พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ทหารและตำรวจ ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณ "ประเทศจะเป็นปึกแผ่นได้ด้วยประชาชนทุกหมู่เหล่า" ทรงให้ "ทหาร-ตำรวจ" รักษาคำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดี-ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติประชาชนตามอุดมคติอย่างเคร่งครัด
เมื่อเวลา 16.07 น. วันที่ 18 มกราคม 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งจากสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว พระลานพระราชวังดุสิต ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เพื่อทรงร่วมพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ และประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ เสร็จแล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ทรงลงพระปรมาภิไธย ทรงลงพระนามาภิไธย และทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน ประดับยศจอมทัพไทย ประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ทรงตรวจพลสวนสนามจากกองทหาร 3 เหล่าทัพ ประกอบด้วย ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.จักรชัย ศรีคชา นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ พล.ต.ณัฐวุฒิ จาตุศรีพิทักษ์ นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จ และมีรถผู้บังคับกองผสมและรถนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย รถคันที่ 1 พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสธ.ทหาร และรองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ รถคันที่ 2 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ รถคันที่ 3 พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ รถคันที่ 4 พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.สุทธิพันธุ์ ต่ายทอง เสนาธิการทหารอากาศ รถคันที่ 5 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
และรถคันที่ 6 พลโทธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บังคับกองผสม ตามเสด็จ ขณะนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จสิ้น เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย พลโทกิตติ เกตุศรี เจ้ากรมสารบรรณทหาร ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พันเอกหญิง ธวัลยา ศรีเพ็ชร์พันธุ์ นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพันเอกหญิง หทัยภัทร ปัทมาคม ประจำสำนักงานรองเสนาธิการทหาร ทูลถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
ต่อมาพลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประจำแถวพลับพลาที่ประทับ พลเอกพรพิพัฒน์เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ จากนั้นทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพบนพลับพลาที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ
ทั้งนี้ พลเอกพรพิพัฒน์กราบบังคมทูลถวายรายงานความเป็นมาของการจัดพิธีสวนสนาม และถวายสัตย์ปฏิญาณ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล นำกำลังพลสวนสนาม ทหารและตำรวจกล่าวคำปฏิญาณตน
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ทหารและตำรวจ 39 กองพัน 10 กรม จำนวน 6,812 นายว่า "ขอขอบใจในคำอำนวยพรและไมตรีจิตของทุกคน และขอสนองพรกลับทั้งน้ำใจไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ประเทศจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ก็ด้วยคนไทยทุกหมู่เหล่าพร้อมเพรียงกันปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมีอุดมคติและจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือประโยชน์สุขของคนในชาติ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงของทหารและตำรวจในวันนี้ ทั้งได้ฟังคำปฏิญาณ แสดงความจงรักภักดีและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ขอให้นายทหาร นายตำรวจทุกคนรักษาคำปฏิญาณที่ได้ให้ไว้อย่างเคร่งครัด และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง เข้มแข็ง และเสียสละ พร้อมทั้งหมั่นศึกษาและฝึกฝนตนเอง ให้มีความจัดเจน คล่องแคล่วในหน้าที่และการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น ฝ่ายอื่นอยู่เสมอ ทุกคน ทุกฝ่าย จะได้สามารถร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์ความวัฒนาผาสุกให้แก่ประชาชน และประเทศชาติได้ตามอุดมคติที่ตั้งมั่นไว้ตลอดไป
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์และอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจต่อบ้านเมือง จงบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญ และความสามัคคีสวัสดีโดยทั่วกัน"
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสจบแล้ว กรมสวนสนามแปรขบวนเตรียมการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรกำลังสวนสนามภาคอากาศ ประกอบด้วยหมู่บินปล่อยควันสีรูปธงชาติ จำนวน 3 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์บินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย ฮ.บินหมู่ 6 เครื่อง และ ฮ.บินหมู่ 9 เครื่อง รวม 15 เครื่อง เครื่องบินรบบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย เครื่องบินรบหมู่บิน 9 และเครื่องบินรบหมู่บิน 10 รวม 19 เครื่อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงยืนรับการถวายความเคารพจากกองพันสวนสนาม ประกอบด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม 7 กรม 28 กองพัน ขณะนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า ประกอบการเดินสวนสนาม ตามด้วยกรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1 กรม 4 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง Tiger Rag กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง King Cotton กรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม 6 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า ใช้เวลาสวนสนามประมาณ 50 นาที วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสดุดีจอมราชา
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จลงจากพระที่นั่งชุมสาย ประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จฯ ออกจากลานสวนสนาม ศูนย์การทหารม้า ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร เมื่อถึงอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร เสด็จฯ ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จฯ ออกจากสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว พระลานพระราชวังดุสิต กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
การสวนสนามเทิดพระเกียรติครั้งนี้ ถือเป็นการสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทหารและตำรวจทุกหมู่เหล่าได้ร่วมในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคี ความสามารถ ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียงของเหล่าทัพ เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำรงพระราชสถานะเป็น "องค์จอมทัพไทย" โดยเหล่าทัพได้นำยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการเข้าร่วม
การจัดกำลังสวนสนามแบ่งออกเป็นกำลังภาคพื้น 10 กรมสวนสนาม 39 กองพัน จำนวน 6,812 นาย และ 1 กองพันทหารม้า ประกอบด้วย 7 กรมสวนสนามเดินเท้า (กรมละ 4 กองพัน ), 2 กรมยานยนต์สวนสนาม และ 1 กองพันทหารม้า รวมถึงกำลังทางอากาศ จำนวน 37 เครื่อง ประกอบด้วยหมู่บิน AU-23 บินปล่อยควันสีรูปธงชาติ ตามด้วยหมู่บินเฮลิคอปเตอร์ 4 เหล่าทัพ โดยบินหมู่ 6 และหมู่ 9 รวมถึงหมู่เครื่องบินรบ ทำการบินหมู่ 9 และหมู่ 10 สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาสวนสนาม ในส่วนของกองทัพบก เช่น ยานเกราะล้อยาง stryker BTR-3E1 รถถัง M60A3 ปืนใหญ่ 105 มม., 155 มม. ปตอ. 35 มม. รถบรรทุกจรวด จรวดหลายลำกล้อง รถถัง OPLOT รถถัง VT-4 กองทัพเรือ เช่น รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAVP ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จรวด TOW ปืนใหญ่ 155 มม. กองทัพอากาศ เช่น เครื่องบิน F-5, F-16, T-50, Gripen JAS-39 และเฮลิคอปเตอร์ แบบ EC 725.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |