ มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่ยึดโยงกับหลักความเป็นจริง

      "คำร้องดังกล่าวไร้สาระที่สุด เขาหวาดกลัวกระแสพลังคนที่ฝันจะเห็นไทยมีอนาคตที่ดีกว่านี้ เขากลัวพรรคอนาคตใหม่ ต้องการกำจัดพวกเราให้พ้นจากการเมืองไทยให้ได้ วิธีที่ใช้อยู่เสมอคือข้อหาล้มเจ้า ยืนยันว่าพรรคไม่เคยคิด และไม่กระทำการอันเป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน"

       ด้าน ณฐพร โตประยูร ผู้ร้องยุบพรรค อนค. เคยแจกแจงเรื่องนี้ไว้ว่า หลักฐานที่ยื่นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ คือหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง เช่นหนังสือที่พวกเขาเขียน การให้สัมภาษณ์ บทความต่างๆ ซึ่งหลักฐานที่เรามีมันไม่ได้มีแค่ในอดีตอย่างเดียว แต่มีตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

       "ยกตัวอย่างเช่น เราต้องทำภารกิจ พ.ศ.2475 ให้สำเร็จ ซึ่งคนก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร  แต่ในคำร้องที่ได้ยื่นต่อศาลได้มีการบรรยายว่า 2475 มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร อย่างข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ก็เช่นกัน คือทุกพรรคการเมือง ข้อบังคับพรรคทุกพรรคในประเทศไทย เขาจะเขียนเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่เขียนว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ประเด็นพวกนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่พวกคุณทำ มันมีพฤติกรรมอะไรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และถึงนาทีสุดท้ายมันมีพฤติกรรมอย่างไร เราก็ได้บรรยายให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็น พฤติกรรมมันต่อเนื่อง อย่าลืมว่าคนเมื่ออดีตเคยคิดแบบนี้แล้วจนถึงปัจจุบันก็ยังมีแนวคิดแบบนี้อยู่ เช่นในอดีตเคยมีส่วนร่วมในการทำหนังสือฟ้าเดียวกัน แต่ตอนนี้เลิกไปแล้ว เปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่ ต้องเอาอดีตมาเชื่อมโยงกัน หนังสือของธนาธรที่ให้สัมภาษณ์ในพ็อกเกตบุ๊กชื่อ Portrait ถ้าใครอ่านจะรู้ได้เลย  มันจะแปลความหมายออกมา เช่นจะขอไปคุย ไปต่อรองกับ.... แต่ตอนหลังมีบรรยายมา เราก็เขียนไว้ให้ชัดในคำร้อง หลักฐานพวกนี้มันชัดมาก" ณฐพรระบุ

      ก็รอดูกัน ผลคำตัดสินของศาล รธน. 21 ม.ค.นี้จะออกมาแบบไหน พรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด จะรอดหรือไม่รอด?