“ประยุทธ์” ยอมรับปัญหาฝุ่นเหมือนวัวพันหลัก เพราะสั่งไม่ได้เนื่องจากมีเรื่องสิทธิมนุษยชน “นฤมล” เผย ครม.สัญจรเตรียมเคาะ 12 แนวทางเพิ่มเติม ใช้ไม้แข็งทั้งคุมเข้มรถบรรทุก-ห้ามใช้รถควันดำ-ปิดโรงงาน
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า มีแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหา แต่ทั้งหมดอยู่ที่ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชน เพราะปริมาณรถยนต์ใน กทม.มีมากถึง 10 ล้านคัน ต้องไปดูว่ารถประเภทใดสร้างปัญหามลพิษมากที่สุด ซึ่งปริมาณรถที่ทำให้เกิดปัญหาจราจรถือเป็น 70% ของปัญหาฝุ่น เราก็ต้องแก้ไขต่อไป ซึ่งพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนก็อาจได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องไปเข้มงวดกับรถเก่าที่มีควันดำ รัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหาแบบวัวพันหลักไปเรื่อยๆ แต่แนวทางยังมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาทั้งระบบ แต่จะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน เพราะในต่างประเทศก็มี PM 2.5 สูง เช่น จีนแต่สามารถคุมได้ ซึ่งต่างจากของไทยที่สั่งไม่ได้เพราะมีเรื่องสิทธิมนุษยชน เหล่านี้คือความแตกต่าง
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการเป็นประธานการประชุมหารือการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า สถิติสถานการณ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ดีขึ้น แต่รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ อยากให้จำนวนวันที่มีฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐานลดลงกว่านี้อีก จึงมีมาตรการต่างๆ ออกมา โดยกรมควบคุมมลพิษได้พิจารณามาตรการเพิ่มเติม ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุม ครม.ที่จังหวัดนราธิวาสในวันที่ 21 ม.ค.นี้ โดยขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
ด้านนายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวถึง 12 มาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละอองว่า 1.ขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯ จากวงแหวนรัชดาภิเษกเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก 2.ห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ในวันคี่ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ.63 3.ตรวจวัดควันดำรถโดยสาร (ไม่ประจำทาง) ทุกคัน โดยเพิ่มชุดตรวจเป็น 50 ชุด ครบทั้ง 50 เขต 4.กรมการขนส่งทางบกปฏิบัติการร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจรในการตรวจสอบตรวจจับรถควันดำสำหรับรถโดยสารและรถบรรทุก เพื่อออกคำสั่งห้ามใช้รถ 5.ตรวจสอบโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานให้สั่งปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หรือสั่งหยุดการประกอบกิจการ
6.กำกับให้กิจกรรมการก่อสร้างรถไฟฟ้าและก่อสร้างอื่นๆ เป็นไปตามข้อกำหนด ไม่ทำให้เกิดฝุ่นและปัญหาการจราจรบริเวณรอบพื้นที่ก่อสร้าง 7.ไม่ให้มีการเผาในที่โล่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่กระทำการเผา 8.จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาศัยอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคุมการเผาในที่โล่งในช่วงสถานการณ์วิกฤติฝุ่นละออง และเข้มงวดการควบคุมยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง 9.ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกิน 10 PPM ซึ่งเป็นน้ำมันที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองน้อย 10.ขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาทำงาน และรถยนต์ของส่วนราชการต้องผ่านมาตรฐานควันดำทุกคัน 11.ให้ภาครัฐ ภาคเอกชนและสถานศึกษาสนับสนุนการจัดโครงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ดีเซลที่มีอายุเกิน 5 ปี เพื่อช่วยลดฝุ่นละออง และ 12.สร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง
วันเดียวกัน ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม.ไปตรวจเยี่ยมจุดติดตั้งสถานีตรวจวัด PM 2.5 พร้อมเปิดการให้บริการคลินิกมลพิษที่โรงพยาบาลกลาง ซึ่ง กทม.มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศฝุ่นละออง PM 2.5 จำนวน 24 สถานี ติดตั้งเพิ่มเติมในเดือน ม.ค.จำนวน 13 สถานี และจะติดตั้งเพิ่มเดือน ก.พ.นี้อีก 13 สถานี รวมสถานีตรวจวัดทั้งสิ้น 50 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |