อีกไม่กี่อึดใจ ไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้...ก็น่าจะได้เวลาตัดสิน วินิจฉัย ชะตากรรมของบรรดาพวกเด็กๆ หรือ คนรุ่นใหม่ แห่ง พรรคอนาคตใหม่ ว่าจะอยู่-ดี-มี-สุข อยู่-เป็น อยู่-ไม่เป็น (ตาย) กันในแบบไหน อย่างไร? เลยคงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องหยิบเอาเรื่องราวของบรรดาเด็กๆ เหล่านี้ มาพูดจาว่ากล่าวกันเอาไว้มั่ง แม้ว่าไม่อยากพูดถึง เอ่ยถึง มากมายซักเท่าไหร่...
----------------------------------------------
คือที่ไม่อยากพูดถึง เอ่ยถึง...ก็น่าจะเป็นเพราะด้วยความเห็นอก เห็นใจ นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ใช่เพราะความเกลียด ความโกรธ ความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า เหมือนบรรดาพวก ไดโนเสาร์ ทั้งหลาย ที่อาจไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจ พวก กะปอม ด้วยเหตุเพราะความไม่ยอมรับต่อกระบวนการวิวัฒนาการทางธรรมชาติ อะไรทำนองนั้น แต่เพราะความรู้สึกสงสาร เวทนา ต่อการที่ต้องถูกส้นมือ ส้นตีน ถูกสากกะเบือบิน สาดใส่รอบทิศ รอบทาง อันเนื่องมาจาก กรรม ในลักษณะต่างๆ ก็เลยไม่อยากจะไปทำอะไรอันอาจกลายเป็นการ ซ้ำเติม พวกเด็กๆ เขา...
------------------------------------------------
แต่สิ่งที่จะไปหยิบมาพูด มากล่าว เอาไว้ ณ ที่นี้...แม้ไม่ใช่คำพูดที่ออกจากปากของตัวเอง แต่ต้องเรียกว่า...เป็นคำพูด คำกล่าว ที่น่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง สำหรับบรรดาพวกเด็กๆ หรือประดา คนรุ่นใหม่ แห่งพรรคอนาคตใหม่ทั้งหลาย เพราะถือเป็นคำพูดของผู้ซึ่งสามารถใช้คำว่า ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ได้อย่างเต็มปาก เต็มคำ แถมยังเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ยกย่อง เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าในแง่ความคิด-ความอ่าน หรือในแง่ของวัตรปฏิบัติ ที่ไม่ได้ แก่เพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน ไม่ได้โอนไป-เอนมา เหมือนบรรดาผู้ใหญ่ประเภทไม้หลัก-ปักขี้เลนทั้งหลาย...
-------------------------------------------------
ผู้ใหญ่ที่ว่านี้...ก็คือคุณ ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้เคยยืนหยัดเผชิญหน้ากับ อำนาจรัฐ ที่ไม่ถูก-ไม่ต้อง จนอาจถือเป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง ของ ข้าราชการประจำ ที่กล้าท้าทายกับอำนาจทางการเมืองที่ไม่ชอบธรรม ไม่อยู่ในครรลอง-คลองธรรม แบบชนิดถึงไหนก็ถึงกันมาแล้วนั่นเอง ซึ่งได้โพสต์ข้อความบางอย่างไว้ใน เฟซบุ๊ก ของตัวเอง และถูกหยิบมาเป็นข่าวในเว็บไซต์ ไทยโพสต์ วันวาน อันเป็นข้อความที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะ เข้าถึง และ เข้าใจ บรรดา คนรุ่นใหม่ อย่างชนิดแทบไม่มีอคติ หรือไม่ได้มีความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย...
------------------------------------------------
คุณ ถวิล ท่านว่าเอาไว้ดังนี้ว่า...“ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ชื่นชมคนรุ่นใหม่ตลอดมา และเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ได้ดี เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยผ่านวัยคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับคนรุ่นเก่ามาก่อน และแน่นอน...ในที่สุดคนรุ่นใหม่ก็ต้องรับหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศ แทนคนรุ่นเก่า ตามวัฏจักรต่อไป แต่คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนนั้น ต้องรู้...กาลเทศะด้วย สองคำนี้สำคัญมาก ฝรั่งจะเรียกอะไรก็ตาม แต่ทางภูมิปัญญาตะวันออก เราทราบกันมานานแล้วว่า เรื่องนี้สำคัญอย่างไร คือต้องรู้อะไรควรไม่ควร ถึงเวลาหรือยัง เหมาะหรือไม่เหมาะกับสังคมไทย ที่สำคัญต้องเรียนรู้จากคนรุ่นก่อนด้วย ไม่ใช่แสดงท่าทีไม่แยแส สนใจ ไปจนถึงขั้นดูถูก ดูแคลน แบ่งแยก เดียดฉันท์ อย่างที่นักการเมือง ที่เรียกตัวเองว่า...คนรุ่นใหม่...กลุ่มหนึ่ง ทำอยู่เสมอๆ...”
------------------------------------------------
บอกด้วยความเป็นห่วง เป็นใย ต่อไปอีกว่า...“ผิดไปจากนี้ เท่าที่เห็นมาเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้หรอกครับ ไม่ว่าเปลี่ยนเล็กหรือ เปลี่ยนใหญ่ ที่สำคัญนอกจากเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่สำเร็จแล้ว ยังเป็นอันตรายแก่ตัวอีกด้วย อันตรายไม่ใช่ เพราะใครเขากลั่นหรือแกล้งหรอก แต่เพราะไม่ดู...กาลเทศะ...อย่างที่ว่า นั่นแหละ ครับ!!!” จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ...แต่ยังไงๆ บรรดาผู้ได้ชื่อว่า คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย ก็น่าจะลองเอาไปคิด ไปทบทวน กันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพราะโดยน้ำเสียงที่สอดแทรกอยู่ในคำพูด คำจา หรือในข้อความที่ว่านี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า น่าจะมาจากความรัก ความเมตตา หรือความปรารถนาดีนั่นแหละเป็นหลัก...
------------------------------------------------
และอันที่จริงสิ่งทำนองนี้...ก็คือสิ่งที่บรรดา ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ทั้งหลาย พยายามพร่ำสอน พร่ำเตือน บรรดาพวกเด็กๆ มาโดยตลอด เพราะสิ่งที่เรียกว่า กาลเทศะ ในความหมายของคุณ ถวิล เปลี่ยนศรี นั้น คงหนีไม่พ้นที่ต้องอาศัย ความดี หรืออาศัย สุจริตธรรม นั่นแหละเป็นสิ่งรองรับเอาไว้ มันถึงจะเกิดขึ้นได้ และสิ่งที่ว่านี้นี่เอง...ที่ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ท่านเพิ่งหยิบมาใช้เป็น คติธรรม ให้กับบรรดาพวกเด็กๆ ใน วันเด็ก ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ โดยทรงชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ประมาณว่า...“ความรู้ที่เกิดจากบุคคลผู้มีกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริตนั้น ย่อมไม่อาจเรียกว่า...ปัญญา...เพราะปัญญาก็คือความรอบรู้และความเข้าใจในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างความดีและความชั่ว รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ เป็นโทษ ดังนั้นสำหรับผู้ซึ่งปรารถนาจะเป็นผู้มีปัญญาสอดส่องได้อย่างทั่วถึง เพื่อสามารถแก้ปัญหา ตลอดจนพัฒนาตนให้ประสบความสุขและความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีสุจริตธรรมเป็นที่ตั้งเสียก่อน มีคุณธรรมพื้นฐานรองรับ ก่อนจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้มีปัญญา...”
------------------------------------------------
ความเก่ง ความฉลาด ความรอบรู้...ของบรรดาเด็กๆ หรือ คนรุ่นใหม่ แห่งพรรคอนาคตใหม่นั้น ออกจะเป็นสิ่งที่แทบไม่มีใครคิดจะปฏิเสธ เพราะแค่ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาครั้งแรก ก็กวาดเก้าอี้ ส.ส.ปาเข้าไปเกือบร้อยๆ เก้าอี้ แถมหัวหน้าพรรคยังผงาดขึ้นเป็น ว่าที่นายกรัฐมนตรี (โซเดียม) ซะเฉยเลย แต่นอกเหนือไปจากนั้น...มันยังดันมี ความลื่นไหล สอดแทรกเข้ามาด้วย หรือสิ่งที่ออกจะขัดแย้ง แปลกแยก กับ สุจริตธรรม หรือ ความดีงาม ทั้งหลาย อันนี้นี่แหละ...ที่มันอาจส่งผลให้เกิดอาการ ความรู้ท่วมหัว-เอาตัวไม่รอด ขึ้นมาได้ง่ายๆ ด้วยประการฉะนี้...แล...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sun Yat-Sen... “Success comes early or late to those who strive, but the good are surely award in the end. – ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ผู้พากเพียรย่อมได้รับไม่ช้าก็เร็ว แต่ความดี...คือสิ่งที่คนดีย่อมได้รับผลตอบแทนในบั้นปลายอย่างจริงแท้แน่นอน...”
---------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |